ข้อเท็จจริงมีดังนี้
ปี 2554 กู้ซื้อที่ดินพร้อมบ้านมีชื่อถือครองหลังโฉนดร่วมกับอดีตสามี มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมาโดยตลอด
ปี 2559 ได้จดทะเบียนหย่า มีการทำบันทึกหลังการหย่าว่าที่ดินพร้อมบ้านหลังนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเราและเราก็ยังอยู่บ้านหลังนี้ มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมาตลอด แต่ยังไม่ได้ไปทำการเปลี่ยนชื่อหลังโฉนด
26 ธันวาคม 2567 นำบันทึกการหย่า มาดำเนินการเปลี่ยนชื่อหลังโฉนดที่ดิน เป็นชื่อเราคนเดียว ซึ่งบ้านยังผ่อนไม่หมดติดจำนองกับธนาคารอยู่...โดยที่ดินจดทะเบียนเป็นประเภท แบ่งทรัพย์สินระหว่างสมรส
23 มิถุนายน 2568 ขายบ้านพร้อมที่ดิน เจ้าหน้าที่ที่ดิน เก็บเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และคำนวณภาษีเงินได้ฯ คิดจากส่วนที่ได้รับจากสามีเมื่อปี 2567 คิดครึ่งหนึ่งจากราคาขาย 2 ล้าน เราเสียภาษีธุรกิจเฉพาะไป 33,000 บาท (1,000,000 x 3.3%) ภาษีเงินได้ฯ 19,000 บาท (ไม่แน่ใจคิดยังไง เห็นว่าคิดส่วนที่ได้จากสามีคนละแบบกันกับส่วนของเรา) เราเห็นว่าไม่ยุติธรรมเพราะเป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยมาโดยตลอด เป็นเวลากว่า 14 ปี ไม่ได้จะทำเป็นธุรกิจ
ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินอ้างว่าดูจากวันที่หลังโฉนดที่มาจดทะเบียนล่าสุดในส่วนที่แบ่งทรัพย์สินระหว่างสมรส คือ 26 ธันวาคม 2567 ในส่วนครึ่งหนึ่งของสามีหากจะขายโดยไม่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะในส่วนนี้ เราต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านต่อให้ครบ 1 ปี นับจากวันที่ 26 ธันวาคม 2567 คือต้องขายหลังจาก วันที่ 26 ธันวาคม 2568 แต่เราขายได้ก่อน เราพยายามโต้แย้งขอให้ดูข้อเท็จจริง หลังเอกสารบันทึกการหย่าที่ได้ทำนิติกรรมไว้กับเจ้าหน้าที่ปกครอง ในปี 2559 ซึ่งมีผลผูกพันตามกฎหมายแล้ว ว่าเรามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านหลังนี้โดยชอบตามกฎหมาย และหลังจากหย่าเราก็อาศัยอยู่และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนี้มาโดยตลอด เกือบ 10 ปี จนถึงวันที่ขาย ควรเริ่มนับระยะเวลาครอบครองตั้งแต่วันที่ได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์มาและยังอาศัยอยู่จนถึงวันที่ขายในปี 2568 ส่วนของสามีก็เป็นการได้มาเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย มิได้มุ่งจะนำมาขายเป็นทางการค้าหรือหากำไรจากอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีเจตนาทำเป็นธุรกิจแน่นอน มันไม่ยุติธรรมที่มาเก็บเสียภาษีธุรกิจเฉพาะกับเรา เพราะไม่เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไรที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 (6) แห่ง ป.รัษฎากร แต่ทางที่ดินไม่ยอม เรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ ณ วันที่รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เราจึงต้องจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้ฯ ในส่วนนั้นไปก่อน
อยากทราบว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ก่อนอื่นต้องทำหนังสือถึงกรมสรรพากรให้พิจารณาใช่หรือไม่ ถ้าฟ้องเราต้องทำอย่างไร ฟ้องศาลภาษีอากรต้องมีทนายมั้ย เราก็ไม่รู้กฎหมายอะไรมากมาย แต่แค่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม
[K1]
ทำไมเราต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ทั้งที่ขายบ้านที่อยู่อาศัยของตัวเอง
ปี 2554 กู้ซื้อที่ดินพร้อมบ้านมีชื่อถือครองหลังโฉนดร่วมกับอดีตสามี มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมาโดยตลอด
ปี 2559 ได้จดทะเบียนหย่า มีการทำบันทึกหลังการหย่าว่าที่ดินพร้อมบ้านหลังนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเราและเราก็ยังอยู่บ้านหลังนี้ มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมาตลอด แต่ยังไม่ได้ไปทำการเปลี่ยนชื่อหลังโฉนด
26 ธันวาคม 2567 นำบันทึกการหย่า มาดำเนินการเปลี่ยนชื่อหลังโฉนดที่ดิน เป็นชื่อเราคนเดียว ซึ่งบ้านยังผ่อนไม่หมดติดจำนองกับธนาคารอยู่...โดยที่ดินจดทะเบียนเป็นประเภท แบ่งทรัพย์สินระหว่างสมรส
23 มิถุนายน 2568 ขายบ้านพร้อมที่ดิน เจ้าหน้าที่ที่ดิน เก็บเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ และคำนวณภาษีเงินได้ฯ คิดจากส่วนที่ได้รับจากสามีเมื่อปี 2567 คิดครึ่งหนึ่งจากราคาขาย 2 ล้าน เราเสียภาษีธุรกิจเฉพาะไป 33,000 บาท (1,000,000 x 3.3%) ภาษีเงินได้ฯ 19,000 บาท (ไม่แน่ใจคิดยังไง เห็นว่าคิดส่วนที่ได้จากสามีคนละแบบกันกับส่วนของเรา) เราเห็นว่าไม่ยุติธรรมเพราะเป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยมาโดยตลอด เป็นเวลากว่า 14 ปี ไม่ได้จะทำเป็นธุรกิจ
ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินอ้างว่าดูจากวันที่หลังโฉนดที่มาจดทะเบียนล่าสุดในส่วนที่แบ่งทรัพย์สินระหว่างสมรส คือ 26 ธันวาคม 2567 ในส่วนครึ่งหนึ่งของสามีหากจะขายโดยไม่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะในส่วนนี้ เราต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านต่อให้ครบ 1 ปี นับจากวันที่ 26 ธันวาคม 2567 คือต้องขายหลังจาก วันที่ 26 ธันวาคม 2568 แต่เราขายได้ก่อน เราพยายามโต้แย้งขอให้ดูข้อเท็จจริง หลังเอกสารบันทึกการหย่าที่ได้ทำนิติกรรมไว้กับเจ้าหน้าที่ปกครอง ในปี 2559 ซึ่งมีผลผูกพันตามกฎหมายแล้ว ว่าเรามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านหลังนี้โดยชอบตามกฎหมาย และหลังจากหย่าเราก็อาศัยอยู่และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนี้มาโดยตลอด เกือบ 10 ปี จนถึงวันที่ขาย ควรเริ่มนับระยะเวลาครอบครองตั้งแต่วันที่ได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์มาและยังอาศัยอยู่จนถึงวันที่ขายในปี 2568 ส่วนของสามีก็เป็นการได้มาเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย มิได้มุ่งจะนำมาขายเป็นทางการค้าหรือหากำไรจากอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีเจตนาทำเป็นธุรกิจแน่นอน มันไม่ยุติธรรมที่มาเก็บเสียภาษีธุรกิจเฉพาะกับเรา เพราะไม่เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไรที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2 (6) แห่ง ป.รัษฎากร แต่ทางที่ดินไม่ยอม เรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ ณ วันที่รับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เราจึงต้องจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีเงินได้ฯ ในส่วนนั้นไปก่อน
อยากทราบว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ก่อนอื่นต้องทำหนังสือถึงกรมสรรพากรให้พิจารณาใช่หรือไม่ ถ้าฟ้องเราต้องทำอย่างไร ฟ้องศาลภาษีอากรต้องมีทนายมั้ย เราก็ไม่รู้กฎหมายอะไรมากมาย แต่แค่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม
[K1]