“โกโก้ร้านไอ้ต้น” แบรนด์ไทยโลโก้นักเรียนหนวด สะกดใจวัยรุ่นจีน

วิเคราะห์โมเดล “โกโก้ร้านไอ้ต้น” เครื่องดื่มมีโลโก้นักเรียนหนวด แบรนด์ไทยสะกดใจจีน จากร้านริมรางรถไฟสู่แฟรนไชส์ 160 สาขาในจีน โกโก้รสเข้ม บวกไอเดียกวน ๆ

จากร้านเล็กริมรางรถไฟ สู่แฟรนไชส์ต่างแดน “โกโก้ร้านไอ้ต้น” แบรนด์โกโก้ฝีมือหนุ่มนักดนตรีกลางคืนในวันตกงาน พลิกชีวิตด้วยไอเดียสุดจี๊ด ทั้งชื่อแบรนด์ “ร้านไอ้ต้น” ที่ใครเห็นก็สงสัยว่า "ไอ้ต้นคือใคร?" และโลโก้รูปบัตรนักเรียนติดหนวด จนกลายเป็นไวรัลอยู่ช่วงหนึ่ง 
 

ต้น - ประชานารถ โพธิสาราช ผู้ก่อตั้ง เผยจุดเริ่มต้นจากเงิน 3,000 บาท และรถมอเตอร์ไซค์หนึ่งคัน หลังชีวิตนักดนตรีหยุดชะงักเพราะโควิด เขาเริ่มขายกาแฟริมรางรถไฟ ก่อนปิ๊งไอเดียทำร้านขายโกโก้ และตั้งชื่อ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” เพื่อให้คนที่เห็น…จำไม่ลืม และอยากรู้ว่า “ไอ้ต้น” คือใคร
 

ในช่วง 5-6 เดือนแรกที่เริ่มกิจการ ยอดขายเฉลี่ย 400 แก้วต่อวัน ราคาแก้วละ 25 บาท มีความเข้มข้น 3 ระดับ คือ ละอ่อน, เข้ม, โคตรเข้ม และโคตรหวาน โดยส่วนมากรสชาติโกโก้จะติดขมนิดหน่อย ไม่หวานมาก จึงตอบโจทย์คนดูแลสุขภาพในยุคนี้
 

ความขี้เล่น จึงกลายเป็นจุดขาย
 

ทำให้คนสนใจเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ จน โกโก้ร้านไอ้ต้น มีสาขาทะลุไปกว่า 210 สาขา ขณะเดียวกันก็ยังสามารถไปถึงตลาดจีนได้ 
 

โดยในปี 2566 ได้มี บริษัท Yunnan Nuotai Catering บริษัทสัญชาติจีนเข้ามาซื้อแฟรนไชส์เพื่อนำแบรนด์โกโก้ร้านไอ้ต้นไปตีตลาดในประเทศจีน โดยข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ บอกว่า รูปแบบการบริหารงานของโกโก้ร้านไอ้ต้นในจีน จะดำเนินการโดยทีมงานชาวจีน 100%  แต่จะใช้วัตถุดิบจากประเทศไทยประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งหมด และใช้ชื่อร้านเป็นภาษาจีน Da HuZi Bing KeKe ที่หมายถึง “โกโก้หนวดใหญ่”
 

ซึ่งด้วยร้านขนาดกะทัดรัด ที่ใช้งบลงทุนและบริหารจัดการต่อสาขาไม่เยอะ ก็ทำให้ โกโก้หนวดใหญ่ ในจีนสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วในหลายมณฑล โดยหลังเข้าไปในจีนได้เพียงแค่ปีเดียว ก็สามารถขยายสาขาได้ถึง 160 สาขา โดยจะขยายสาขาตามเมืองต่าง ๆ ในหลายมณฑล ทั้งที่เป็นรูปแบบร้านประจำ หรือร้านแบบ Pop-up Store ตามสถานที่หรือศูนย์การค้าที่มีผู้คนพลุกพล่าน 
 

 

โดยสรุปแล้ว หากวิเคราะห์จุดเด่นของโกโก้ร้านไอ้ต้น 
 

1.การสร้างความแตกต่างด้วยภาพลักษณ์และแบรนด์ดิ้งที่ชัดเจน
โลโก้ “นักเรียนหนวด” และชื่อ “ไอ้ต้น” ที่สื่อถึงบุคลิกและเรื่องราวของเจ้าของร้าน ทำให้แบรนด์ดูเป็นกันเองและมีความแปลกใหม่ ซึ่งช่วยกระตุ้นความสนใจจากกลุ่มวัยรุ่นและผู้บริโภคที่รักความคิดสร้างสรรค์
การใช้ภาพบัตรนักเรียนที่เป็นเอกลักษณ์สร้างเรื่องเล่า (storytelling) เกี่ยวกับต้น ประชานารถ โพธิสาราช ที่มีประวัติการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างน่าทึ่ง
 

นอกจากนี้เจ้าของยังได้ใส่กิมมิกเล็ก ๆ เพิ่มความกวนเข้าไป ด้วยการปรับเปลี่ยนหนวดหรือการแต่งกายบนโลโกข้างแก้ว ให้แตกต่างกันไปตามเมนูในแต่ละระดับความเข้มข้นที่ลูกค้าเลือก เช่น หนวดเกลี้ยงเกลาเป็นระดับละอ่อน มีหนวดเล็กน้อยเป็นระดับเข้ม ไปจนถึงหนวดเฟิ้มเป็นระดับโคตรเข้ม หรือสั่งเมนูพิเศษช่วงคริสต์มาส ไอ้ต้นก็จะแต่งตัวเป็นซานตาคลอส
 

2.ตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ในจีน
 

ในตลาดจีนที่มีวัฒนธรรมดื่มชาที่ยึดมั่นอยู่แล้ว การเปิดตัว “โกโก้” ในฐานะเครื่องดื่มใหม่ที่แตกต่างจึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจ
แบรนด์มุ่งเน้นการสร้าง “ความสนุก” และประสบการณ์ที่น่าจดจำให้แก่ลูกค้า ผ่านการถ่ายรูปและแชร์ประสบการณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง Little Red Book ที่เป็นแหล่งแรงบันดาลใจและกระจายข่าวไวรัล
3.การเล่าเรื่องและการตลาดเชิงสร้างสรรค์
ต้น ประชานารถ ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวที่ยากลำบากในช่วงโควิดเพื่อเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์ ทำให้เรื่องราวแบรนด์มีความน่าเชื่อถือและเข้าถึงจิตใจผู้บริโภค
การตั้งชื่อ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” นั้นมีความขี้เล่นและใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากจะทำให้ผู้บริโภคสงสัย “ไอ้ต้น” คือใครแล้ว ยังสร้างความจดจำและกระตุ้นให้มีการพูดถึงแบรนด์ในสังคมออนไลน์
 

ความสำเร็จในจีนถือเป็นก้าวใหญ่ของ SME ไทย ที่ใช้กลยุทธ์สุดครีเอตเจาะใจคนรุ่นใหม่ ด้วยเมนู “โกโก้” ที่ถือเป็นของใหม่ในดินแดนแห่งชา
 

“โกโก้ไม่ใช่พระเอกในร้านคาเฟ่ไทย แต่เราจะทำให้มันกลายเป็นเครื่องดื่มหลัก เหมือนชาไทย” ต้นบอกกับฝันไกล โดยมีเป้าหมายต่อไปคือมาเลเซีย และประเทศอื่นในอาเซียน
 

Sourc : ข้อมูลและภาพ โซเชียลมีเดีย โกโก้ไอ้ต้น
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่