1. ท่าทีของ “อุ๋งอิ๋ง” กับฮุนเซน
ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มร้อนแรง
นายกฯ ไทยกลับแสดงท่าที "อ่อน" โดยไม่ปฏิเสธ ไม่ปลุกใจ ไม่ยืนยันจุดยืนชัดเจน
ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า
เป็นแผนวางหมากเพื่อให้มีรัฐประหารหรือไม่
2. ทักษินเงียบผิดปกติ
ทักษินเคยเป็นคนพูดเก่ง และไม่เคยปล่อยให้ภาพลักษณ์ของตัวเองหรือลูกถูกทำลาย
แต่ครั้งนี้กลับ "นิ่งสนิท" ไม่ออกมาปกป้องลูกสาว
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจมี
ความลับหรือข้อมูลบางอย่าง ที่ทำให้เขาไม่กล้าขยับ
3. สื่อกำลัง “ปั้น” แม่ทัพภาคที่ 2 ขึ้นมารับไม้ต่อ
สื่อบางเจ้าเริ่มเสนอภาพของแม่ทัพว่า “เด็ดขาด มีวิสัยทัศน์ ช่วยชาติ”
ทั้งที่ไม่มีผลงานเด่นชัด และเพิ่งโผล่มาไม่นาน
เหมือนกำลัง “บิ๊วท์” ให้คนเชื่อว่าทหารจะมาแก้ปัญหาทั้งหมดได้
คล้ายวิธีที่เคยใช้ก่อนรัฐประหาร 2549 และ 2557
4. ถ้าประชาชนลุกขึ้นต่อต้าน = จบเกม
ความขัดแย้งแบบเสื้อเหลือง-เสื้อแดง อาจถูกจัดฉากซ้ำอีก
ถ้าเกิดความรุนแรงเล็กน้อย → จะกลายเป็นข้ออ้างให้ทหาร “ยึดอำนาจเพื่อความสงบ”
ฮุนเซนอาจเกี่ยวข้องกับการผลักดันสถานการณ์ชายแดนให้เป็นชนวน
เพื่อทำให้ “การรัฐประหารดูเหมือนจำเป็น”
5. ประชาชนรู้ทันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ถึงจะมีคนมองเกมออก แต่ระบบอำนาจรัฐ, กฎหมาย, สื่อ และทุนยังอยู่ฝั่งเดิม
รัฐประหารอาจเกิดโดยไม่มีเสียงปืน — แต่ใช้ศาล, ส.ว., และการจัดภาพผ่านสื่อ
สรุป... เราคิดไปเองไหม?
เราก็ไม่ได้อยากคิดล่วงหน้าไปไกล
แต่อะไรหลายอย่างมันชวนให้รู้สึกว่ามีบางอย่าง "ไม่ธรรมดา" กำลังถูกวางไว้เงียบ ๆ
อาจไม่มีอะไรจริงก็ได้
แต่อย่างน้อย… การตั้งคำถามก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันเกิดขึ้นโดยไม่มีใครสงสัยเลย
"รัฐประหารเงียบกำลังจะเกิดขึ้นจริงหรือ?" วิเคราะห์จากเหตุการณ์ล่าสุด
ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มร้อนแรง
นายกฯ ไทยกลับแสดงท่าที "อ่อน" โดยไม่ปฏิเสธ ไม่ปลุกใจ ไม่ยืนยันจุดยืนชัดเจน
ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นแผนวางหมากเพื่อให้มีรัฐประหารหรือไม่
2. ทักษินเงียบผิดปกติ
ทักษินเคยเป็นคนพูดเก่ง และไม่เคยปล่อยให้ภาพลักษณ์ของตัวเองหรือลูกถูกทำลาย
แต่ครั้งนี้กลับ "นิ่งสนิท" ไม่ออกมาปกป้องลูกสาว
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจมี ความลับหรือข้อมูลบางอย่าง ที่ทำให้เขาไม่กล้าขยับ
3. สื่อกำลัง “ปั้น” แม่ทัพภาคที่ 2 ขึ้นมารับไม้ต่อ
สื่อบางเจ้าเริ่มเสนอภาพของแม่ทัพว่า “เด็ดขาด มีวิสัยทัศน์ ช่วยชาติ”
ทั้งที่ไม่มีผลงานเด่นชัด และเพิ่งโผล่มาไม่นาน
เหมือนกำลัง “บิ๊วท์” ให้คนเชื่อว่าทหารจะมาแก้ปัญหาทั้งหมดได้
คล้ายวิธีที่เคยใช้ก่อนรัฐประหาร 2549 และ 2557
4. ถ้าประชาชนลุกขึ้นต่อต้าน = จบเกม
ความขัดแย้งแบบเสื้อเหลือง-เสื้อแดง อาจถูกจัดฉากซ้ำอีก
ถ้าเกิดความรุนแรงเล็กน้อย → จะกลายเป็นข้ออ้างให้ทหาร “ยึดอำนาจเพื่อความสงบ”
ฮุนเซนอาจเกี่ยวข้องกับการผลักดันสถานการณ์ชายแดนให้เป็นชนวน
เพื่อทำให้ “การรัฐประหารดูเหมือนจำเป็น”
5. ประชาชนรู้ทันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ถึงจะมีคนมองเกมออก แต่ระบบอำนาจรัฐ, กฎหมาย, สื่อ และทุนยังอยู่ฝั่งเดิม
รัฐประหารอาจเกิดโดยไม่มีเสียงปืน — แต่ใช้ศาล, ส.ว., และการจัดภาพผ่านสื่อ
สรุป... เราคิดไปเองไหม?
เราก็ไม่ได้อยากคิดล่วงหน้าไปไกล
แต่อะไรหลายอย่างมันชวนให้รู้สึกว่ามีบางอย่าง "ไม่ธรรมดา" กำลังถูกวางไว้เงียบ ๆ
อาจไม่มีอะไรจริงก็ได้
แต่อย่างน้อย… การตั้งคำถามก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันเกิดขึ้นโดยไม่มีใครสงสัยเลย