ดอกเบี้ยนโยบาย กระสุนที่มีจำกัด ต้องใช้อย่างคุ้มค่า: การตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากหลายภาคส่วนให้ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนถึงความรอบคอบในการบริหารจัดการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกและภายในประเทศยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในด้านภูมิรัฐศาสตร์และทิศทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ธปท.ต้องคำนึงถึงอย่างรอบด้านในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจในอนาคต
ธปท.เองประเมินว่า เศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในระยะถัดไป จากผลกระทบของนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงปัจจัยภายในประเทศ โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.3% และปี 2569 จะขยายตัวเพียง 1.7% โดยที่ในประมาณการนี้ยังไม่ได้พิจารณาประเด็นการเมืองที่กำลังอยู่ในภาวะเปราะบาง ไร้เสถียรภาพ
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มแผ่วลง ตามแนวโน้มรายได้และความเชื่อมั่นที่ลดลง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าจะลงมาอยู่ที่ 35 ล้านคนในปีนี้ แม้ว่า รายรับนักท่องเที่ยวขยายตัวจากค่าใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในการแถลงของกนง. มีท่าทีระมัดระวัง และเปิดทางให้อัตราดอกเบี้ยมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป
การเลือกใช้กลยุทธ์ "Wait and See" หรือการรอดูสถานการณ์อย่างมีสติถือเป็นการรักษาขีดความสามารถในการใช้เครื่องมือนโยบายการเงินในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการ "เก็บกระสุน" นโยบายที่มีจำกัดในช่วงเวลาที่ไม่สามารถคาดเดาผลกระทบได้ชัดเจนจะช่วยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีความสามารถในการรับมือกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีขึ้น ทั้งในกรณีที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจจากปัจจัยภายนอก เช่น การทวีความรุนแรงของสงครามการค้า หรือความเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ
การใช้ "กระสุนนโยบาย" อย่างคุ้มค่าไม่เพียงแต่หมายถึงการไม่ลดดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ยังรวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยใช้เครื่องมือเฉพาะที่ตรงจุด เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หรือการเสริมสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน
การ "เก็บกระสุน" ไว้ในวันนี้ คือการลงทุนเพื่อ "ความมั่นคง" ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นการวางรากฐานเพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อพายุลูกใหญ่มาถึง ประเทศไทยจะมีทรัพยากรและเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดไว้รับมือ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอันเป็นหัวใจสำคัญของความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน
บทบรรณาธิการ
https://www.thansettakij.com/columnist/editorial/631227
ดูจากกราฟหุ้นกู้ A นี้ลดเยอะมาก 2.4%
ดอกเบี้ยนโยบาย กระสุนที่มีจำกัด ต้องใช้อย่างคุ้มค่า
ดอกเบี้ยนโยบาย กระสุนที่มีจำกัด ต้องใช้อย่างคุ้มค่า: การตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากหลายภาคส่วนให้ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนถึงความรอบคอบในการบริหารจัดการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกและภายในประเทศยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในด้านภูมิรัฐศาสตร์และทิศทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ธปท.ต้องคำนึงถึงอย่างรอบด้านในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจในอนาคต
ธปท.เองประเมินว่า เศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในระยะถัดไป จากผลกระทบของนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงปัจจัยภายในประเทศ โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.3% และปี 2569 จะขยายตัวเพียง 1.7% โดยที่ในประมาณการนี้ยังไม่ได้พิจารณาประเด็นการเมืองที่กำลังอยู่ในภาวะเปราะบาง ไร้เสถียรภาพ
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มแผ่วลง ตามแนวโน้มรายได้และความเชื่อมั่นที่ลดลง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าจะลงมาอยู่ที่ 35 ล้านคนในปีนี้ แม้ว่า รายรับนักท่องเที่ยวขยายตัวจากค่าใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในการแถลงของกนง. มีท่าทีระมัดระวัง และเปิดทางให้อัตราดอกเบี้ยมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป
การเลือกใช้กลยุทธ์ "Wait and See" หรือการรอดูสถานการณ์อย่างมีสติถือเป็นการรักษาขีดความสามารถในการใช้เครื่องมือนโยบายการเงินในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการ "เก็บกระสุน" นโยบายที่มีจำกัดในช่วงเวลาที่ไม่สามารถคาดเดาผลกระทบได้ชัดเจนจะช่วยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีความสามารถในการรับมือกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีขึ้น ทั้งในกรณีที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจจากปัจจัยภายนอก เช่น การทวีความรุนแรงของสงครามการค้า หรือความเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ
การใช้ "กระสุนนโยบาย" อย่างคุ้มค่าไม่เพียงแต่หมายถึงการไม่ลดดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ยังรวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยใช้เครื่องมือเฉพาะที่ตรงจุด เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หรือการเสริมสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน
การ "เก็บกระสุน" ไว้ในวันนี้ คือการลงทุนเพื่อ "ความมั่นคง" ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นการวางรากฐานเพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อพายุลูกใหญ่มาถึง ประเทศไทยจะมีทรัพยากรและเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดไว้รับมือ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอันเป็นหัวใจสำคัญของความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน
บทบรรณาธิการ
https://www.thansettakij.com/columnist/editorial/631227
ดูจากกราฟหุ้นกู้ A นี้ลดเยอะมาก 2.4%