ย้อนไปช่วงวัยเบญจเพส 25 ปี พ่อแม่ขอร้องให้ผมบวชเรียน เนื่องจากผมมีนิสัย ชอบเที่ยวเตร่ เมาแล้วชอบมีเรื่องมีราว หัวร้างข้างแตกเป็นประจำ ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป ที่ยอมบวชก็เพราะ พ่อแม่ต้องเสียน้ำตา กลัวว่าผมคงตายในวัยเลือดร้อนนี้ละ
ผมไม่เคยมีความศรัทธาต่อศาสนาใดๆ ไม่เชื่อเรื่องทำบุญแล้วได้บุญ ผีสางก็นิทานหลอกเด็ก ให้เรากลัว แม้แต่พระพุทธเจ้า มีจริงหรือเปล่าไม่รู้
บวชก่อนเข้าพรรษา ๑ เดือน กิจวัตรประจำวันก็เปลี่ยนไป ทุกวันคือ บิณฑบาต สวดมนต์ กวาดลานวัด และจำวัด เวลาว่างจึงมาก จึงตัดสินใจท่องบทสวดมนต์เพื่อให้เรามีอะไรทำ โดยเริ่มท่องบทพระอภิธรรม ตลอดบทต่างๆที่ใช้เกี่ยวกับงานอวมงคล (งานศพ)ท่องจำจนขึ้นใจได้ภายใน สัปดาห์แรก ลำดับถัดไป ท่องบทเกี่ยวกับงานมงคล (งานแต่ง ขึ้นบ้านใหม่) ถัดมาคือบททำวัตรเช้าวัตรเย็น ภายใน ๑ เดือนก่อนเข้าพรรษา ท่องบทสวด ได้ทุกบท จำได้ขึ้นใจ หลับตาสวดได้ ไม่มีผิดเพี้ยน
เมื่อเข้าพรรษา พระประมาณ๑๐๐ รูป หลายวัด(ไม่มีโบถส์) ต้องมาร่วมสังฆกรรมที่วัดนี้(วัดประจำตำบล) ซึ่งพระพี่เลี้ยงที่ดูแลผม ได้ขึ้นนั่งกลางหมู่สงฆ์ สวดบทพระปาฏิโมกข์
จากวันนั้น ผมขอหลวงพ่อ สวดบทพระปาฏิโมกข์ (หลวงพ่อท้วงติง เพราะพระหลายรูป วิกลจริตเพราะสวดไม่สำเร็จ) หลังจากทำพิธีบูชาพระรัตนตรัย กราบไหว้ครูบาอาจารย์ ผมก็ปลีกวิเวก ขึ้นเขา ไปอยู่บนกุฏิเล็กๆ ท่ามกลางป่าไม้ ห่างไปสัก 10 เมตร ทางด้านซ้าย คือ เจดีย์ใส่กระดูก และยังมี ศพเปียก (ยังไม่เผา)
ความสงบ ทำให้สามารถท่องจำบทสวดพระปาฏิโมกข์ ได้ดี เพียงเดือนเดียว ก็สำเร็จ โดยขอขยายความดังนี้ เมื่อเริ่มท่อง จำมาแค่ประโยคเดียว เดินบิณฑบาตก็กล่าวประโยคนั้น และในระหว่างวันคำๆนี้จะผุดขึ้นมาเอง จนก่อนนอน ก็จะทบทวนทั้งหมด หลับตาลง เห็นบทสวด(อุปจารสมาธิ) สวดไปเรื่อยๆ บทสวดค้าง เหลือประโยคเดียว ท่องอยู่อย่างนั้น (ฌาณ๑) บทสวดในมโน สว่างขาว จากนี้ บทสวดทั้งหมดหายไปจากมโน(ฌาณ๒) รู้สึกว่าลมหายใจไหลต่อเนื่องเหมือนสายน้ำ เบาลงและเบามาก จนนานๆหายใจสักครั้งหนึ่ง (ฌาณ๓) และสุดท้ายเกิดความสว่างโพลง รู้สึกว่าทุกอย่างนิ่งหมด (ฌาณ๔) (ทบทวนบทสวด เกือบทุกบท ทุกวัน)
อาการทั้งหมดที่กล่าวมารวมถึงอาการของปิติ(ไม่ได้กล่าว) คือสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ไม่รู้จักสมาธิ ไม่เคยศึกษา สอบถามใคร ก็ไม่มีใครบอกได้ พยายามอ่านพระไตรปิฎก ก็ไม่เข้าใจ
ช่วงนี้เอง ได้พบเจอคนมากมากที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน โดยคนแรกที่สนทนา ช่วงกลางดึกหลังจากนอนไปได้สักพัก (ภาวนาจนหลับ) ก็ได้ยินเสียงเรียก หลวงพี่ๆๆๆ จึงเปิดหน้าต่างมองหา (กุฏิยกสูง) แสงจันทร์สลัวในคืนวันโกน หลวงพี่ช่วยหนูด้วยค่ะ หนูหิว หนูหนาว หนูชื่อ.... โยม ดึกดื่นแล้ว ไม่เหมาะไม่ควร มีอะไร พรุ่งนี้ ไปคุยกับหลวงพ่อนะ จบคำ เธอเดินหายไปทางป่าช้า เช้ามา ความสงสัยเลยเดินไปดู ไม่นานก็เจอ เลยปรึกษาหลวงพี่ที่สวดพระปาฏิโมกข์ ท่านว่า คนนี้ตายได้ไม่นาน ก่อนผมบวช อายุ ๓๑ ลูกผัวไม่มี คงไม่มีใครทำบุญให้ คุณ.. หากเจอใครมาขอแบบนี้ อุทิศให้เขาไปเลย พระปาฏิโมกข์ บุญเยอะ ผีชอบ ผมเจอบ่อย (ผมได้แต่ยืนงง เพราะเชื่อว่าผีไม่มีในโลก นรกสวรรค์ไม่มี) จากนี้มาเจอบ่อยมาก สัก ๓๐ คนได้
เจอบ่อยๆก็ชักรำคาญ ชักขยาด ความคิดนี้สับสนไปหมด ตัดสินใจ หนีขึ้นเขาไปบนพระประธาน ปักกลด หน้าองค์พระ บันไดร้อยกว่าขั้น สูงดี จำพรรษาบนนี้ แต่ไม่วาย ในวันหนึ่งขณะสวดมนต์ ก็รู้สึกเหมือนใครจ้องมอง ลืมตาดู เจอสองผัวเมีย ที่ชรามาก ผมขาวโพลน ผิวหนังเหี่ยวย่นแต่หน้าตาเปี่ยมสุข นั่งพนมมืออยู่ หลวงพี่สวดมนต์เพราะเจ้าค่ะ โยมมาหาหน่อไม้เจ้าค่ะ ลาละเจ้าค่ะพร้อมลุกขึ้น หยิบตะกร้าสาน ขึ้นเขาไป เจอบ่อยๆ ก็เกิดสงสัย ลองเดินตามไปห่างๆ หายไปในป่าเขา ที่ชัน และรกด้วยขวากหนาม ส่วนตัวผม เต็มไปด้วยบาดแผล จากหนามและลื่นไถล
ในช่วง ๒ พรรษา พบเจออะไรมากมาย และชอบที่จะปลีกวิเวก อยู่บนเขานั้น เงียบสงบดีมาก ตัดสินใจลาสิกขา เพราะหลวงพ่อ ไม่อนุญาต ให้ธุดงค์ แต่ต้องการให้ผมไปเรียน พระเปรียญธรรม ๙ ประโยค หวังอยากมีพระมหา..
สมาธิจากบทสวดมนต์
ผมไม่เคยมีความศรัทธาต่อศาสนาใดๆ ไม่เชื่อเรื่องทำบุญแล้วได้บุญ ผีสางก็นิทานหลอกเด็ก ให้เรากลัว แม้แต่พระพุทธเจ้า มีจริงหรือเปล่าไม่รู้
บวชก่อนเข้าพรรษา ๑ เดือน กิจวัตรประจำวันก็เปลี่ยนไป ทุกวันคือ บิณฑบาต สวดมนต์ กวาดลานวัด และจำวัด เวลาว่างจึงมาก จึงตัดสินใจท่องบทสวดมนต์เพื่อให้เรามีอะไรทำ โดยเริ่มท่องบทพระอภิธรรม ตลอดบทต่างๆที่ใช้เกี่ยวกับงานอวมงคล (งานศพ)ท่องจำจนขึ้นใจได้ภายใน สัปดาห์แรก ลำดับถัดไป ท่องบทเกี่ยวกับงานมงคล (งานแต่ง ขึ้นบ้านใหม่) ถัดมาคือบททำวัตรเช้าวัตรเย็น ภายใน ๑ เดือนก่อนเข้าพรรษา ท่องบทสวด ได้ทุกบท จำได้ขึ้นใจ หลับตาสวดได้ ไม่มีผิดเพี้ยน
เมื่อเข้าพรรษา พระประมาณ๑๐๐ รูป หลายวัด(ไม่มีโบถส์) ต้องมาร่วมสังฆกรรมที่วัดนี้(วัดประจำตำบล) ซึ่งพระพี่เลี้ยงที่ดูแลผม ได้ขึ้นนั่งกลางหมู่สงฆ์ สวดบทพระปาฏิโมกข์
จากวันนั้น ผมขอหลวงพ่อ สวดบทพระปาฏิโมกข์ (หลวงพ่อท้วงติง เพราะพระหลายรูป วิกลจริตเพราะสวดไม่สำเร็จ) หลังจากทำพิธีบูชาพระรัตนตรัย กราบไหว้ครูบาอาจารย์ ผมก็ปลีกวิเวก ขึ้นเขา ไปอยู่บนกุฏิเล็กๆ ท่ามกลางป่าไม้ ห่างไปสัก 10 เมตร ทางด้านซ้าย คือ เจดีย์ใส่กระดูก และยังมี ศพเปียก (ยังไม่เผา)
ความสงบ ทำให้สามารถท่องจำบทสวดพระปาฏิโมกข์ ได้ดี เพียงเดือนเดียว ก็สำเร็จ โดยขอขยายความดังนี้ เมื่อเริ่มท่อง จำมาแค่ประโยคเดียว เดินบิณฑบาตก็กล่าวประโยคนั้น และในระหว่างวันคำๆนี้จะผุดขึ้นมาเอง จนก่อนนอน ก็จะทบทวนทั้งหมด หลับตาลง เห็นบทสวด(อุปจารสมาธิ) สวดไปเรื่อยๆ บทสวดค้าง เหลือประโยคเดียว ท่องอยู่อย่างนั้น (ฌาณ๑) บทสวดในมโน สว่างขาว จากนี้ บทสวดทั้งหมดหายไปจากมโน(ฌาณ๒) รู้สึกว่าลมหายใจไหลต่อเนื่องเหมือนสายน้ำ เบาลงและเบามาก จนนานๆหายใจสักครั้งหนึ่ง (ฌาณ๓) และสุดท้ายเกิดความสว่างโพลง รู้สึกว่าทุกอย่างนิ่งหมด (ฌาณ๔) (ทบทวนบทสวด เกือบทุกบท ทุกวัน)
อาการทั้งหมดที่กล่าวมารวมถึงอาการของปิติ(ไม่ได้กล่าว) คือสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ไม่รู้จักสมาธิ ไม่เคยศึกษา สอบถามใคร ก็ไม่มีใครบอกได้ พยายามอ่านพระไตรปิฎก ก็ไม่เข้าใจ
ช่วงนี้เอง ได้พบเจอคนมากมากที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน โดยคนแรกที่สนทนา ช่วงกลางดึกหลังจากนอนไปได้สักพัก (ภาวนาจนหลับ) ก็ได้ยินเสียงเรียก หลวงพี่ๆๆๆ จึงเปิดหน้าต่างมองหา (กุฏิยกสูง) แสงจันทร์สลัวในคืนวันโกน หลวงพี่ช่วยหนูด้วยค่ะ หนูหิว หนูหนาว หนูชื่อ.... โยม ดึกดื่นแล้ว ไม่เหมาะไม่ควร มีอะไร พรุ่งนี้ ไปคุยกับหลวงพ่อนะ จบคำ เธอเดินหายไปทางป่าช้า เช้ามา ความสงสัยเลยเดินไปดู ไม่นานก็เจอ เลยปรึกษาหลวงพี่ที่สวดพระปาฏิโมกข์ ท่านว่า คนนี้ตายได้ไม่นาน ก่อนผมบวช อายุ ๓๑ ลูกผัวไม่มี คงไม่มีใครทำบุญให้ คุณ.. หากเจอใครมาขอแบบนี้ อุทิศให้เขาไปเลย พระปาฏิโมกข์ บุญเยอะ ผีชอบ ผมเจอบ่อย (ผมได้แต่ยืนงง เพราะเชื่อว่าผีไม่มีในโลก นรกสวรรค์ไม่มี) จากนี้มาเจอบ่อยมาก สัก ๓๐ คนได้
เจอบ่อยๆก็ชักรำคาญ ชักขยาด ความคิดนี้สับสนไปหมด ตัดสินใจ หนีขึ้นเขาไปบนพระประธาน ปักกลด หน้าองค์พระ บันไดร้อยกว่าขั้น สูงดี จำพรรษาบนนี้ แต่ไม่วาย ในวันหนึ่งขณะสวดมนต์ ก็รู้สึกเหมือนใครจ้องมอง ลืมตาดู เจอสองผัวเมีย ที่ชรามาก ผมขาวโพลน ผิวหนังเหี่ยวย่นแต่หน้าตาเปี่ยมสุข นั่งพนมมืออยู่ หลวงพี่สวดมนต์เพราะเจ้าค่ะ โยมมาหาหน่อไม้เจ้าค่ะ ลาละเจ้าค่ะพร้อมลุกขึ้น หยิบตะกร้าสาน ขึ้นเขาไป เจอบ่อยๆ ก็เกิดสงสัย ลองเดินตามไปห่างๆ หายไปในป่าเขา ที่ชัน และรกด้วยขวากหนาม ส่วนตัวผม เต็มไปด้วยบาดแผล จากหนามและลื่นไถล
ในช่วง ๒ พรรษา พบเจออะไรมากมาย และชอบที่จะปลีกวิเวก อยู่บนเขานั้น เงียบสงบดีมาก ตัดสินใจลาสิกขา เพราะหลวงพ่อ ไม่อนุญาต ให้ธุดงค์ แต่ต้องการให้ผมไปเรียน พระเปรียญธรรม ๙ ประโยค หวังอยากมีพระมหา..