
- เขียนยากว่ะ ขนาดดูจบแบบเต็มระบบไป 1 รอบ และ ดูซ้ำต่อใน vipa อีก 2 รอบก็ยังเรียบเรียงไม่ถูกว่าจะเริ่มเอ่ยจากตรงไหนก่อนกันดี ? ด้วยความที่รอบแรกเข้ามาตอนหนัง Run ไปแล้วประมาณ 15 นาทีที่จำไม่ได้แน่ชัดว่าถึงช่วงไหนแต่พอคลับคลาว่าตัวคุณ Bob กำลังถูกสังคมวิพากษ์โจมตีอย่างหนักถึงเรื่องของเพศสภาพที่เป็นอยู่ผ่านคำบรรยายที่วิ่งอยู่ใต้ภาพก็รับรู้ถึงแรงกดดันของสารพร้อมกับอาการมึนที่แทรกมาตามลมตลอดระหว่างทางจนเผลอวูบไป 1 วิแล้วกลับมาตื่นอีกครั้งตอนได้ยินและได้เห็นตอนที่คนงานหลายคนกำลังเลื่อยต้นไม้จนล้มลงต่อหน้าไปด้วยความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ที่พลาดไป พอมาเก็บ Details ที่ตกสำรวจซ้ำอีกรอบที่ประเมินตัวแล้วว่าคงไม่สามารถดูได้ทั้งเรื่องแน่นอนก็ไม่พ้นตามที่ว่าไว้อีกตามเคยแต่ก็ยังพอฟื้นขึ้นมาตอนไหนจำไม่ได้มารับสารได้บ้างบางอย่างต่อไปจนจบ

- โดยรวมที่จับความได้แบบรวบยอดว่าตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ตัวหนังจะเล่าที่ตัวคุณ Bob Brown ผ่านช่วงเวลาต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นออกลูกเป็นตัวว่าเป็นใคร ? มาจากไหน ? ให้เรารู้จักไปทีละนิดผ่านคำบอกเล่าจากปากเจ้าตัวเอ่ย จาก Clip ที่ถ่ายส่วนตัวเอ่ย หรือ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงโดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องตั้งแต่คนในครอบครัว คนรัก นักวิชาการ ยันนักการเมืองที่คุณเห็นหน้าปุ๊ปก็ร้อง อ๋อ ทันที เป็น Footage ประกอบแบบไม่ได้เรียง Timeline 100 % โดยมีเสียงบรรยายและคำพรรณนากำกับเสริมความน่าเชื่อถือต่อการนำเสนออีกที

- ถ้าเสพในแง่ของความเป็น Biography ก็พอจะประติดประต่อได้อยู่ว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจให้เขากลายมาเป็นนักอนุรักษ์ต่อสู้สิทธิสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศชื่อดังของประเทศออสเตรเลียจนถึงวันนี้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่นเข้ามาแทรกระหว่างทางอย่างเช่น ตอนคุณ Bob ออกไปลุยตามที่ต่าง ๆ หรือ ตอนใช้ชีวิตที่บ้านอย่างสมถะในปัจจุบัน ที่แวะไปมาแถมพาเหตุการณ์อื่นที่เกี่ยวโยงกับประเด็นที่กำลังนำเสนอเข้ามาสมทบจนปวดลูกตาชิหายว่าไม่รู้กูจะเริ่มโฟกัสอันไหนก่อนดี ขนาดว่ามีเสียงกับคำบรรยายกระทั่งมีการเขียน Timeline เป็นตัวอักษรกลางฉากว่าเกิดขึ้นปีนี้ปีนั้น สำทับก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการมึนงงที่กำลังสะสมอย่างหนักแม้แต่น้อยกับสิ่งที่ประโคมมาต่อเนื่อง ความที่มี Details เยอะและแต่ละอย่างมันคาบเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ อาทิ สงครามเย็น หรือ เหตุการณ์ 9-11 แถมเวลามีจำกัดจึงทำให้เรื่องราวที่กำลังย่ำไปด้วยเร่งเบาจึงมีความซับซ้อนราวกับเถาวัลย์พันทั่วต้นไม้ แล้วมาเจอฉากแสกนตัวต้นไม้ทุกอณุยันรากเหง้าด้วย Visual สุดล้ำตอนใกล้จะเสร็จจากประเด็นแรกก่อนจะส่งต่อไปประเด็นอื่นต่อไปก็เป็นอันรับทราบว่าขอตัววูบก่อนล่ะกัน

- ถึงภาพจะงามวิจิตรตาชวนเข้าเฝ้าพระอินทร์เมื่อจ้องนาน ๆ แต่ชื่นชมว่าทีมงานออกแบบภาพแต่ละมุมได้สวยมากจนเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกสีเขียวที่อุดมไปด้วยพืชป่านานาพรรณจนได้ยินเสียงเล็ดลอดผ่านโครงสร้างภายในต้นไม้ที่กำลังไหลเวียนเป็นเครือข่ายราวกับมีชีวิต มีจิตใจ พร้อมคำบรรยายพรรณนาสรรพคุณและบอกแทนความรู้สึกในใจที่ไม่ต่างจากมนุษย์เพียงแต่พูดไม่ได้ว่ารู้สึกยังไงที่ถูกมนุษย์ขยันทำลายขยันถลุงทรัพยากรธรรมชาติที่หรอยหร่อลงไปทุกทีเพื่อเอาไปสร้างสิ่งปลูกสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นดอกเห็ดจนล้นเกินความต้องการบริโภคจนเป็นห่วงสุขภาพของธรรมชาติที่เหลืออยู่รวมถึงผลกระทบที่ตามมาหลังจากนี้ที่คนอีกกลุ่มไม่ได้คำนึงหรือไม่ได้แคร์ใด ๆ

- แม้จะเศร้าใจกับการได้เห็นป่าไม้ถูกทำลายจนเหลือแต่ตอจนเห็นเป็นลานดินแดงโล่ง ๆ บนภูเขาเมื่อถ่ายภาพจากมุมสูงหรือเห็นความใจสู้ของคุณ Bob ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดยันแก่ที่ตลอดทางเต็มไปด้วยอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงตามอุดมคติไม่ว่าจะเรื่องการปกป้องป่าหรือการเรียกร้องเพศสภาพที่ถูกสังคมดูถูกสะสมมายาวนานกว่าคนกว่าสังคมจะยอมรับจะเปิดโอกาสจนถึงทุกวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ? ขณะเดียวกันปฏิเสธไม่ได้ว่า มนุษย์ต้องการความสบาย โลกต้องการการพัฒนา ยิ่งความเจริญเติบโตมากท่าไหร่ ธรรมชาติจะยิ่งถูกทำลายมากขึ้น ? ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเงินและอำนาจ จนนำไปสู่คำถามก่อนจากที่คุณ Bob นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวก่อนจะวางแล้วหันหน้าจ้องมองตาคนดูว่า ทวดทำอะไรบ้างตอนที่โลกถูกปล้นชิง ? ทวดทำอะไรบ้างตอนที่โลกกำลังแตกสลาย ? สัตว์เลี้ยงกำลังจะตาย ? หรือ ประชาธิปไตยกำลังจะถูกขโมยไป ? ต่อให้ฟังแล้วจะเก็บทรงแค่ไหน ? ข้างในลึก ๆ ก็มีอันรู้สึกหวั่นไหวบ้างล่ะวะ ? ดูออก

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.158 The Giants (2023) : คนจริงปกป้องสิทธิพิทักษ์ป่า
- เขียนยากว่ะ ขนาดดูจบแบบเต็มระบบไป 1 รอบ และ ดูซ้ำต่อใน vipa อีก 2 รอบก็ยังเรียบเรียงไม่ถูกว่าจะเริ่มเอ่ยจากตรงไหนก่อนกันดี ? ด้วยความที่รอบแรกเข้ามาตอนหนัง Run ไปแล้วประมาณ 15 นาทีที่จำไม่ได้แน่ชัดว่าถึงช่วงไหนแต่พอคลับคลาว่าตัวคุณ Bob กำลังถูกสังคมวิพากษ์โจมตีอย่างหนักถึงเรื่องของเพศสภาพที่เป็นอยู่ผ่านคำบรรยายที่วิ่งอยู่ใต้ภาพก็รับรู้ถึงแรงกดดันของสารพร้อมกับอาการมึนที่แทรกมาตามลมตลอดระหว่างทางจนเผลอวูบไป 1 วิแล้วกลับมาตื่นอีกครั้งตอนได้ยินและได้เห็นตอนที่คนงานหลายคนกำลังเลื่อยต้นไม้จนล้มลงต่อหน้าไปด้วยความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ที่พลาดไป พอมาเก็บ Details ที่ตกสำรวจซ้ำอีกรอบที่ประเมินตัวแล้วว่าคงไม่สามารถดูได้ทั้งเรื่องแน่นอนก็ไม่พ้นตามที่ว่าไว้อีกตามเคยแต่ก็ยังพอฟื้นขึ้นมาตอนไหนจำไม่ได้มารับสารได้บ้างบางอย่างต่อไปจนจบ
- โดยรวมที่จับความได้แบบรวบยอดว่าตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ตัวหนังจะเล่าที่ตัวคุณ Bob Brown ผ่านช่วงเวลาต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นออกลูกเป็นตัวว่าเป็นใคร ? มาจากไหน ? ให้เรารู้จักไปทีละนิดผ่านคำบอกเล่าจากปากเจ้าตัวเอ่ย จาก Clip ที่ถ่ายส่วนตัวเอ่ย หรือ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงโดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องตั้งแต่คนในครอบครัว คนรัก นักวิชาการ ยันนักการเมืองที่คุณเห็นหน้าปุ๊ปก็ร้อง อ๋อ ทันที เป็น Footage ประกอบแบบไม่ได้เรียง Timeline 100 % โดยมีเสียงบรรยายและคำพรรณนากำกับเสริมความน่าเชื่อถือต่อการนำเสนออีกที
- ถ้าเสพในแง่ของความเป็น Biography ก็พอจะประติดประต่อได้อยู่ว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจให้เขากลายมาเป็นนักอนุรักษ์ต่อสู้สิทธิสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนเรื่องความเท่าเทียมทางเพศชื่อดังของประเทศออสเตรเลียจนถึงวันนี้ ถ้าไม่มีเหตุการณ์อื่นเข้ามาแทรกระหว่างทางอย่างเช่น ตอนคุณ Bob ออกไปลุยตามที่ต่าง ๆ หรือ ตอนใช้ชีวิตที่บ้านอย่างสมถะในปัจจุบัน ที่แวะไปมาแถมพาเหตุการณ์อื่นที่เกี่ยวโยงกับประเด็นที่กำลังนำเสนอเข้ามาสมทบจนปวดลูกตาชิหายว่าไม่รู้กูจะเริ่มโฟกัสอันไหนก่อนดี ขนาดว่ามีเสียงกับคำบรรยายกระทั่งมีการเขียน Timeline เป็นตัวอักษรกลางฉากว่าเกิดขึ้นปีนี้ปีนั้น สำทับก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการมึนงงที่กำลังสะสมอย่างหนักแม้แต่น้อยกับสิ่งที่ประโคมมาต่อเนื่อง ความที่มี Details เยอะและแต่ละอย่างมันคาบเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ อาทิ สงครามเย็น หรือ เหตุการณ์ 9-11 แถมเวลามีจำกัดจึงทำให้เรื่องราวที่กำลังย่ำไปด้วยเร่งเบาจึงมีความซับซ้อนราวกับเถาวัลย์พันทั่วต้นไม้ แล้วมาเจอฉากแสกนตัวต้นไม้ทุกอณุยันรากเหง้าด้วย Visual สุดล้ำตอนใกล้จะเสร็จจากประเด็นแรกก่อนจะส่งต่อไปประเด็นอื่นต่อไปก็เป็นอันรับทราบว่าขอตัววูบก่อนล่ะกัน
- ถึงภาพจะงามวิจิตรตาชวนเข้าเฝ้าพระอินทร์เมื่อจ้องนาน ๆ แต่ชื่นชมว่าทีมงานออกแบบภาพแต่ละมุมได้สวยมากจนเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกสีเขียวที่อุดมไปด้วยพืชป่านานาพรรณจนได้ยินเสียงเล็ดลอดผ่านโครงสร้างภายในต้นไม้ที่กำลังไหลเวียนเป็นเครือข่ายราวกับมีชีวิต มีจิตใจ พร้อมคำบรรยายพรรณนาสรรพคุณและบอกแทนความรู้สึกในใจที่ไม่ต่างจากมนุษย์เพียงแต่พูดไม่ได้ว่ารู้สึกยังไงที่ถูกมนุษย์ขยันทำลายขยันถลุงทรัพยากรธรรมชาติที่หรอยหร่อลงไปทุกทีเพื่อเอาไปสร้างสิ่งปลูกสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นดอกเห็ดจนล้นเกินความต้องการบริโภคจนเป็นห่วงสุขภาพของธรรมชาติที่เหลืออยู่รวมถึงผลกระทบที่ตามมาหลังจากนี้ที่คนอีกกลุ่มไม่ได้คำนึงหรือไม่ได้แคร์ใด ๆ
- แม้จะเศร้าใจกับการได้เห็นป่าไม้ถูกทำลายจนเหลือแต่ตอจนเห็นเป็นลานดินแดงโล่ง ๆ บนภูเขาเมื่อถ่ายภาพจากมุมสูงหรือเห็นความใจสู้ของคุณ Bob ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดยันแก่ที่ตลอดทางเต็มไปด้วยอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงตามอุดมคติไม่ว่าจะเรื่องการปกป้องป่าหรือการเรียกร้องเพศสภาพที่ถูกสังคมดูถูกสะสมมายาวนานกว่าคนกว่าสังคมจะยอมรับจะเปิดโอกาสจนถึงทุกวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ? ขณะเดียวกันปฏิเสธไม่ได้ว่า มนุษย์ต้องการความสบาย โลกต้องการการพัฒนา ยิ่งความเจริญเติบโตมากท่าไหร่ ธรรมชาติจะยิ่งถูกทำลายมากขึ้น ? ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเงินและอำนาจ จนนำไปสู่คำถามก่อนจากที่คุณ Bob นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวก่อนจะวางแล้วหันหน้าจ้องมองตาคนดูว่า ทวดทำอะไรบ้างตอนที่โลกถูกปล้นชิง ? ทวดทำอะไรบ้างตอนที่โลกกำลังแตกสลาย ? สัตว์เลี้ยงกำลังจะตาย ? หรือ ประชาธิปไตยกำลังจะถูกขโมยไป ? ต่อให้ฟังแล้วจะเก็บทรงแค่ไหน ? ข้างในลึก ๆ ก็มีอันรู้สึกหวั่นไหวบ้างล่ะวะ ? ดูออก
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้