สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics) ;ขนส่งมวลชน 8 เมืองใหญ่ — อนาคตไทย เท่าเทียม ทั่วไทย

กระทู้สนทนา
สุขวิชโนมิกส์กับแผนระบบรางในหัวเมืองใหญ่: จุดเริ่มต้นจากเชียงใหม่

แนวคิดสุขวิชโนมิกส์

ปี 2536 คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้เสนอแนวทางการพัฒนาประเทศที่ก้าวล้ำกว่ายุคสมัย ผ่านแนวคิด “สุขวิชโนมิกส์” — เศรษฐศาสตร์เพื่อประชาชน ที่มุ่งกระจายโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ ด้วยการพัฒนา “ระบบรางในหัวเมืองใหญ่”

ภายใต้แผนแม่บทดังกล่าว ได้คัดเลือก 8 เมืองศูนย์กลาง เพื่อวางรากฐานระบบขนส่งมวลชน ได้แก่:
เชียงใหม่, พิษณุโลก, ขอนแก่น, นครราชสีมา, สงขลา, ภูเก็ต, ฉะเชิงเทรา และชลบุรี


เชียงใหม่: เมืองต้นแบบของระบบรางภูมิภาค


ในบรรดา 8 เมือง เชียงใหม่ถูกวางให้เป็น เมืองนำร่อง โดยในปี 2536  การทางพิเศษศึกษาเส้นทางระบบราง  ซึ่งครอบคลุมทั้งการก่อสร้างและเวนคืนที่ดิน

เส้นทางที่วางแผนไว้ 4 สายหลัก มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมพื้นที่เมืองกับชานเมือง ได้แก่:


ศูนย์ราชการ – อุปคุต – บวกครก
สี่แยกหางดง – ช้างคลาน – สามแยกสันทราย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ – แจ่งศรีภูมิ
สี่แยกแสงตะวัน – เชียงใหม่แลนด์

สุขวิชโนมิกส์: พัฒนาเมือง ไม่ให้คนต้องจากบ้านเกิด

ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศไทย

ก่อนปี 2538 ประเทศไทยเผชิญปัญหาแรงงาน-การศึกษาอย่างหนัก:
แรงงาน79.1 % จบแค่ประถมหรือต่ำกว่า ส่งผลให้คนในชนบทต้องอพยพเข้าสู่เมืองใหญ่ เพื่อหางานและโอกาสที่ไม่มีในบ้านเกิด

สุขวิชโนมิกส์คือคำตอบ

สุขวิชโนมิกส์จึงเสนอให้การพัฒนา “โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม” โดยเฉพาะระบบรางในเมืองหลักทั่วประเทศ เป็นกลไกในการ กระจายความเจริญ โอกาส และคุณภาพชีวิต
เพื่อให้ประชาชนสามารถ “อยู่ที่บ้านก็มีงาน มีอนาคตที่มั่นคง”

การท่องเที่ยว: จุดแข็งของภูมิภาคที่รอการปลดล็อก

เชียงใหม่มี “ทุนทางธรรมชาติและวัฒนธรรม” สูง เช่น:

ธรรมชาติ: ภูเขา ป่าไม้ น้ำตก
วัฒนธรรม: เมืองเก่า ประเพณีล้านนา
ชุมชนสร้างสรรค์และงานหัตถกรรม

แต่ยัง ขาดระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้นักท่องเที่ยวกระจุกตัวในตัวเมือง การจราจรติดขัด และแหล่งท่องเที่ยวรอบนอกถูกมองข้าม

การพัฒนาระบบราง :

นักท่องเที่ยวเข้าถึงชุมชนได้สะดวกขึ้น
กระจายรายได้จากการท่องเที่ยว
ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในเขตเมือง

แผนแม่บทระบบราง 8 เมืองใหญ่: สะพานแห่งโอกาส

แต่ละเมืองในแผนถูกเลือกด้วยเหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ เช่น:


การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภูมิภาค
แนวโน้มขยายตัวของประชากร
ศักยภาพด้านการศึกษา การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม


สุขวิชโนมิกส์: ไม่ใช่แค่คมนาคม แต่คือการกระจายอนาคต


“หากระบบขนส่งมวลชนกระจายถึงทุกจังหวัด โอกาสใหม่จะกระจายสู่ทุกภูมิภาค”


นี่คือหัวใจของสุขวิชโนมิกส์: การเดินทางที่สะดวก ปลอดภัย และเข้าถึงได้ คือพื้นฐานของโอกาส


เข้าถึงโรงเรียน = โอกาสทางการศึกษา
เข้าถึงแหล่งงาน = โอกาสทางอาชีพ
เชื่อมชุมชนกับเมือง = โอกาสทางเศรษฐกิจ

บทเรียนจากเซินเจิ้น: ถ้าเรากล้าคิดไกลตั้งแต่วันนั้น

ในวันที่คุณพ่อสุขวิช รังสิตพลแถลงข่าวปีสองพันห้าร้อยสามสิบหก เมืองเซินเจิ้นในจีนยังเป็นหมู่บ้านชาวประมง เวลาที่คนไทยสูญเสียไปจากวันนั้นถึงวันนี้ เมืองของก๊อปเกรดบีที่ผู้นำบางคนเคยดูถูก กลายเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของจีน อย่างที่คุณพ่อสุขวิชหวังว่าชลบุรี–ฉะเชิงเทราจะได้เป็น เมื่อเสนอแผนแม่บทขนส่งมวลชน 8 เมืองใหญ่”

ปี 2536 – เซินเจิ้นยังเป็นหมู่บ้านชาวประมง

ปีเดียวกัน – สุขวิชเสนอระบบรางใน 8 เมืองไทย

แต่จีนเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างการเชื่อมต่อ สร้างศูนย์เศรษฐกิจใหม่


30 ปีต่อมา – เซินเจิ้นกลายเป็นมหานครเศรษฐกิจอันดับ 3 ของจีน
ในขณะที่แผนระบบรางของไทยยังรอคอยการผลักดัน


บทเรียน: การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการลงทุนในอนาคตประเทศ


สรุปเชิงนโยบาย: เชื่อมเมืองไทย ให้เท่าเทียมทุกจังหวัด


สุขวิชโนมิกส์ คือแนวคิดที่มองไกล เห็นคนทุกกลุ่มในทุกพื้นที่เป็นศูนย์กลางการพัฒนา


แผนระบบรางใน 8 หัวเมืองหลักไม่ใช่แค่โครงการคมนาคม
แต่คือยุทธศาสตร์ระดับประเทศในการ:


ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างกรุงเทพฯ กับภูมิภาค
กระจายศักยภาพสู่ท้องถิ่น
พาประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างทั่วถึงและยั่งยืน

เมืองเซินเจิ้น  เมือง ซึ่ง นักการเมืองไทย ปากพล่อย ด้อยค่าว่า  ขาย ของก๊อบเกรด C ถ้าจีน วุฒิภาวะต่ำ เท่า กัมพูชา  คงได้เปิดศึก อีกแนวรบ ครับ



บรรณานุกรม

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่