ย้อนรอยเหตุเผาสถานทูตไทยและปฏิบัติการโปเชนตง
บทเรียนจากข่าวปลอมและความคลั่งชาติ
—————
◾️ เนียงประกายพรึก
◾️ เฟคนิวส์กบ สุวนันท์
◾️ ต้นตอเฟคนิวส์มาจากไหน ?
◾️ ฮุน เซน โหมไฟคลั่งชาติ
◾️ วิชามารของฮุน เซน
◾️ แถลงข่าวทั้งน้ำตา
◾️ เผาสถานทูตไทย
◾️ เปิดปฏิบัติการโปเชนตง
◾️ คำขอโทษจากกัมพูชา
—————
🔴 เนียงประกายพรึก
:
1- ย้อนกลับไปช่วงปลายยุค 90s ถึงต้นยุค 2000s ที่อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย “กบ สุวนันท์” ไม่เพียงเป็นนางเอกยอดนิยมของไทย แต่ยังเป็นขวัญใจชาวกัมพูชาด้วย เนื่องจากละครไทยหลายเรื่องถูกนำไปพากย์เสียงและออกอากาศในกัมพูชา
2- ละครเรื่อง “ดาวพระศุกร์” (2537) ที่กบแสดงคู่กับศรรามนั้นเรตติ้งอันดับ 1 ในกัมพูชา ชาวกัมพูชาถึงกับเรียกเธอว่า “เนียงประกายพรึก” (สาวดาวพระศุกร์) ทำให้เธอมีแฟนคลับชาวขแมร์มากมาย
3- กบดังแค่ไหนในกัมพูชา ? ก็ถึงขนาดที่มีรูปของเธอบนเสื้อผ้าและสินค้าต่าง ๆ หลายบ้านติดรูปกบไว้บนผนัง ร้านทำผมทุกแห่งต้องมีรูปของเธอ ทรงผมและสิ่งที่เธอสวมใส่จะกลายเป็นเทรนด์ที่ขายดีในกัมพูชา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีดาราไทยคนไหนสร้างปรากฏการณ์ระดับนี้ในกัมพูชาได้อีก
4- มกราคม 2546 ละครไทยเรื่อง “ลูกไม้ไกลต้น” (2543) ที่กบแสดงคู่กับแอนดริวถูกนำไปออกอากาศในกัมพูชา ยิ่งตอกย้ำความดังของเธอมากขึ้นไปอีก
—————
🔴 เฟคนิวส์กบ สุวนันท์
:
5- แต่อยู่ ๆ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2546 หนังสือพิมพ์ “รัศมีอังกอร์” ของกัมพูชาก็ตีพิมพ์เฟคนิวส์ว่ากบไปให้สัมภาษณ์รายการหนึ่ง แล้วพิธีกรถามว่า “คุณเกลียดอะไรมากที่สุดในโลก” กบตอบว่า “ฉันเกลียดคนเขมรเหมือนกับที่เกลียดหมา เพราะคนเขมรขโมยนครวัดของพวกเรา”
6- พิธีกรถามต่อว่าถ้ามีโอกาสได้เล่นละครหรือไปโชว์ตัวที่กัมพูชาจะยินดีหรือไม่ กบตอบว่า “ยินดีแน่ถ้าเขมรคืนนครวัดให้ไทย” ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเต้าข่าวโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ
7- ขณะนั้นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาอ่อนไหวอยู่แล้วจากประเด็นข้อพิพาทเรื่องเขตแดน และเรื่องปราสาทนครวัด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวกัมพูชา
8- รัศมีอังกอร์เป็นสื่อขนาดเล็ก และแสดงจุดยืนสนับสนุนฮุนเซนมาตลอด เนื่องจากมันไม่ใช่สื่อใหญ่ข่าวนี้จึงยังไม่ปะทุในทันที แต่เริ่มมีสื่ออื่น ๆ เช่น วิทยุและหนังสือพิมพ์ นำข่าวนี้ไปรายงานต่อโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
—————
🔴 ต้นตอเฟคนิวส์มาจากไหน ?
:
9- กบไม่ได้ให้สัมภาษณ์อย่างนี้แน่ ๆ แล้วข่าวนี้มาจากไหน ? ในเวลานั้นก็มีการคาดการณ์กันไปหลายทาง เช่น
◾️ ละครลูกไม้ไกลต้นอาจถูกพากย์เสียงทับบิดเบือน ทำให้คนเข้าใจผิด
◾️ ขณะนั้นกบเป็นพรีเซ็นเตอร์ ‘มิสทิน’ ซึ่งกำลังจะรุกตลาดกัมพูชา อาจมีนักธุรกิจกัมพูชาสร้างข่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงของกบ และฉวยโอกาสล้มธุรกิจไทยรายอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งด้วย
◾️ กลุ่มชาตินิยมไม่พอใจที่คนกัมพูชาหันมานิยมไทยมากขึ้น โดยเฉพาะคลั่งไคล้ละครไทย ตอนนั้นทีวีกัมพูชาถึง 4 ช่องเอาละครไทยไปออกอากาศ ก่อนหน้านี้สื่อกัมพูชาก็เคยเขียนโจมตีว่าละครของกบกำลัง “มอมเมา” ชาวขแมร์
◾️ สมเด็จฮุน เซน (นายกรัฐมนตรีกัมพูชา) และกลุ่มผู้สนับสนุน อาจจงใจปล่อยข่าวลือเพื่อกระตุ้นกระแสรักชาติ และใช้โอกาสนี้เพิ่มความนิยมให้ตัวเอง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เขาใช้บ่อยครั้ง
10- ส่วนต้นตอข่าวลืออย่างรัศมีอังกอร์ก็อ้างว่า มีคนกัมพูชา 2 คนเห็นคลิปกบให้สัมภาษณ์ในทีวีจริง เลยมาร้องสื่อ แต่ยอมรับว่าไม่มีคลิปหลักฐาน
—————
🔴 ฮุน เซน โหมไฟคลั่งชาติ
:
11- ข่าวปลอมนี้เริ่มแพร่กระจายไปเรื่อย ๆ กระทั่งวันที่ 26 มกราคม หนังสือพิมพ์ดังของกัมพูชาอย่าง “เกาะสันติภาพ“ ก็รับลูกจากรัศมีอังกอร์ เอาข่าวกบดูหมิ่นกัมพูชามาตีพิมพ์ซ้ำ
12- เกาะสันติภาพเป็นสื่อรายวันที่มีอิทธิพลระดับชาติในกัมพูชา และมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลฮุนเซน เมื่อสื่อระดับนี้พาดหัวหน้าหนึ่ง กระแสความโกรธแค้นจึงปะทุหนักขึ้นทันที
13- ชาวกัมพูชาแสดงความไม่พอใจกบอย่างรุนแรง บางคนซื้อหนังสือพิมพ์ที่มีรูปของเธอแล้วใช้ปากกาขูดขีดที่หน้ากบจนฉีกขาดต่อหน้าสื่อ นักศึกษาจาก 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำออกแถลงการณ์ประณามกบ มีการแจกใบปลิวยุยงตามโรงเรียนและที่ต่าง ๆ
14- ขณะนั้นฮุนเซนกำลังเผชิญกับแรงกดดันทางการเมือง ทั้งปัญหาความยากจนและข่าวทุจริตต่าง ๆ ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลเป็นอย่างมาก พรรคฝ่ายค้านได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำให้เขาอาจเพลี่ยงพล้ำในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในเดือนกรกฎาคม 2546
15- ฮุนเซนจึงไม่รีรอที่จะฉวยโอกาสนี้โหมไฟชาตินิยมให้ลุกฮือ วันที่ 27 มกราคม ฮุนเซนขึ้นปราศรัยที่จังหวัดกัมปงจามและพูดถึงกบว่า “ดาราสาวคนนี้ไม่ได้มีคุณค่ามากไปกว่าต้นหญ้าที่ขึ้นรายรอบนครวัด”
16- ฮุนเซนเรียกร้องให้คนกัมพูชาภูมิใจในวัฒนธรรมของตัวเอง และกล่าวว่า “บางบ้านไม่มีแม้แต่พระบรมสาทิสลักษณ์ของกษัตริย์และราชินี หรือภาพถ่ายพ่อแม่ของตัวเอง แต่กลับติดภาพดาราสาวผู้นี้ประดับบ้าน”
17- วันที่ 28 มกราคม ฮุนเซนสั่งแบนละครลูกไม้ไกลต้น ท่าทีเหล่านี้ทำให้เขาได้รับความนิยมจากชาวกัมพูชาคืนมาทันที
—————
🔴 วิชามารของฮุน เซน
:
18- ว่ากันว่าฮุนเซนผู้นี้ใช้ ‘วิชามาร’ เพื่อเรียกคะแนนนิยมมาโดยตลอด ด้วยการปลุกกระแสชาตินิยมสุดโต่ง ปั่นหัวให้คนกัมพูชาเกลียดชังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากปัญหาความยากจนและคอร์รัปชัน
19- จากนั้นเขาจะรับบทผู้ปกป้องชาติ เช่น ปราศรัยโจมตีกบและสั่งแบนละครของเธอ ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ในสายตาประชาชน ได้รับความนิยมโดยไม่ต้องลงแรง โดยไม่สนว่าใครจะตกเป็นแพะ หรือประชาชนจะตกเป็นเหยื่อ
20- ความโกรธแค้นของชาวกัมพูชารุนแรงถึงขั้นเรียกร้องให้กบก้มลงจูบเท้าชาวขแมร์เพื่อขอโทษ เกิดกระแส #แบนไทยแลนด์ งดดูละครไทย คว่ำบาตรสินค้าและบริการจากไทย คนไทยในกัมพูชาเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
—————
🔴 แถลงข่าวทั้งน้ำตา
:
21- ข่าวนี้สร้างความงุนงงให้คนไทยทั้งประเทศเพราะรู้ว่ากบไม่ได้พูด ขณะนั้นกบกำลังถ่ายละคร “แม่คุณเอ๊ย” กับออย ธนา ซึ่งเธอก็ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่เคยพูด แต่เมื่อข่าวลือไม่จบและเริ่มบานปลาย เธอจึงต้องแถลงข่าว
22- วันที่ 28 มกราคม กบและค่ายดาราวิดีโอจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ กบร่ำไห้ขณะยืนยันว่าไม่เคยพูดคำพูดดังกล่าว แม้แต่ในละครก็ไม่มีบทที่เข้าข่าย ทีมงานตรวจสอบเทปละครและรายการสัมภาษณ์ต่าง ๆ แล้วก็ไม่พบสิ่งใดที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
23- กบย้ำว่าเธอไม่เคยมีอคติต่อกัมพูชา ก่อนหน้านี้ยังเคยบอกคนใกล้ชิดว่าอยากไปเที่ยวกัมพูชา ไปดูนครวัด เธอรู้ดีว่าเป็นที่รักของแฟน ๆ ชาวกัมพูชา และเคยเสนอกับมิสทินว่าอยากไปพบปะแฟนคลับที่นั่น
24- แต่ไฟคลั่งชาตินั้นเมื่อจุดติดแล้วก็ยากจะดับ คำปฏิเสธของกบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น สถานการณ์ยิ่งกลับแย่ลงจนถึงจุดที่ไม่คาดคิด
—————
🔴 เผาสถานทูตไทย
25- วันที่ 29 มกราคม เกิดจลาจลเมื่อชาวกัมพูชาที่ถูกปลุกปั่นบุกปล้นสะดมและเผาทำลายกิจการของคนไทย ทั้งร้านอาหาร โรงแรม บริษัทห้างร้านต่าง ๆ มอเตอร์ไซค์วิ่งไปทั่วเมืองพร้อมโบกธงชาติกัมพูชาและตะโกนว่า ‘ฆ่าคนไทย’ (แต่คนไทยหลายคนก็รอดมาได้เพราะได้รับความช่วยเหลือจากชาวกัมพูชาเช่นกัน เช่นนักข่าวหญิงคนหนึ่งเล่าว่าชายชาวกัมพูชาช่วยชีวิตเธอไว้)
26- นอกจากนี้ชาวกัมพูชากว่า 500 คน ยังไปปิดล้อมสถานทูตไทยในพนมเปญ ปลดธงชาติไทยมาเผาทิ้ง เอกอัครราชทูตไทยโทรไปขอความช่วยเหลือจากพลเอกเตียร์ บัน รมต.กลาโหมของกัมพูชา แต่เตียร์บันปฏิเสธ อ้างว่าตำรวจควบคุมสถานการณ์ได้
27- ท่านทูตพยายามโทรหาทุกคนในรัฐบาลกัมพูชาเท่าที่นึกชื่อออก แต่เมื่อเห็นว่าความช่วยเหลือคงมาไม่ทัน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกคนอพยพออกจากสถานทูต
28- ชาวกัมพูชาบุกเข้ามาในสถานทูตได้สำเร็จ แล้วไล่ล่าหาตัวเจ้าหน้าที่คนไทย และเผาสถานทูตจนวอด โชคดีเจ้าหน้าที่ทั้ง 14 คนหนีรอดหวุดหวิด บางคนปีนรั้วและกระโดดลงเรือที่คนไทยมารอรับ บางคนปีนรั้วข้ามไปสถานทูตญี่ปุ่นที่อยู่ติดกัน ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ให้ความช่วยเหลือ
29- แม้แต่หนังสือพิมพ์ของกัมพูชาก็ยังรายงานว่า ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยืนดูเฉย ๆ อ้างว่าไม่รู้จะทำอะไรได้
—————
🔴 เปิดปฏิบัติการโปเชนตง
:
30- “ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้นต่อสายตรงถึงฮุนเซน ยื่นคำขาดให้ควบคุมสถานการณ์โดยด่วน และให้รับประกันความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย หากไม่สามารถจัดการได้ภายใน 1 ชม. ไทยจะส่งหน่วยคอมมานโดเข้าไปจัดการเอง!
31- ไทยยังตอบโต้ทันทีด้วยการส่งตัวทูตกัมพูชากลับประเทศ ลดความสัมพันธ์ทางการทูตลงมาอยู่ในระดับอุปทูต ยกเลิกโครงการช่วยเหลือกัมพูชาทั้งหมด และปิดพรมแดนห้ามชาวกัมพูชาเข้าประเทศไทย
32- ในขณะเดียวกันก็เปิด “ปฏิบัติการโปเชนตง” (ชื่อสนามบินในกัมพูชา) เพื่อพาคนไทยกลับบ้าน โดยนำเครื่อง C-130 จำนวน 5 ลำ ไปลงจอดที่สนามบินโปเชนตงแบบไม่ดับเครื่อง ลำไหนคนเต็มก่อนไปก่อน พร้อมจัดหน่วยคอมมานโดกว่าร้อยนายไปอารักขา ส่วนกองเรือรบและเครื่องบินขับไล่ F-16 ก็ประจำการเช่นกัน พร้อมเปิดปฏิบัติการโปเชนตง 2 หากแผนแรกไม่สำเร็จ
33- วันที่ 30 มกราคม 2546 ปฏิบัติการโปเชนตงสำเร็จลุล่วงด้วยดี สามารถนำคนไทยกว่า 700 ชีวิตกลับสู่มาตุภูมิได้อย่างปลอดภัยโดยใช้เวลาเพียง 1 ชม.
34- เรื่องนี้กลายเป็นบทพิสูจน์ภาวะผู้นำของทักษิณเช่นกัน ส่งผลให้เขากลายเป็นฮีโร่ในชั่วข้ามคืน ความนิยมของรัฐบาลไทยรักไทยที่เพิ่งเข้าสู่อำนาจได้เพียง 2 ปีพุ่งสูงขึ้น จนกลายเป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ที่หาใครมาสู้ยาก
—————
🔴 คำขอโทษจากกัมพูชา
:
35- หลังเหตุการณ์นี้รัฐบาลกัมพูชาได้ออกมาแถลงขอโทษอย่างเป็นทางการ และสัญญาว่าจะจ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้สถานทูตไทย 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 250 ล้านบาทในขณะนั้น)
36- กัมพูชายังจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับจลาจลมากกว่า 150 คน จำคุกราว 6 เดือน รวมถึงจับกุมสื่อ เช่น เจ้าของสถานีวิทยุ และ บก.หนังสือพิมพ์รัศมีอังกอร์ ในข้อหาปลุกปั่นและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ แต่สื่อเหล่านี้ได้รับการประกันตัวและสุดท้ายก็ไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ
37- ส่วนความเสียหายของกิจการไทยถูกประเมินไว้ที่ 20 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 830 ล้านบาท) รัฐบาลกัมพูชาตกลงชดเชยผ่านการเจรจาเป็นรายกรณี แต่ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าแต่ละรายได้เงินชดเชยเท่าไหร่ (หนึ่งในกิจการที่ได้รับความเสียหายคือชินคอร์ปของตระกูลชินวัตร)
38- ความสัมพันธ์ของสองประเทศค่อย ๆ ฟื้นตัว ความสัมพันธ์ทางการทูตได้รับการฟื้นฟูเต็มรูปแบบในเดือนเมษายน 2546 ฮุนเซนยกเลิกการแบนละครไทย แต่ไม่เคยมีใครขอโทษกบ สุวนันท์ ความนิยมของเธอในกัมพูชาลดลงอย่างมาก และชาวกัมพูชาจำนวนไม่น้อยยังคงเชื่อเฟคนิวส์
39- หลังเหตุการณ์สงบ ฮุนเซนชนะเลือกตั้งและครองที่นั่งในสภาอย่างท่วมท้น นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงปลุกลัทธิคลั่งชาติสุดโต่งมาใช้เสมอ
ฉายา “ตัวปัญหาแห่งอาเซียน” ของฮุนเซนไม่ได้มาจากโชคช่วย!
—————
📌 สรุปและเรียบเรียงจาก:
◾️ บทความ “เชือดกบ สุวนันท์ สังเวยลัทธิคลั่งชาติ แผนลับฝ่ายค้านเขมร!” โดย เนชั่นสุดสัปดาห์ (3 ก.พ. 2546)
◾️ บทความ “ย้อนอดีต! ปฏิบัติการโปเชนตง เมื่อกองทัพไทยเปิดปฏิบัติการช่วยคนไทยจากกัมพูชา” โดย thaiarmedforces (29 ม.ค. 2564)
◾️ บทความ “20 ปี ปฏิบัติการโปเชนตง บทพิสูจน์ภาวะผู้นำในสถานการณ์วิกฤต” โดย มติชนสุดสัปดาห์ (2 ก.พ. 2566)
◾️ สื่ออื่น ๆ เช่น พันทิป, Manager Online, คม ชัด ลึก, Voice TV
เครดิต
https://www.facebook.com/share/1CcTknCdiu/
เพจดังเผย ฮุนเซนเคยใส่ร้ายดารานางเอกไทย ปั่นกระแสคลั่งชาติ จนสถานฑูตไทยถูกเผา
บทเรียนจากข่าวปลอมและความคลั่งชาติ
—————
◾️ เนียงประกายพรึก
◾️ เฟคนิวส์กบ สุวนันท์
◾️ ต้นตอเฟคนิวส์มาจากไหน ?
◾️ ฮุน เซน โหมไฟคลั่งชาติ
◾️ วิชามารของฮุน เซน
◾️ แถลงข่าวทั้งน้ำตา
◾️ เผาสถานทูตไทย
◾️ เปิดปฏิบัติการโปเชนตง
◾️ คำขอโทษจากกัมพูชา
—————
🔴 เนียงประกายพรึก
:
1- ย้อนกลับไปช่วงปลายยุค 90s ถึงต้นยุค 2000s ที่อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย “กบ สุวนันท์” ไม่เพียงเป็นนางเอกยอดนิยมของไทย แต่ยังเป็นขวัญใจชาวกัมพูชาด้วย เนื่องจากละครไทยหลายเรื่องถูกนำไปพากย์เสียงและออกอากาศในกัมพูชา
2- ละครเรื่อง “ดาวพระศุกร์” (2537) ที่กบแสดงคู่กับศรรามนั้นเรตติ้งอันดับ 1 ในกัมพูชา ชาวกัมพูชาถึงกับเรียกเธอว่า “เนียงประกายพรึก” (สาวดาวพระศุกร์) ทำให้เธอมีแฟนคลับชาวขแมร์มากมาย
3- กบดังแค่ไหนในกัมพูชา ? ก็ถึงขนาดที่มีรูปของเธอบนเสื้อผ้าและสินค้าต่าง ๆ หลายบ้านติดรูปกบไว้บนผนัง ร้านทำผมทุกแห่งต้องมีรูปของเธอ ทรงผมและสิ่งที่เธอสวมใส่จะกลายเป็นเทรนด์ที่ขายดีในกัมพูชา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีดาราไทยคนไหนสร้างปรากฏการณ์ระดับนี้ในกัมพูชาได้อีก
4- มกราคม 2546 ละครไทยเรื่อง “ลูกไม้ไกลต้น” (2543) ที่กบแสดงคู่กับแอนดริวถูกนำไปออกอากาศในกัมพูชา ยิ่งตอกย้ำความดังของเธอมากขึ้นไปอีก
—————
🔴 เฟคนิวส์กบ สุวนันท์
:
5- แต่อยู่ ๆ เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2546 หนังสือพิมพ์ “รัศมีอังกอร์” ของกัมพูชาก็ตีพิมพ์เฟคนิวส์ว่ากบไปให้สัมภาษณ์รายการหนึ่ง แล้วพิธีกรถามว่า “คุณเกลียดอะไรมากที่สุดในโลก” กบตอบว่า “ฉันเกลียดคนเขมรเหมือนกับที่เกลียดหมา เพราะคนเขมรขโมยนครวัดของพวกเรา”
6- พิธีกรถามต่อว่าถ้ามีโอกาสได้เล่นละครหรือไปโชว์ตัวที่กัมพูชาจะยินดีหรือไม่ กบตอบว่า “ยินดีแน่ถ้าเขมรคืนนครวัดให้ไทย” ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเต้าข่าวโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ
7- ขณะนั้นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาอ่อนไหวอยู่แล้วจากประเด็นข้อพิพาทเรื่องเขตแดน และเรื่องปราสาทนครวัด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวกัมพูชา
8- รัศมีอังกอร์เป็นสื่อขนาดเล็ก และแสดงจุดยืนสนับสนุนฮุนเซนมาตลอด เนื่องจากมันไม่ใช่สื่อใหญ่ข่าวนี้จึงยังไม่ปะทุในทันที แต่เริ่มมีสื่ออื่น ๆ เช่น วิทยุและหนังสือพิมพ์ นำข่าวนี้ไปรายงานต่อโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
—————
🔴 ต้นตอเฟคนิวส์มาจากไหน ?
:
9- กบไม่ได้ให้สัมภาษณ์อย่างนี้แน่ ๆ แล้วข่าวนี้มาจากไหน ? ในเวลานั้นก็มีการคาดการณ์กันไปหลายทาง เช่น
◾️ ละครลูกไม้ไกลต้นอาจถูกพากย์เสียงทับบิดเบือน ทำให้คนเข้าใจผิด
◾️ ขณะนั้นกบเป็นพรีเซ็นเตอร์ ‘มิสทิน’ ซึ่งกำลังจะรุกตลาดกัมพูชา อาจมีนักธุรกิจกัมพูชาสร้างข่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงของกบ และฉวยโอกาสล้มธุรกิจไทยรายอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งด้วย
◾️ กลุ่มชาตินิยมไม่พอใจที่คนกัมพูชาหันมานิยมไทยมากขึ้น โดยเฉพาะคลั่งไคล้ละครไทย ตอนนั้นทีวีกัมพูชาถึง 4 ช่องเอาละครไทยไปออกอากาศ ก่อนหน้านี้สื่อกัมพูชาก็เคยเขียนโจมตีว่าละครของกบกำลัง “มอมเมา” ชาวขแมร์
◾️ สมเด็จฮุน เซน (นายกรัฐมนตรีกัมพูชา) และกลุ่มผู้สนับสนุน อาจจงใจปล่อยข่าวลือเพื่อกระตุ้นกระแสรักชาติ และใช้โอกาสนี้เพิ่มความนิยมให้ตัวเอง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เขาใช้บ่อยครั้ง
10- ส่วนต้นตอข่าวลืออย่างรัศมีอังกอร์ก็อ้างว่า มีคนกัมพูชา 2 คนเห็นคลิปกบให้สัมภาษณ์ในทีวีจริง เลยมาร้องสื่อ แต่ยอมรับว่าไม่มีคลิปหลักฐาน
—————
🔴 ฮุน เซน โหมไฟคลั่งชาติ
:
11- ข่าวปลอมนี้เริ่มแพร่กระจายไปเรื่อย ๆ กระทั่งวันที่ 26 มกราคม หนังสือพิมพ์ดังของกัมพูชาอย่าง “เกาะสันติภาพ“ ก็รับลูกจากรัศมีอังกอร์ เอาข่าวกบดูหมิ่นกัมพูชามาตีพิมพ์ซ้ำ
12- เกาะสันติภาพเป็นสื่อรายวันที่มีอิทธิพลระดับชาติในกัมพูชา และมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลฮุนเซน เมื่อสื่อระดับนี้พาดหัวหน้าหนึ่ง กระแสความโกรธแค้นจึงปะทุหนักขึ้นทันที
13- ชาวกัมพูชาแสดงความไม่พอใจกบอย่างรุนแรง บางคนซื้อหนังสือพิมพ์ที่มีรูปของเธอแล้วใช้ปากกาขูดขีดที่หน้ากบจนฉีกขาดต่อหน้าสื่อ นักศึกษาจาก 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำออกแถลงการณ์ประณามกบ มีการแจกใบปลิวยุยงตามโรงเรียนและที่ต่าง ๆ
14- ขณะนั้นฮุนเซนกำลังเผชิญกับแรงกดดันทางการเมือง ทั้งปัญหาความยากจนและข่าวทุจริตต่าง ๆ ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลเป็นอย่างมาก พรรคฝ่ายค้านได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำให้เขาอาจเพลี่ยงพล้ำในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในเดือนกรกฎาคม 2546
15- ฮุนเซนจึงไม่รีรอที่จะฉวยโอกาสนี้โหมไฟชาตินิยมให้ลุกฮือ วันที่ 27 มกราคม ฮุนเซนขึ้นปราศรัยที่จังหวัดกัมปงจามและพูดถึงกบว่า “ดาราสาวคนนี้ไม่ได้มีคุณค่ามากไปกว่าต้นหญ้าที่ขึ้นรายรอบนครวัด”
16- ฮุนเซนเรียกร้องให้คนกัมพูชาภูมิใจในวัฒนธรรมของตัวเอง และกล่าวว่า “บางบ้านไม่มีแม้แต่พระบรมสาทิสลักษณ์ของกษัตริย์และราชินี หรือภาพถ่ายพ่อแม่ของตัวเอง แต่กลับติดภาพดาราสาวผู้นี้ประดับบ้าน”
17- วันที่ 28 มกราคม ฮุนเซนสั่งแบนละครลูกไม้ไกลต้น ท่าทีเหล่านี้ทำให้เขาได้รับความนิยมจากชาวกัมพูชาคืนมาทันที
—————
🔴 วิชามารของฮุน เซน
:
18- ว่ากันว่าฮุนเซนผู้นี้ใช้ ‘วิชามาร’ เพื่อเรียกคะแนนนิยมมาโดยตลอด ด้วยการปลุกกระแสชาตินิยมสุดโต่ง ปั่นหัวให้คนกัมพูชาเกลียดชังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากปัญหาความยากจนและคอร์รัปชัน
19- จากนั้นเขาจะรับบทผู้ปกป้องชาติ เช่น ปราศรัยโจมตีกบและสั่งแบนละครของเธอ ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ในสายตาประชาชน ได้รับความนิยมโดยไม่ต้องลงแรง โดยไม่สนว่าใครจะตกเป็นแพะ หรือประชาชนจะตกเป็นเหยื่อ
20- ความโกรธแค้นของชาวกัมพูชารุนแรงถึงขั้นเรียกร้องให้กบก้มลงจูบเท้าชาวขแมร์เพื่อขอโทษ เกิดกระแส #แบนไทยแลนด์ งดดูละครไทย คว่ำบาตรสินค้าและบริการจากไทย คนไทยในกัมพูชาเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
—————
🔴 แถลงข่าวทั้งน้ำตา
:
21- ข่าวนี้สร้างความงุนงงให้คนไทยทั้งประเทศเพราะรู้ว่ากบไม่ได้พูด ขณะนั้นกบกำลังถ่ายละคร “แม่คุณเอ๊ย” กับออย ธนา ซึ่งเธอก็ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่เคยพูด แต่เมื่อข่าวลือไม่จบและเริ่มบานปลาย เธอจึงต้องแถลงข่าว
22- วันที่ 28 มกราคม กบและค่ายดาราวิดีโอจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ กบร่ำไห้ขณะยืนยันว่าไม่เคยพูดคำพูดดังกล่าว แม้แต่ในละครก็ไม่มีบทที่เข้าข่าย ทีมงานตรวจสอบเทปละครและรายการสัมภาษณ์ต่าง ๆ แล้วก็ไม่พบสิ่งใดที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
23- กบย้ำว่าเธอไม่เคยมีอคติต่อกัมพูชา ก่อนหน้านี้ยังเคยบอกคนใกล้ชิดว่าอยากไปเที่ยวกัมพูชา ไปดูนครวัด เธอรู้ดีว่าเป็นที่รักของแฟน ๆ ชาวกัมพูชา และเคยเสนอกับมิสทินว่าอยากไปพบปะแฟนคลับที่นั่น
24- แต่ไฟคลั่งชาตินั้นเมื่อจุดติดแล้วก็ยากจะดับ คำปฏิเสธของกบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น สถานการณ์ยิ่งกลับแย่ลงจนถึงจุดที่ไม่คาดคิด
—————
🔴 เผาสถานทูตไทย
25- วันที่ 29 มกราคม เกิดจลาจลเมื่อชาวกัมพูชาที่ถูกปลุกปั่นบุกปล้นสะดมและเผาทำลายกิจการของคนไทย ทั้งร้านอาหาร โรงแรม บริษัทห้างร้านต่าง ๆ มอเตอร์ไซค์วิ่งไปทั่วเมืองพร้อมโบกธงชาติกัมพูชาและตะโกนว่า ‘ฆ่าคนไทย’ (แต่คนไทยหลายคนก็รอดมาได้เพราะได้รับความช่วยเหลือจากชาวกัมพูชาเช่นกัน เช่นนักข่าวหญิงคนหนึ่งเล่าว่าชายชาวกัมพูชาช่วยชีวิตเธอไว้)
26- นอกจากนี้ชาวกัมพูชากว่า 500 คน ยังไปปิดล้อมสถานทูตไทยในพนมเปญ ปลดธงชาติไทยมาเผาทิ้ง เอกอัครราชทูตไทยโทรไปขอความช่วยเหลือจากพลเอกเตียร์ บัน รมต.กลาโหมของกัมพูชา แต่เตียร์บันปฏิเสธ อ้างว่าตำรวจควบคุมสถานการณ์ได้
27- ท่านทูตพยายามโทรหาทุกคนในรัฐบาลกัมพูชาเท่าที่นึกชื่อออก แต่เมื่อเห็นว่าความช่วยเหลือคงมาไม่ทัน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกคนอพยพออกจากสถานทูต
28- ชาวกัมพูชาบุกเข้ามาในสถานทูตได้สำเร็จ แล้วไล่ล่าหาตัวเจ้าหน้าที่คนไทย และเผาสถานทูตจนวอด โชคดีเจ้าหน้าที่ทั้ง 14 คนหนีรอดหวุดหวิด บางคนปีนรั้วและกระโดดลงเรือที่คนไทยมารอรับ บางคนปีนรั้วข้ามไปสถานทูตญี่ปุ่นที่อยู่ติดกัน ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ให้ความช่วยเหลือ
29- แม้แต่หนังสือพิมพ์ของกัมพูชาก็ยังรายงานว่า ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยืนดูเฉย ๆ อ้างว่าไม่รู้จะทำอะไรได้
—————
🔴 เปิดปฏิบัติการโปเชนตง
:
30- “ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้นต่อสายตรงถึงฮุนเซน ยื่นคำขาดให้ควบคุมสถานการณ์โดยด่วน และให้รับประกันความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย หากไม่สามารถจัดการได้ภายใน 1 ชม. ไทยจะส่งหน่วยคอมมานโดเข้าไปจัดการเอง!
31- ไทยยังตอบโต้ทันทีด้วยการส่งตัวทูตกัมพูชากลับประเทศ ลดความสัมพันธ์ทางการทูตลงมาอยู่ในระดับอุปทูต ยกเลิกโครงการช่วยเหลือกัมพูชาทั้งหมด และปิดพรมแดนห้ามชาวกัมพูชาเข้าประเทศไทย
32- ในขณะเดียวกันก็เปิด “ปฏิบัติการโปเชนตง” (ชื่อสนามบินในกัมพูชา) เพื่อพาคนไทยกลับบ้าน โดยนำเครื่อง C-130 จำนวน 5 ลำ ไปลงจอดที่สนามบินโปเชนตงแบบไม่ดับเครื่อง ลำไหนคนเต็มก่อนไปก่อน พร้อมจัดหน่วยคอมมานโดกว่าร้อยนายไปอารักขา ส่วนกองเรือรบและเครื่องบินขับไล่ F-16 ก็ประจำการเช่นกัน พร้อมเปิดปฏิบัติการโปเชนตง 2 หากแผนแรกไม่สำเร็จ
33- วันที่ 30 มกราคม 2546 ปฏิบัติการโปเชนตงสำเร็จลุล่วงด้วยดี สามารถนำคนไทยกว่า 700 ชีวิตกลับสู่มาตุภูมิได้อย่างปลอดภัยโดยใช้เวลาเพียง 1 ชม.
34- เรื่องนี้กลายเป็นบทพิสูจน์ภาวะผู้นำของทักษิณเช่นกัน ส่งผลให้เขากลายเป็นฮีโร่ในชั่วข้ามคืน ความนิยมของรัฐบาลไทยรักไทยที่เพิ่งเข้าสู่อำนาจได้เพียง 2 ปีพุ่งสูงขึ้น จนกลายเป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ที่หาใครมาสู้ยาก
—————
🔴 คำขอโทษจากกัมพูชา
:
35- หลังเหตุการณ์นี้รัฐบาลกัมพูชาได้ออกมาแถลงขอโทษอย่างเป็นทางการ และสัญญาว่าจะจ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้สถานทูตไทย 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 250 ล้านบาทในขณะนั้น)
36- กัมพูชายังจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับจลาจลมากกว่า 150 คน จำคุกราว 6 เดือน รวมถึงจับกุมสื่อ เช่น เจ้าของสถานีวิทยุ และ บก.หนังสือพิมพ์รัศมีอังกอร์ ในข้อหาปลุกปั่นและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ แต่สื่อเหล่านี้ได้รับการประกันตัวและสุดท้ายก็ไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ
37- ส่วนความเสียหายของกิจการไทยถูกประเมินไว้ที่ 20 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 830 ล้านบาท) รัฐบาลกัมพูชาตกลงชดเชยผ่านการเจรจาเป็นรายกรณี แต่ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าแต่ละรายได้เงินชดเชยเท่าไหร่ (หนึ่งในกิจการที่ได้รับความเสียหายคือชินคอร์ปของตระกูลชินวัตร)
38- ความสัมพันธ์ของสองประเทศค่อย ๆ ฟื้นตัว ความสัมพันธ์ทางการทูตได้รับการฟื้นฟูเต็มรูปแบบในเดือนเมษายน 2546 ฮุนเซนยกเลิกการแบนละครไทย แต่ไม่เคยมีใครขอโทษกบ สุวนันท์ ความนิยมของเธอในกัมพูชาลดลงอย่างมาก และชาวกัมพูชาจำนวนไม่น้อยยังคงเชื่อเฟคนิวส์
39- หลังเหตุการณ์สงบ ฮุนเซนชนะเลือกตั้งและครองที่นั่งในสภาอย่างท่วมท้น นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงปลุกลัทธิคลั่งชาติสุดโต่งมาใช้เสมอ
ฉายา “ตัวปัญหาแห่งอาเซียน” ของฮุนเซนไม่ได้มาจากโชคช่วย!
—————
📌 สรุปและเรียบเรียงจาก:
◾️ บทความ “เชือดกบ สุวนันท์ สังเวยลัทธิคลั่งชาติ แผนลับฝ่ายค้านเขมร!” โดย เนชั่นสุดสัปดาห์ (3 ก.พ. 2546)
◾️ บทความ “ย้อนอดีต! ปฏิบัติการโปเชนตง เมื่อกองทัพไทยเปิดปฏิบัติการช่วยคนไทยจากกัมพูชา” โดย thaiarmedforces (29 ม.ค. 2564)
◾️ บทความ “20 ปี ปฏิบัติการโปเชนตง บทพิสูจน์ภาวะผู้นำในสถานการณ์วิกฤต” โดย มติชนสุดสัปดาห์ (2 ก.พ. 2566)
◾️ สื่ออื่น ๆ เช่น พันทิป, Manager Online, คม ชัด ลึก, Voice TV
เครดิต
https://www.facebook.com/share/1CcTknCdiu/