ความจริงเกี่ยวกับลูกงู ที่หลายคนมักเข้าใจผิด

*** คำเตือน : โพสนี้มีรูปงู สำหรับผู้ที่กลัวงูโปรดอ่านอย่างระมัดระวัง ***
และขอเตือนพ่อแม่และผู้ปกครองที่กำลังเลี้ยงดูเด็กเล็ก ว่าอย่าประมาท และให้สอนลูกหลานของท่านเคาะรองเท้าก่อนใส่ทุกครั้ง

เราจะเห็นข่าวเด็กเล็กๆเสียชีวิตเนื่องจากถูกลูกงูที่ซ่อนตัวอยู่ในรองเท้ากัดอยู่บ่อยครั้ง หลายครั้งที่อ่านแล้วก็รู้สึกใจสลายไปกับพ่อแม่น้องๆที่โชคร้าย
ใครจะคิดว่าในรองเท้าของลูกมีงูซ่อนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาเช้าๆที่เด็กๆถูกปลุกขึ้นมาเพื่อไปโรงเรียน การที่เขาง่วงหลับบนรถเป็นเรื่องปกติทำให้พ่อแม่ไม่ทันสังเกตว่านั่นคืออาการของพิษงูที่ทำให้หนังตาตกคล้ายกำลังง่วงนอนและหลับไป
หลายครั้งที่ในข่าว พ่อแม่กว่าจะรู้ตัวก็ตอนถึงโรงเรียน จะปฐมพยาบาลอะไรก็ไม่ทันแล้ว เพราะผ่านไปนานเกินไปเนื่องจากเข้าใจว่าลูกแค่ง่วงหลับ

ดังนั้น การป้องกันจึงดีที่สุด คือควรสอนให้เด็กๆเช็คด้านในรองเท้าก่อนสวมใส่ทุกครั้ง
และจะให้ดีที่สุด ผู้ใหญ่ควรเป็นคนเช็คให้ ด้วยการเคาะรองเท้าแรงๆ 2-3 ครั้ง ก่อนจะสวมใส่ให้เด็ก
เพราะหากมีงูแอบอยู่จริงๆ ผู้ใหญ่จะรับมือกับสถานการณ์ได้ดีกว่าเด็ก



งูเด็กตัวเล็กแต่พิษร้ายกว่างูใหญ่ งูตัวเล็ก พิษไม่เล็ก!

หลายคนมักเข้าใจผิด คิดว่า “งูตัวเล็กๆ ไม่น่าอันตรายอะไร” เวลาโดนกัดก็ไม่ค่อยรีบร้อนไปหาหมออะไร
บ้างก็เข้าใจว่า “ถ้าเป็นงูเด็ก ก็คงยังไม่มีพิษมาก”
แต่ความเข้าใจนี้อาจทำให้คุณตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้





ความจริงแล้ว งูเด็ก หรือ “ลูกงู” ของงูพิษหลายชนิด มีอันตรายมากกว่างูโตเสียอีก ไม่ใช่เพราะพิษของมันแรงกว่าโดยธรรมชาติ แต่เป็นเพราะงูเด็กไม่สามารถควบคุมปริมาณพิษที่ปล่อยออกมาได้ เมื่อมันกัด มันปล่อยพิษใส่เหยื่อแบบ “หมดแม็กซ์” ซึ่งต่างจากงูโตที่สามารถควบคุมการปล่อยพิษได้อย่างแม่นยำมากกว่า เพราะงูโตมีกระทั่งการกัดเพื่อขู่ไล่ศัตรู ซึ่งจะไม่ปล่อยพิษออกมาเลยก็มี
ในโลกของงูพิษ การควบคุมการปล่อยพิษเป็นพฤติกรรมที่ “ต้องเรียนรู้” งูพิษที่โตเต็มวัยจะรู้ว่าควรใช้พิษแค่พอหยุดเหยื่อ หรือบางครั้งอาจกัดแบบไม่ปล่อยพิษเลย (เรียกว่า dry bite) เพื่อประหยัดพิษไว้ใช้กับศัตรูที่อันตรายกว่าหรือเพื่อจับเหยื่อในอนาคต
แต่งูเด็กไม่มีประสบการณ์ ไม่มีการควบคุม มันจึง “ปล่อยพิษทั้งหมด” ที่มันมีในร่างกายตอนกัด ทำให้พิษที่เข้าสู่ร่างกายเหยื่อ (หรือมนุษย์) มีปริมาณมากกว่าที่ควรจะเป็นต่างจากการโดนงูที่โตแล้วกัด

ลองจินตนาการว่า งูโตปล่อยพิษแค่ 20–30% แต่งูเด็กกลับปล่อย 100% ในการกัดครั้งเดียว แม้ร่างกายของมันจะเล็ก แต่พิษที่ปล่อยออกมานั้น เข้มข้น พอจะทำให้เกิดอาการรุนแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
ตัวอย่างเช่น งูเขียวหางไหม้ งูเห่า ฯลฯ ซึ่งเป็นงูพิษที่พบได้ในไทย ลูกงูของพวกมันอาจดูน่ารักหรือไม่เป็นภัย แต่หากกัดเมื่อใด อาการบวม ปวดอย่างรุนแรง เลือดไม่แข็งตัว หรือไตวาย ก็สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ต่างจากการถูกงูโตกัดเลยทีเดียว แถมยังรุณแรงกว่าด้วย เพราะได้รับพิษในปริมาณมากกว่าโดนงูโตกัดเสียอีก
สิ่งที่อันตรายไม่ใช่แค่พิษที่รุนแรงแต่คือ “ความไม่รู้อันตรายของคนที่พบเจอ”
หลายคนโดนงูเด็กกัดเพราะคิดว่าเป็นงูไม่มีพิษ หรือจับเองเพราะมันดูไม่ดุ หรืออาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นงูไม่มีพิษเนื่องจากความไม่รู้หรือรู้ไม่จริง สุดท้ายกลับต้องเข้าเผชิญอันตรายถึงชีวิต
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะพบงูตัวเล็กแค่ไหนก็อย่าเสี่ยงเข้าใกล้หรือพยายามจับเอง การแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาจัดการอย่างปลอดภัย คือวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณและตัวงู

จำไว้เสมอว่า งูตัวเล็ก ไม่ได้แปลว่า พิษมันน้อยแล้วจะไม่อันตราย เพราะแม้พิษจะน้อยกว่างูใหญ่แต่มันไม่รู้จักควบคุมพิษจึงอันตรายยิ่งกว่า
หากคุณพบงูในบ้าน ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ อย่าเสี่ยงเด็ดขาด เพราะมันอาจเป็นงูพิษในร่างไร้เดียงสา
ควรติดต่อตำรวจ,กู้ภัยหรือผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อความปลอดภัยของคุณและครอบครัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่