.
“ไอซ์ รักชนก” แนะ “นายกฯ อิ๊งค์” ทุกองค์กรอิสระติดอาวุธครบมือแล้ว จี้ยุบสภาลงจากตำแหน่ง ประเทศจะได้ไปต่อ ซัดอดีตเพื่อนรักยังย้ายฝั่ง เตือน อย่ามองแต่ผลประโยชน์ครอบครัว วอนคำนึงถึงความมั่นคง-ผลประโยชน์ประเทศบ้าง
.
25 มิ.ย. 2568 ที่รัฐสภา น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการนัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย.นี้ เพื่อขับไล่รัฐบาล ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ว่า พรรคประชาชนเรายืนยันว่าถ้านายกรัฐมนตรีไม่อยากเจอกับเดตล็อกทางตัน ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้ มีการเคลื่อนไหวของประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง หรือองค์กรอิสระ ที่ตอนนี้แทบจะติดอาวุธกันครบทุกองค์กรแล้ว แล้วอดีตเพื่อนรักของท่านที่ตอนนี้ก็ย้ายฝั่ง ทุกคนมีอาวุธครบมือ ถ้าท่านอยากจะลงจากตำแหน่งอย่างพอที่จะมีทางไปอยู่
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ให้ประเทศนี้ได้มีทางไปต่อ ตนขอเสนอให้ยุบสภาเท่านั้น คือทางออก อย่ามองแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง อย่ามองแต่ความมั่นคงของครอบครัวตัวเอง ท่านต้องมองถึงประโยชน์ของประเทศและความมั่นคงของประเทศนี้บ้าง
.
เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยที่เป็นน้องใหม่ในฝ่ายค้าน เสนอการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เห็นด้วยหรือไม่ น.ส.รักชนก กล่าวเพียงว่าความเห็นของตนเหมือนนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ที่ให้สัมภาษณ์ช่วงเช้า
.
.
ไอซ์ รักชนก เดือด ฉะกสทช.เปิดประมูลคลื่นความถี่ ต่ำเกินจริง ประเทศเสียหาย เอื้อกลุ่มนายทุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5246429
.
ไอซ์ รักชนก เดือด ฉะกสทช.เปิดประมูลคลื่นความถี่ ต่ำเกินจริง ประเทศเสียหาย เอื้อกลุ่มนายทุน
.
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่รัฐสภา น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะจัดประมูลคลื่นความถี่ 4 ย่านหลัก ในวันที่ 29 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยตั้งข้อสังเกตถึงราคาเริ่มต้นประมูลต่ำเกินกว่าราคาที่รัฐจัดเก็บได้ในปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหาอยู่ที่คลื่น 2,100 และ 2,300 เมกะเฮิรตซ์
“คลื่น 2,100 เมกะเฮิรตซ์ AIS เคยเช่า NT ในราคา 12,000 ล้านบาท แต่ในการเริ่มประมูลครั้งนี้ กสทช. ตั้งต้นประมูลที่ความถี่ 4,500 ล้านบาท ส่วนคลื่น 2,300 เมกะเฮิรตซ์ ดีแทคเคยเช่า NT อยู่ที่ 7,300 ล้านบาท แต่ กสทช. ตั้งต้นประมูลอยู่ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท ต้องบอกว่าราคาตั้งต้นการประมูล อ้างอิงจาก 10 ปีที่แล้ว เหตุผลอะไรที่ต้องไปอ้างอิงราคาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทั้งที่โลกเปลี่ยนไป” น.ส.รักชนก กล่าว
.
น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า หลังจากควบรวมค่ายมือถือ ทุกท่านทราบว่าเหลือเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่อยู่แค่ 2 รายเท่านั้น แล้วเขาก็ไม่ได้ใช้ความถี่ทับกัน คำถามของพวกเราคือทำไม กสทช. ถึงตั้งราคาเริ่มต้นที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้
.
“กสทช.ท่านเป็นอะไรกับค่ายมือถือ ถึงต้องรักษาผลประโยชน์ให้เขาขนาดนี้ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่ยืนยันได้เลยว่าเมื่อค่ายมือถือเหล่านี้ จ่ายเงินซื้อของราคาถูกแล้ว เขาจะเอาเงินส่วนต่างเหล่านี้มาลดหรือเพิ่มเป็นบริการที่ดีขึ้น ท่านบอกว่าพอเขาจ่ายของถูก เดี๋ยวเขาจะไปลดค่าบริการ ทำเสาสัญญาณให้ดีขึ้น ประชาชนประเทศนี้ไม่ได้กินหญ้า ตอนที่ควบรวมทรูกับดีแทค กสทช. เดี๋ยวบริการจะดีขึ้น ถามว่าทุกวันนี้ มันประจักษ์แก่สายตาประชาชนแล้วหรือยัง สัญญาณมือถือที่ท่านใช้รู้สึกว่ามันดีหรือห่วยกว่าเดิม” น.ส.รักชนกกล่าว
.
น.ส.รักชนก กล่าวว่า ค่าบริการ โปรโมชั่นเสริมที่เมื่อก่อนนี้จะต้องแย่งลูกค้ากัน ทุกวันนี้มันหดหายไปเพราะเขาไม่ต้องแข่งทำอะไร เพื่อเอาใจผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีกรณีค่ายมือถือล่ม กสทช. จัดการอะไรได้หรือไม่ ท่านไม่มีการจัดการค่ายมือถือเหล่านี้เลย
.
“กสทช.เปลี่ยนชื่อเถอะ จากองค์กรบริหารคลื่นความถี่ ไปเป็นองค์กรบริหารคลื่นความถี่เพื่อกลุ่มทุน แล้ววงเล็บข้างหลังไปด้วยว่ากลุ่มทุนไหน เพราะตอนนี้กลุ่มทุนค่ายมือถือกลุ่มหนึ่ง แทบจะสั่งให้ กสทช. สำนักงานและบอร์ด ซ้ายหันขวาหันได้อยู่แล้ว ท่านเปลี่ยนชื่อไปเลย มันจะได้ชัดเจน ประชาชนจะได้เข้าใจกันไปเลยว่าองค์กรนี้จัดสรรขึ้นความถี่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะแล้ว” น.ส.รักชนกกล่าว
.
น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สองเรื่องคุณสมบัติของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ท่านมีหน้านั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน กสทช.ได้อย่างไร ข้อเท็จจริงที่ว่าประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ มันชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไรแล้ว ตนเชื่อว่าคนเกินครึ่งประเทศเคยได้ยินเรื่องนี้ ขนาดอ้างอิงของวุฒิสภาสมัยที่แล้ว ท่านเป็นพวกเดียวกัน มาจากรัฐบาลรัฐประหารเหมือนกัน ทั้ง สว.และประธาน กสทช.
.
“สว.ชุดที่แล้วยังชี้ไปในรายงานฉบับนี้เลยด้วยซ้ำว่าประธาน กสทช.คนนี้ขาดคุณสมบัติ เอาง่ายๆว่าพวกเดียวกันยังแบกไม่ไหว แต่ทุกวันนี้เรายังต้องจ่ายเงินเดือนให้คนๆนี้ เพียงต้องจ่ายค่าดูงานต่างประเทศ จ่ายสวัสดิการ คนคนนี้ยังนั่งตัดสินใจเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ ราคาประมูลมันเท่านี้ แต่ผลประโยชน์ของชาติมันหลักแสนล้านบาท ท่านไม่มีสิทธิ์นั่งหัวโต๊ะ” น.ส.รักชนก กล่าว
.
น.ส.รักชนก กล่าวว่า ต่อให้ตนเรียกร้องให้ประธาน กสทช.ลาออกทุกสัปดาห์ แต่ท่านคงไม่ออก เพราะเนื้อบริเวณใบหน้าท่าน อาจจะหนากว่าคนทั่วไปสักนิด ตนก็เข้าใจ ท่านลงจากอำนาจมา ก็น่าจะมีฝ่าเท้าที่คอยเหยียบย่ำท่าน ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ตัวประธาน กสทช.จัดการตัวเอง และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ทูลเกล้าฯ เสนอชื่อ ประธาน กสทช. เสนอทูลเกล้าเพื่อปลดออกด้วย
.
“ดิฉันมาช่วยหาคะแนนให้คุณแพทองธาร ถ้าจะมีสักเรื่องหนึ่งที่ท่านทำเพื่อประชาชนจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศจริงๆ เพราะทุกคนอาจจะทราบแล้วว่า องค์กรนี้ ทุกวันนี้ ทำงานรับใช้ใคร สีแดงๆ ค่ะ นายกรัฐมนตรีจะต้องหยุดเรื่องราวความเน่าเฟะที่เกิดขึ้นในองค์กร กสทช.” น.ส.รักชนก กล่าว
.
.
ธปท. เตือน ครึ่งปีหลังลากยาวปี 69 ศก.ชะลอตัว คาดจีดีพีโตแค่ 1.7% ไม่ลดดอกเบี้ยเก็บกระสุนจำกัด
https://www.matichon.co.th/economy/news_5246780
.
ธปท. เตือนครึ่งปีหลังลากยาวปี 69 ศก.ชะลอตัว คาดจีดีพีโตแค่ 1.7% ไม่ลดดอกเบี้ยเก็บกระสุนจำกัด
.
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ผลการประชุม กนง. คณะกรรมการฯ มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี โดยมี 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งให้เหตุผลของการคงดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมคือ เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ขยายตัวดีกว่าที่ประเมินไว้จากภาคการผลิตและการเร่งส่งออกสินค้า และให้ความสำคัญกับจังหวะเวลา รวมถึงประสิทธิผลในการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้ขีดจำกัดที่มีอยู่ เพราะประเมินในระยะถัดไป เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง โดยมีความเสี่ยงในการส่งออกสินค้าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐ รวมถึงมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยภายในประเทศ ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทาน ขณะที่สินเชื่อชะลอลง ส่วนหนึ่งจากความต้องการสินเชื่อที่ลดลงในบางกลุ่มและความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น
.
“
จีดีพีครึ่งแรกของปี 2568 โตที่ 2.9% แต่หลังจากนี้ช่วงครึ่งหลังของที่เหลือเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงแน่นอน ผลจากสงครามการค้าโลกที่เริ่มชัดเจนขึ้น รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้คาดการณ์การโตของจีดีพีครึ่งปีหลังน้อยลง เพราะโมเมนตัมเทียบระหว่างไตรมาสต่อไตรมาสเทียบกันจะลดลงค่อนข้างแรง จากเดิมไตรมาส 1/2568 โต 0.6% ลงมาโตอยู่ที่ 0.1% ทำให้ทั้งปี 2568 โตที่ 2.3% ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลไปถึงปี 2569 ทำให้จีดีพีไทยปี 2569 โตเพียง 1.7% เท่านั้น แม้เศรษฐกิจในปี 2568 จะปรับคาดการณ์ขึ้นที่ 2.3% แต่ปีหน้าจะโตชะลอตัวลงค่อนข้างเยอะ” นาย
สักกะภพ กล่าว
.
นายสักกะภพ กล่าวว่า ประเมินภาพในอดีตทำให้มั่นใจว่าจีดีพีปี 2568 ไม่ต่ำกว่า 2% แน่นอน เพราะโมเมนตัมรายไตรมาส หากเศรษฐกิจจะโตต่ำกว่า 2% ได้ จีดีพีจะต้องติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นเพียง 4 ครั้ง ได้แก่ ต้มยำกุ้งปี 2540 วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 วิกฤตความไม่สงบทางการเมืองไทยปี 2556 และการระบาดโควิด-19 ปี 2563 ซึ่งเป็นวิกฤตใหญ่ที่มาเป็นผลจากต่างประเทศเข้ามาร่วมด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นเครื่องชี้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แม้มองครึ่งหลังของปี 2568 ถึงปี 2569 แนวโน้มการเติบโตจะชะลอตัวลง จากการส่งออกสินค้าที่ลดลงเพราะผลกระทบภาษีสหรัฐ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยน้อยลง โดยเฉพาะจากจีน แต่หากดูตลาดระยะไกล นักท่องเที่ยวยุโรปยังเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ยังไม่ได้กระทบกับค่าใช้จ่ายรวมที่เป็นรายได้มากเท่าจำนวนหัวนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยทั้งปี 2568 คาดต่างชาติเที่ยวไทยลดลงเหลือ 35 ล้านคน ส่วนปี 2569 อยู่ที่ 38 ล้านคน
.
นาย
สักกะภพ กล่าวว่า ความกังวลเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศไทย จะมาจากต่างประเทศที่เกิดภาวะดังกล่าวขึ้นก่อน ซึ่งโอกาสในตอนนี้มีน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะต้องมีวิกฤตใหญ่เกิดขึ้นมา แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นภาพแนวโน้มดังกล่าว รวมถึงปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง ยังไม่ได้ถูกใส่รวมเข้าไป เพราะยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ ขณะที่ได้รวมผลของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจก้อน 1.57 แสนล้านบาทเข้าไปประเมินในฐานจีดีพีแล้ว ทำให้การปรับลดดอกเบี้ย ถือเป็นกระสุนที่ไม่ได้มีลูกกระสุนเหลือเยอะ จึงต้องดูให้เหมาะสมตามสถานการณ์และช่วงเวลา ซึ่งในระยะข้างหน้า ต้องติดตามความเสี่ยงด้านสูงจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลต่อราคาพลังงานโลก ด้านสินเชื่อโดยรวมหดตัว จากสถาบันการเงินยังระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะเอสเอ็มอีและครัวเรือนกลุ่มรายได้ต่ำ ประกอบกับความต้องการของธุรกิจที่ลดลงและการชำระคืนหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น
.
นาย
สักกะภพ กล่าวว่า สำหรับการเข้ามารับตำแหน่งของผู้ว่า ธปท.คนใหม่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่สอดคล้องกับนโยบายการคลังมากขึ้นหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าเรามีกลไกในแง่ของการทำงาน ไม่ว่าใครจะเข้ามาจากที่ใดเมื่อเข้ามาแล้วก็เป็นคนของ ธปท.เช่นกัน ซึ่งมีกรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงินต่อไป
JJNY : 5in1 “รักชนก”แนะยุบสภา│ไอซ์ฉะกสทช.│ธปท.เตือนครึ่งปีหลังศก.ชะลอ│หนี้ครัวเรือนเกินจุดอันตราย│จับตา!กัมพูชาขนอาวุธ
https://ch3plus.com/news/political/morning/442483
.
.
25 มิ.ย. 2568 ที่รัฐสภา น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการนัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย.นี้ เพื่อขับไล่รัฐบาล ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ว่า พรรคประชาชนเรายืนยันว่าถ้านายกรัฐมนตรีไม่อยากเจอกับเดตล็อกทางตัน ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้ มีการเคลื่อนไหวของประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง หรือองค์กรอิสระ ที่ตอนนี้แทบจะติดอาวุธกันครบทุกองค์กรแล้ว แล้วอดีตเพื่อนรักของท่านที่ตอนนี้ก็ย้ายฝั่ง ทุกคนมีอาวุธครบมือ ถ้าท่านอยากจะลงจากตำแหน่งอย่างพอที่จะมีทางไปอยู่
.
ไอซ์ รักชนก เดือด ฉะกสทช.เปิดประมูลคลื่นความถี่ ต่ำเกินจริง ประเทศเสียหาย เอื้อกลุ่มนายทุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5246429
.
.
ธปท. เตือน ครึ่งปีหลังลากยาวปี 69 ศก.ชะลอตัว คาดจีดีพีโตแค่ 1.7% ไม่ลดดอกเบี้ยเก็บกระสุนจำกัด
https://www.matichon.co.th/economy/news_5246780
.
ธปท. เตือนครึ่งปีหลังลากยาวปี 69 ศก.ชะลอตัว คาดจีดีพีโตแค่ 1.7% ไม่ลดดอกเบี้ยเก็บกระสุนจำกัด
.
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ผลการประชุม กนง. คณะกรรมการฯ มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี โดยมี 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งให้เหตุผลของการคงดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมคือ เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ขยายตัวดีกว่าที่ประเมินไว้จากภาคการผลิตและการเร่งส่งออกสินค้า และให้ความสำคัญกับจังหวะเวลา รวมถึงประสิทธิผลในการดำเนินนโยบายการเงินภายใต้ขีดจำกัดที่มีอยู่ เพราะประเมินในระยะถัดไป เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง โดยมีความเสี่ยงในการส่งออกสินค้าจะได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐ รวมถึงมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยภายในประเทศ ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทาน ขณะที่สินเชื่อชะลอลง ส่วนหนึ่งจากความต้องการสินเชื่อที่ลดลงในบางกลุ่มและความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น
.
“จีดีพีครึ่งแรกของปี 2568 โตที่ 2.9% แต่หลังจากนี้ช่วงครึ่งหลังของที่เหลือเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงแน่นอน ผลจากสงครามการค้าโลกที่เริ่มชัดเจนขึ้น รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้คาดการณ์การโตของจีดีพีครึ่งปีหลังน้อยลง เพราะโมเมนตัมเทียบระหว่างไตรมาสต่อไตรมาสเทียบกันจะลดลงค่อนข้างแรง จากเดิมไตรมาส 1/2568 โต 0.6% ลงมาโตอยู่ที่ 0.1% ทำให้ทั้งปี 2568 โตที่ 2.3% ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลไปถึงปี 2569 ทำให้จีดีพีไทยปี 2569 โตเพียง 1.7% เท่านั้น แม้เศรษฐกิจในปี 2568 จะปรับคาดการณ์ขึ้นที่ 2.3% แต่ปีหน้าจะโตชะลอตัวลงค่อนข้างเยอะ” นายสักกะภพ กล่าว
.
นายสักกะภพ กล่าวว่า ประเมินภาพในอดีตทำให้มั่นใจว่าจีดีพีปี 2568 ไม่ต่ำกว่า 2% แน่นอน เพราะโมเมนตัมรายไตรมาส หากเศรษฐกิจจะโตต่ำกว่า 2% ได้ จีดีพีจะต้องติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นเพียง 4 ครั้ง ได้แก่ ต้มยำกุ้งปี 2540 วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551 วิกฤตความไม่สงบทางการเมืองไทยปี 2556 และการระบาดโควิด-19 ปี 2563 ซึ่งเป็นวิกฤตใหญ่ที่มาเป็นผลจากต่างประเทศเข้ามาร่วมด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นเครื่องชี้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แม้มองครึ่งหลังของปี 2568 ถึงปี 2569 แนวโน้มการเติบโตจะชะลอตัวลง จากการส่งออกสินค้าที่ลดลงเพราะผลกระทบภาษีสหรัฐ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยน้อยลง โดยเฉพาะจากจีน แต่หากดูตลาดระยะไกล นักท่องเที่ยวยุโรปยังเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ยังไม่ได้กระทบกับค่าใช้จ่ายรวมที่เป็นรายได้มากเท่าจำนวนหัวนักท่องเที่ยวที่ลดลง โดยทั้งปี 2568 คาดต่างชาติเที่ยวไทยลดลงเหลือ 35 ล้านคน ส่วนปี 2569 อยู่ที่ 38 ล้านคน
.
นายสักกะภพ กล่าวว่า ความกังวลเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศไทย จะมาจากต่างประเทศที่เกิดภาวะดังกล่าวขึ้นก่อน ซึ่งโอกาสในตอนนี้มีน้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะต้องมีวิกฤตใหญ่เกิดขึ้นมา แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นภาพแนวโน้มดังกล่าว รวมถึงปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง ยังไม่ได้ถูกใส่รวมเข้าไป เพราะยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ ขณะที่ได้รวมผลของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจก้อน 1.57 แสนล้านบาทเข้าไปประเมินในฐานจีดีพีแล้ว ทำให้การปรับลดดอกเบี้ย ถือเป็นกระสุนที่ไม่ได้มีลูกกระสุนเหลือเยอะ จึงต้องดูให้เหมาะสมตามสถานการณ์และช่วงเวลา ซึ่งในระยะข้างหน้า ต้องติดตามความเสี่ยงด้านสูงจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลต่อราคาพลังงานโลก ด้านสินเชื่อโดยรวมหดตัว จากสถาบันการเงินยังระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะเอสเอ็มอีและครัวเรือนกลุ่มรายได้ต่ำ ประกอบกับความต้องการของธุรกิจที่ลดลงและการชำระคืนหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น
.
นายสักกะภพ กล่าวว่า สำหรับการเข้ามารับตำแหน่งของผู้ว่า ธปท.คนใหม่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่สอดคล้องกับนโยบายการคลังมากขึ้นหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าเรามีกลไกในแง่ของการทำงาน ไม่ว่าใครจะเข้ามาจากที่ใดเมื่อเข้ามาแล้วก็เป็นคนของ ธปท.เช่นกัน ซึ่งมีกรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงินต่อไป