จากคลิป The Rules for Rulers ของ CGP Grey
กับหนังสือ The Dictator's Handbook
แนวคิดหลักๆ มันคือการมองว่าผู้นำทุกคน ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีในระบอบประชาธิปไตย หรือท่านผู้นำในระบอบเผด็จการ ต่างก็มีเป้าหมายสูงสุดเหมือนกัน นั่นคือ "
ทำยังไงก็ได้ให้อยู่รอดในอำนาจให้นานที่สุด"
เรื่องนี้เขาอธิบายง่ายๆ ว่าผู้นำต้องคอยเอาใจ "คนสำคัญ" หรือ "กลุ่มคนที่เลือกพวกเขาเข้ามา" (หรือจะถีบพวกเขาลงจากตำแหน่งก็ได้) ซึ่งเจ้ากลุ่มคนสำคัญนี่แหละที่เรียกว่า "
KEY/ Selectorate"
หลัก "Rules for Rulers" เนี่ย ความแตกต่างของ "คนสำคัญ" (KEY/ Selectorate) ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ มันคือเรื่องของ "ขนาด" และ "ธรรมชาติ" ของคนกลุ่มนี้เลย!
"คนสำคัญ" ในระบบเผด็จการ (Dictatorship)
"คนสำคัญ" มีจำนวน "น้อยมาก": นี่คือหัวใจสำคัญเลย! ผู้นำเผด็จการไม่จำเป็นต้องเอาใจคนทั้งประเทศ หรือแม้แต่คนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ เขาแค่ต้องเอาใจคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีอำนาจจริงๆ ในการพยุงเขาไว้ หรือถอดถอนเขาได้
ตัวอย่าง: ผู้นำทหารระดับสูง, หัวหน้าหน่วยความมั่นคง, เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ ที่พึ่งพิงอำนาจรัฐ, แกนนำพรรคการเมืองเดียวที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ, หรือแม้แต่คนในตระกูล/เครือญาติใกล้ชิด
เป้าหมายของผู้นำ: คือการ "จ่าย" (ในรูปของผลประโยชน์, อำนาจ, เงินทอง, ตำแหน่ง) ให้กับคนกลุ่มน้อยนี้ "พอดีๆ" เพื่อให้พวกเขาจงรักภักดีและไม่คิดจะล้มล้างอำนาจ
วิธีการได้มาซึ่งเงิน: ส่วนใหญ่เผด็จการจะชอบกอบโกยทรัพยากรของประเทศ (เช่น น้ำมัน, แร่ธาตุ) มาใช้จ่ายในวงจำกัด เพราะมันง่าย ไม่ต้องพึ่งพาผลิตภาพของประชาชนมาก
ผลลัพธ์ต่อประชาชน: ประชาชนทั่วไปไม่ถือเป็น "คนสำคัญ" ที่ผู้นำต้องเอาใจ ทำให้ผู้นำไม่สนใจพัฒนาคุณภาพชีวิตหรือสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะมันไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการอยู่ในอำนาจของเขา
"คนสำคัญ" ในระบบประชาธิปไตย (Democracy)
"คนสำคัญ" มีจำนวน "มากมหาศาล": ในระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง "คนสำคัญ" ที่ผู้นำต้องเอาใจคือ "ประชาชนทุกคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง" เพราะคนเหล่านี้คือผู้มีอำนาจในการเลือกผู้นำเข้ามา และถอดถอนผู้นำออกไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เป้าหมายของผู้นำ: คือการ "จ่าย" (ในรูปของนโยบายสาธารณะ, บริการที่ดี, กฎหมายที่เป็นธรรม, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน) ให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพื่อให้พวกเขาพอใจและเลือกตนกลับมาอีกครั้ง
วิธีการได้มาซึ่งเงิน: รัฐบาลประชาธิปไตยต้องพึ่งพารายได้จากภาษีและการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ที่ต้องพึ่งพาผลิตภาพของประชาชน) เพื่อนำมาใช้จ่ายในการบริการสาธารณะ
ผลลัพธ์ต่อประชาชน: ผู้นำในระบอบประชาธิปไตยถูก "บังคับ" ให้ต้องดูแลสวัสดิภาพและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน เพราะนั่นคือหนทางเดียวที่จะได้เงิน กลับไปจ่าย Key
กฎทอง 5 ข้อสู่การกุมอำนาจ (The Rules for Rulers)
จากหนังสือและคลิป CGP Grey จะสรุปกฎเหล็กที่ผู้นำต้องทำตามเพื่อให้อยู่รอดในอำนาจได้ดังนี้:
1. ทำให้กลุ่มคนที่หนุนหลังเราเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้: ยิ่งกลุ่มคนที่ต้องเอาใจมีน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งแบ่งผลประโยชน์ได้เยอะขึ้นเท่านั้น ผู้นำก็เหนื่อยน้อยลง
2. เพิ่มจำนวนคนที่เราสามารถเอามาเสียบแทนคนสำคัญได้: คือต้องมีตัวเลือกสำรองเยอะๆ ถ้าใครไม่เชื่อฟังก็เขี่ยทิ้งได้เลย ไม่ต้องง้อ
3. ควบคุมเงินคลังให้ได้: เงินคือปัจจัยสำคัญในการซื้อใจและตอบแทนคนสำคัญ ถ้าคุมคลังได้ก็คุมอำนาจได้
4. ให้รางวัลคนสำคัญอย่างหนัก: ต้องทุ่มไม่อั้นให้กับคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาคือฐานอำนาจหลักของเรา
5.
อย่าริอาจไปเอาของจากคนสำคัญมาให้คนธรรมดา: อันนี้เป็นกฎที่สำคัญมาก ห้ามแตะต้องผลประโยชน์ของคนสำคัญเด็ดขาด ไม่งั้นเตรียมลงจากตำแหน่งได้เลย
ทำไมเผด็จการที่เลวร้าย ถึงมั่นคงนัก?
อันนี้แหละคือหัวใจสำคัญของ "Rules for Rulers" เลย!
คือกำอำนาจแค่ในวงเล็กๆ: เผด็จการไม่ได้ต้องการการสนับสนุนจากคนทั้งประเทศ เขาแค่ต้องการเอาใจคน "กลุ่มเล็กๆ" ที่เป็นกำลังสำคัญของเขาเท่านั้น เช่น เหล่าแม่ทัพนายกอง เศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล หรือพวกขุนนางใกล้ชิด การควบคุมคนกลุ่มน้อยมันง่ายกว่าเยอะ
ทุ่มไม่อั้นให้คนสำคัญ: ผู้นำเผด็จการจะใช้ทรัพยากรที่มีทั้งหมด (ส่วนใหญ่ก็กอบโกยมานั่นแหละ) เพื่อ "ซื้อใจ" และ "ตอบแทน" คนกลุ่มเล็กๆ ที่หนุนหลังเขาอยู่ ให้คนพวกนี้รวยล้นฟ้า มีอำนาจพิเศษ จะได้จงรักภักดีไม่คิดทรยศ
ไม่ต้องแคร์ประชาชน: ในเมื่อไม่ได้มาจากคะแนนเสียงประชาชน ไม่ต้องหาเสียง ไม่ต้องฟังเสียงวิจารณ์ ผู้นำเผด็จการก็ไม่ต้องพัฒนาประเทศ ไม่ต้องสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล หรือระบบสาธารณูปโภคดีๆ ให้ประชาชนเลยก็ได้ เพราะชีวิตประชาชนมันไม่ได้มีผลกับการอยู่ในอำนาจของเขาเท่าไหร่
ทำไมประเทศเผด็จการ ถึงเป็นเผด็จการจากทรัพยากร?
รวยง่าย ไม่ต้องพึ่งประชาชน: ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะๆ เช่น น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ แร่ธาตุต่างๆ ผู้นำเผด็จการสามารถเอาทรัพยากรพวกนี้ไปขายแล้วได้เงินมหาศาลเข้าคลัง (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้ากระเป๋าตัวเองและพรรคพวก) โดยที่ "ไม่ต้องพึ่งพา" การผลิตของประชาชนเลย ไม่จำเป็นต้องมีโรงงานทันสมัย ไม่ต้องมีการศึกษาที่ดี ไม่ต้องมีแรงงานฝีมือคุณภาพสูง เพราะเงินมันได้มาจากการขุดทรัพยากรอย่างเดียว
ไม่มีแรงจูงใจพัฒนาคนและประเทศ: ในเมื่อเงินมันมาง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งภาษีจากประชาชน ไม่ต้องพึ่งการสร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจ ผู้นำก็เลยไม่มีแรงจูงใจที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน หรือลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพราะการลงทุนพวกนี้มันไม่ได้ทำให้เขายังอยู่ในอำนาจได้นานขึ้น แถมยังต้องแบ่งผลประโยชน์ให้คนกลุ่มใหญ่ขึ้นด้วย
เอางบไปทุ่มซื้อความภักดี: เงินที่ได้จากทรัพยากรเหล่านี้ แทนที่จะเอามาพัฒนาประเทศ ผู้นำเผด็จการกลับเอาไปใช้ในการซื้ออาวุธ สร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง (เพื่อกดขี่ประชาชนและป้องกันตัวเอง) และเอาไปทุ่มให้กับคนสำคัญที่คอยหนุนหลังเขาอย่างเดียวเลย
ประชาชนอ่อนแอ ต่อต้านยาก: เมื่อประชาชนไม่ได้รับการศึกษาที่ดี ไม่มีโอกาสทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย ไม่มีปากเสียง ก็จะยิ่งอ่อนแอ และไม่มีกำลังมากพอที่จะรวมตัวกันล้มล้างอำนาจเผด็จการได้ง่ายๆ
Rules for Rulers ทำไมผู้นำถึงชั่วร้าย และตัดสินใจอะไรโง่ๆ
กับหนังสือ The Dictator's Handbook
แนวคิดหลักๆ มันคือการมองว่าผู้นำทุกคน ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีในระบอบประชาธิปไตย หรือท่านผู้นำในระบอบเผด็จการ ต่างก็มีเป้าหมายสูงสุดเหมือนกัน นั่นคือ "ทำยังไงก็ได้ให้อยู่รอดในอำนาจให้นานที่สุด"
เรื่องนี้เขาอธิบายง่ายๆ ว่าผู้นำต้องคอยเอาใจ "คนสำคัญ" หรือ "กลุ่มคนที่เลือกพวกเขาเข้ามา" (หรือจะถีบพวกเขาลงจากตำแหน่งก็ได้) ซึ่งเจ้ากลุ่มคนสำคัญนี่แหละที่เรียกว่า "KEY/ Selectorate"
หลัก "Rules for Rulers" เนี่ย ความแตกต่างของ "คนสำคัญ" (KEY/ Selectorate) ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ มันคือเรื่องของ "ขนาด" และ "ธรรมชาติ" ของคนกลุ่มนี้เลย!
"คนสำคัญ" ในระบบเผด็จการ (Dictatorship)
"คนสำคัญ" มีจำนวน "น้อยมาก": นี่คือหัวใจสำคัญเลย! ผู้นำเผด็จการไม่จำเป็นต้องเอาใจคนทั้งประเทศ หรือแม้แต่คนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ เขาแค่ต้องเอาใจคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีอำนาจจริงๆ ในการพยุงเขาไว้ หรือถอดถอนเขาได้
ตัวอย่าง: ผู้นำทหารระดับสูง, หัวหน้าหน่วยความมั่นคง, เจ้าของธุรกิจใหญ่ๆ ที่พึ่งพิงอำนาจรัฐ, แกนนำพรรคการเมืองเดียวที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ, หรือแม้แต่คนในตระกูล/เครือญาติใกล้ชิด
เป้าหมายของผู้นำ: คือการ "จ่าย" (ในรูปของผลประโยชน์, อำนาจ, เงินทอง, ตำแหน่ง) ให้กับคนกลุ่มน้อยนี้ "พอดีๆ" เพื่อให้พวกเขาจงรักภักดีและไม่คิดจะล้มล้างอำนาจ
วิธีการได้มาซึ่งเงิน: ส่วนใหญ่เผด็จการจะชอบกอบโกยทรัพยากรของประเทศ (เช่น น้ำมัน, แร่ธาตุ) มาใช้จ่ายในวงจำกัด เพราะมันง่าย ไม่ต้องพึ่งพาผลิตภาพของประชาชนมาก
ผลลัพธ์ต่อประชาชน: ประชาชนทั่วไปไม่ถือเป็น "คนสำคัญ" ที่ผู้นำต้องเอาใจ ทำให้ผู้นำไม่สนใจพัฒนาคุณภาพชีวิตหรือสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะมันไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการอยู่ในอำนาจของเขา
"คนสำคัญ" ในระบบประชาธิปไตย (Democracy)
"คนสำคัญ" มีจำนวน "มากมหาศาล": ในระบบประชาธิปไตยที่แท้จริง "คนสำคัญ" ที่ผู้นำต้องเอาใจคือ "ประชาชนทุกคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง" เพราะคนเหล่านี้คือผู้มีอำนาจในการเลือกผู้นำเข้ามา และถอดถอนผู้นำออกไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เป้าหมายของผู้นำ: คือการ "จ่าย" (ในรูปของนโยบายสาธารณะ, บริการที่ดี, กฎหมายที่เป็นธรรม, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน) ให้กับคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพื่อให้พวกเขาพอใจและเลือกตนกลับมาอีกครั้ง
วิธีการได้มาซึ่งเงิน: รัฐบาลประชาธิปไตยต้องพึ่งพารายได้จากภาษีและการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ที่ต้องพึ่งพาผลิตภาพของประชาชน) เพื่อนำมาใช้จ่ายในการบริการสาธารณะ
ผลลัพธ์ต่อประชาชน: ผู้นำในระบอบประชาธิปไตยถูก "บังคับ" ให้ต้องดูแลสวัสดิภาพและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน เพราะนั่นคือหนทางเดียวที่จะได้เงิน กลับไปจ่าย Key
กฎทอง 5 ข้อสู่การกุมอำนาจ (The Rules for Rulers)
จากหนังสือและคลิป CGP Grey จะสรุปกฎเหล็กที่ผู้นำต้องทำตามเพื่อให้อยู่รอดในอำนาจได้ดังนี้:
1. ทำให้กลุ่มคนที่หนุนหลังเราเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้: ยิ่งกลุ่มคนที่ต้องเอาใจมีน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งแบ่งผลประโยชน์ได้เยอะขึ้นเท่านั้น ผู้นำก็เหนื่อยน้อยลง
2. เพิ่มจำนวนคนที่เราสามารถเอามาเสียบแทนคนสำคัญได้: คือต้องมีตัวเลือกสำรองเยอะๆ ถ้าใครไม่เชื่อฟังก็เขี่ยทิ้งได้เลย ไม่ต้องง้อ
3. ควบคุมเงินคลังให้ได้: เงินคือปัจจัยสำคัญในการซื้อใจและตอบแทนคนสำคัญ ถ้าคุมคลังได้ก็คุมอำนาจได้
4. ให้รางวัลคนสำคัญอย่างหนัก: ต้องทุ่มไม่อั้นให้กับคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาคือฐานอำนาจหลักของเรา
5. อย่าริอาจไปเอาของจากคนสำคัญมาให้คนธรรมดา: อันนี้เป็นกฎที่สำคัญมาก ห้ามแตะต้องผลประโยชน์ของคนสำคัญเด็ดขาด ไม่งั้นเตรียมลงจากตำแหน่งได้เลย
ทำไมเผด็จการที่เลวร้าย ถึงมั่นคงนัก?
อันนี้แหละคือหัวใจสำคัญของ "Rules for Rulers" เลย!
คือกำอำนาจแค่ในวงเล็กๆ: เผด็จการไม่ได้ต้องการการสนับสนุนจากคนทั้งประเทศ เขาแค่ต้องการเอาใจคน "กลุ่มเล็กๆ" ที่เป็นกำลังสำคัญของเขาเท่านั้น เช่น เหล่าแม่ทัพนายกอง เศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล หรือพวกขุนนางใกล้ชิด การควบคุมคนกลุ่มน้อยมันง่ายกว่าเยอะ
ทุ่มไม่อั้นให้คนสำคัญ: ผู้นำเผด็จการจะใช้ทรัพยากรที่มีทั้งหมด (ส่วนใหญ่ก็กอบโกยมานั่นแหละ) เพื่อ "ซื้อใจ" และ "ตอบแทน" คนกลุ่มเล็กๆ ที่หนุนหลังเขาอยู่ ให้คนพวกนี้รวยล้นฟ้า มีอำนาจพิเศษ จะได้จงรักภักดีไม่คิดทรยศ
ไม่ต้องแคร์ประชาชน: ในเมื่อไม่ได้มาจากคะแนนเสียงประชาชน ไม่ต้องหาเสียง ไม่ต้องฟังเสียงวิจารณ์ ผู้นำเผด็จการก็ไม่ต้องพัฒนาประเทศ ไม่ต้องสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล หรือระบบสาธารณูปโภคดีๆ ให้ประชาชนเลยก็ได้ เพราะชีวิตประชาชนมันไม่ได้มีผลกับการอยู่ในอำนาจของเขาเท่าไหร่
ทำไมประเทศเผด็จการ ถึงเป็นเผด็จการจากทรัพยากร?
รวยง่าย ไม่ต้องพึ่งประชาชน: ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะๆ เช่น น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ แร่ธาตุต่างๆ ผู้นำเผด็จการสามารถเอาทรัพยากรพวกนี้ไปขายแล้วได้เงินมหาศาลเข้าคลัง (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้ากระเป๋าตัวเองและพรรคพวก) โดยที่ "ไม่ต้องพึ่งพา" การผลิตของประชาชนเลย ไม่จำเป็นต้องมีโรงงานทันสมัย ไม่ต้องมีการศึกษาที่ดี ไม่ต้องมีแรงงานฝีมือคุณภาพสูง เพราะเงินมันได้มาจากการขุดทรัพยากรอย่างเดียว
ไม่มีแรงจูงใจพัฒนาคนและประเทศ: ในเมื่อเงินมันมาง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งภาษีจากประชาชน ไม่ต้องพึ่งการสร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจ ผู้นำก็เลยไม่มีแรงจูงใจที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน หรือลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพราะการลงทุนพวกนี้มันไม่ได้ทำให้เขายังอยู่ในอำนาจได้นานขึ้น แถมยังต้องแบ่งผลประโยชน์ให้คนกลุ่มใหญ่ขึ้นด้วย
เอางบไปทุ่มซื้อความภักดี: เงินที่ได้จากทรัพยากรเหล่านี้ แทนที่จะเอามาพัฒนาประเทศ ผู้นำเผด็จการกลับเอาไปใช้ในการซื้ออาวุธ สร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง (เพื่อกดขี่ประชาชนและป้องกันตัวเอง) และเอาไปทุ่มให้กับคนสำคัญที่คอยหนุนหลังเขาอย่างเดียวเลย
ประชาชนอ่อนแอ ต่อต้านยาก: เมื่อประชาชนไม่ได้รับการศึกษาที่ดี ไม่มีโอกาสทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย ไม่มีปากเสียง ก็จะยิ่งอ่อนแอ และไม่มีกำลังมากพอที่จะรวมตัวกันล้มล้างอำนาจเผด็จการได้ง่ายๆ