แก้ปัญหา! นิสิต/นักศึกษาใช้ AI ในการเขียนงาน

ช่วงหลังมานี้ อาจารย์หลายคนคงกำลังเผชิญกับปัญหาที่ไม่เคยเจอมาก่อน  ไม่ใช่เรื่องการบ้านไม่ส่ง หรือคัดลอกจากเพื่อนแต่คือ…
ทั้งตัวผมและอาจารย์คนอื่นแยกไม่ออกแล้วว่า นักเรียน “เขียนเอง” หรือ “ให้ AI เขียน”

บางชิ้นงานภาษาสละสลวยเกินระดับชั้น
บางชิ้นใช้คำศัพท์ที่ไม่ใช่แนวเดิม
บางชิ้นจัดวางเนื้อหาได้อย่างมีตรรกะชนิดที่แม้แต่นักเรียนหัวดีบางคนยังใช้เวลามากกว่าจะเป็นชิ้นงานนี้ได้
 
จริง ๆ มันไม่ได้มีหลักฐานชัดเจน ไม่ได้ลอกจากที่ไหนแต่เพียงแค่ดูไม่ใช่ “เสียงของนักเรียน” คนนั้น
ผมเริ่มใช้โปรแกรมตรวจว่าใช้ AI หรือไม่ แต่โปรแกรมก็ไม่ได้ให้คำตอบ 100%
หลายครั้งก็อยู่ในคำว่า “อาจจะ” หรือ “มีความเป็นไปได้สูง” — ซึ่งก็ไม่ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นเลย
 
และนั่นคือความยากที่แท้จริง
 
เพราะตอนนี้ “การลอกแบบเดิม” มันเปลี่ยนรูปแบบไป
มันไม่ได้อยู่ในรูปของการคัดลอกคำ
แต่มันคือ “การให้ AI คิดแทน” แล้วเรียบเรียงออกมาใหม่ — อย่างไร้ร่องรอย
 
ปัญหานี้ไม่ได้แค่ทำให้อาจารย์หรือแม้กระทั้งผมลังเล
แต่มันกำลังทำให้เกิดคำถามใหญ่ขึ้นในใจหลายคนว่า…
 
ตัวเราจะวัดความรู้จากงานที่นักเรียนส่งมาได้แค่ไหน ในเมื่อมันอาจไม่ได้มาจากเขาจริง ๆ?
และ… AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้มากแค่ไหนแล้ว — โดยที่เราไม่รู้ตัว?
 

จากปัญหาที่เจอไปข้างต้นนะครับ ผมได้ลองปรึกษากับอาจารย์ในระดับมหาวิทยาลัยหลายท่านที่มีโอกาสสอนในคณะอักษรศาสตร์เหมือนกัน  พบว่าเจอปัญหาแบบเดียวกันคือนิสิตใช้ AI ในการเขียนงาน (ซึ่งเวลาที่ผมพูดว่า “ใช้ ai ในการเขียนงาน” ผมต้องการสื่อถึงการใช้ AI ทำงานทั้งหมดโดยไม่ผ่านกระบวนการคิดของตนเองเลย แต่หากใช้เพื่อตรวจเช็คคำผิดนั้นก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์แก่ตัวนิสิตเอง) ไม่ว่าจะเป็นงานบทความ essay หรือการทำ literature review ซึ่งค่อนข้างเป็นปัญหาในด้านจริยธรรมทางวิชาการ เวลาที่นิสิตต้องไปทำงานวิจัยจริงการใช้ AI ช่วยสรุปผลโดยไม่ผ่านการคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองทำให้งานวิจัยไม่น่าเชื่อถือและขาดตกบกพร่อง, การแก้ปัญหาของอาจารย์หลาย ๆ ท่าน ก็คือใช้เครื่องมือตรวจจับ AI  generated ในการตรวจงานของนิสิตอีกทีเพื่อดูการใช้ภาษาที่ผิดธรรมชาติในการช่วยกรองงานของนิสิตเบื้องต้นควบคู่กับการอ่านจับใจความงานของนิสิตอีกทีหนึ่ง แต่ต้องยอมรับว่าเด็ก ๆ เดี๋ยวนี้เขาใช้เทคโนโลยีกันก้าวหน้าไปกว่าเรามาก เคยเจอในกรณีที่ให้ AI generate งานเขียนทั้งหมดออกมา และบอกให้มันปรับภาษาให้ดูทางการน้อยลง ถ้าเป็นงานภาษาอังกฤษก็แอบใส่ grammar ที่ผิดมา 1 จุด หรือสั่งให้เขียนแบบ non native ให้อาจารย์จับไม่ได้ว่าใช้ AI จุดนี้เองที่ผมมองว่าเป็นช่องโหว่ในการตรวจสอบนิสิต
 
แต่ช่องโหว่ที่ยังคงเหลือ และ ai ยังไม่สามารถปิดได้  ก็คือตัว ai เองนั่นแหละครับ อยากให้ทุกคนลองมองในความจริงที่ว่า ai เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ยังต้องอาศัยข้อมูลตัวอย่างจากมนุษย์อีกเป็นหมื่นเป็นแสนเพื่อจะเรียนรู้และสร้างงานขึ้นมาให้แยบยลอย่างมนุษย์ เพราะเหตุนี้เองงาน ai generated อาจยังคงหลงเหลือจุดเล็ก ๆ ให้ตรวจสอบได้บ้าง

ส่วนตัวผมเองมีวิธีที่ใช้อยู่และค่อนข้างได้ผล เลยอยากแชร์ให้อาจารย์ท่านอื่น ๆ ได้ลองใช้ดู นั่นคือการให้ได้นิสิตให้สังเคราะห์งานเขียนของตนเอง และวิพากษ์วิจารณ์งานเขียนของตนเองอย่างตรงไปตรงมาในประเด็นที่มีปัญหาขัดแย้ง หรือมีความไม่สมเหตุสมผลในการเชื่อมโยงข้อมูล แสดงความคิดเห็นในส่วนที่บกพร่องไป สิ่งเหล่านี้ ai อาจจะทำได้ แต่ในระยะเวลาที่จำกัด สภาพแวดล้อมที่จำกัด อย่างการที่ให้นิสิตมาตอบตัวต่อตัว หรือเขียนตอบในห้องสอบ นิสิตที่เขียนงานเองจะมีความเข้าใจในงาน และสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างครอบคลุมมากกว่า ส่วนต่อไปก็เป็นดุลยพินิจของอาจารย์เองที่นอกเหนือมาจากการใช้ ai ตรวจงานจาก ai อีกทีนะครับ

เราทุกคนล้วนใช้ ai เป็นเครื่องมือไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งกันทั้งสิ้น และเรายังมีศักยภาพเหนือชั้นกว่า ai ในสักทางเช่นกัน อย่าให้เรากลายเปนเครื่องมือ ai ในสักวันเถอะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่