เมื่อวานระหว่างวันมีตั้งรอขายอยู่ 250 ล้านหุ้น ไม่มีเซียนมารับไม่มีกองทุนมาอุ้ม เพราะทุกคนมองว่าสถานะการณ์เช่นนี้มีลงได้อีก แต่คิดว่าคงไม่ลงแบบ EA กระมัง ความซวยคือ ผถห. รายย่อย ที่ไม่ได้ใช้มาร์จิ้นซื้อติดดอยอื้อ และซวยหนักกว่าคือ ผถห ที่ใช้มาร์จิ้นซื้อ หรือเอาหุ้นไปค้ำมาร์จิ้น เพราะจะไปซื้อตัวอื่นเพิ่มเติม ตามแนวคิดการเก็งกำไร เพราะต้องบอกว่าคนใช้มาร์จิ้น คือคนที่เป็นนักเก็งกำไรทั้งนั้นพวกนี้ต้องเติมเงิน หรือไปขายขาดทุนหุ้นตัวอื่น เพื่อเอาเงินมารักษาระดับมาร์จิ้น หุ้นหลายตัวเลยมีอาการตกพรวดแบบงงๆ ดังนั้นน่าจะมีรายย่อยที่เอาหุ้นไปตึ๊ง และโดนหางเลขต้องมาโดนบังคับขายด้วยหลาย 10 ล้านหุ้นเลยละ
กรณี vi ท่านนี้ขอบอกได้เลย จบแล้วครับนาย เพราะหน้าตักคงหมด ถึงถูกฟอร์ซ และแกเล่นปั๊มพอร์ตแบบก้าวกระโดด ในโลกการลงทุนดาบมันมี 2 คม บังเอิญลืมตัวนึกว่าสันดาบไม่คมเผลอเอาดาบขึ้นพาดคอ มันเลยแผลเหวอะหวะ เผลอๆ ล้มเป็นหนี้หลายพันล้าน และแน่นอนว่าลากบริษัทโบรคที่ปล่อยมาร์จิ้นเดี้ยงด้วย ในมุมนี้ผมมองว่า vi ท่านนี้จะติดหนี้โยรคสัก 2 ~3 พันล้าน ล้มทั้งยืน คิดถึง ZCom โบรคญี่ปุ่นที่ปล่อยมาร์จิ้นที่ปิดตัวไป ตอนนี้ก็ไม่รู้ไล่ทวงหนี้กันกี่ร้อยคดี
สรุปให้เห็นภาพง่ายๆ จากคนเคยเล่นด้วยมาร์จิ้น และต้องขายทิ้ง มีเงิน 100 กู้มา 100 บาท ซื้อ ktc ที่ 50 บาทได้ 4 หุ้น = 200 บาท วันดีคืนดีหุ้นลงจาก 50 บาทมา 37.5 บาท เรียกว่าแตะระดับมาร์จิ้นที่ต้องเติมเงินที่ 25%(สมัยผมเล่นแตะ -35%ไม่รู้ว่ายัง level นี้มั้ย แต่เพื่อคิดง่ายๆ ใช้ 25% ละกัน) เท่ากับว่า หุ้นมีมูลค่าเหลือในพอร์ต 4x37.5 = 150 นั่นหมายความว่าถ้าบังคับขายหุ้นตอนนี้ นลท. จะยังคงเหลือเงิน 50 บาท (เพราะอีก 100 บาทคืนโบรคไป)
ความซวยมาเยือนตรงที่ หุ้นถูกฟอร์ซขายไม่ได้ มันก็รูดลงไปเรื่อยๆ สมมติว่าจบวันนี้ที่ฟลอร์มีคนสนใจมาซื้อที่ 17 บาท เท่ากับว่าหุ้น 4 ตัว จะขายได้ในราคา 4x17 = 68 บาทนั่นหมายถึง ย้ายกลับมาเป็นหนี้โยรค 100-68 = 32 บาท ถ้าโดนไป 300 ล้านหุ้นมันก็คือหนี้ร่วม 1,000 ล้านบาท และมันก็คือโบรคต้องตั้งสำรอง 1,000ล้านบาททันทีถ้า vi ท่านนี้ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอ
ปกติ หุ้นแบบ ktc น่าจะมีทางออกอื่นได้ เพราะมันมีชื่อเสียง แต่มาในยุคที่ นลท รายใหญ่เดี้ยง เพราะดอยกันทั้งนั้น กองไม่อุ้มเพราะจังหวะนรกมาใครก็อยากได้ของดีราคาถูก (ถ้าไส้ไม่เน่าแบบ EA) เลยไม่มีคนมาช่วยอุ้มเพราะถ้าราคาตลาดก่อนหน้านี้ 30 กว่าบาท ขายกอง discount 15% ไปสัก 100 ล้านหุ้น อาจจะมีกองตาถั่วซื้อ ก็ลดระดับมาร์จิ้นลงไปและประคองพอร์ตได้ แต่ก็นั่นแหละวงการมายา ไม่ต่างกับวงการกองทุนและ vi พวกนี้รู้และเข้าใจว่าควรทำอะไรอย่างไรในเมื่อ
ลายเป็นหมูย่าง พวกพร้อมจะตะปบ กระซวก แบบอิ่มหนำ
หวังว่าจะไม่เป็น EA 2 นะครับ ที่นักลงทุนรับไปเลือดสาดแถวระดับราคา 10~20 บาท เพราะตอนนั้นมองว่าถูกมาก และมีคนบอกว่าไม่ได้โดนบังคับขาย แต่ถึงเวลาก็มาสารภาพว่าโดนจริง และ report ผลประกอบการมาผิดหวังยิ่งนัก ถ้าจะเป็นแบบนั้นนั่นคือ npl สูงจนพัง ซึ่งผมไม่คิดว่าจะขนาดนั้น ดังนั้นราคาไหนนะที่น่ารับสำหรับคนเงินเย็น ลองดูกันครับ ส่วนผมมีราคารับในใจแล้ว ถ้าถึงรงไม่รอ 950 จุดแล้ว อิอิ
ปล. ตาดีได้ ตาร้ายเสีย
====>KTC จะจบที่ราคาไหนเนี่ย และใครจะเป็นรายต่อไป
กรณี vi ท่านนี้ขอบอกได้เลย จบแล้วครับนาย เพราะหน้าตักคงหมด ถึงถูกฟอร์ซ และแกเล่นปั๊มพอร์ตแบบก้าวกระโดด ในโลกการลงทุนดาบมันมี 2 คม บังเอิญลืมตัวนึกว่าสันดาบไม่คมเผลอเอาดาบขึ้นพาดคอ มันเลยแผลเหวอะหวะ เผลอๆ ล้มเป็นหนี้หลายพันล้าน และแน่นอนว่าลากบริษัทโบรคที่ปล่อยมาร์จิ้นเดี้ยงด้วย ในมุมนี้ผมมองว่า vi ท่านนี้จะติดหนี้โยรคสัก 2 ~3 พันล้าน ล้มทั้งยืน คิดถึง ZCom โบรคญี่ปุ่นที่ปล่อยมาร์จิ้นที่ปิดตัวไป ตอนนี้ก็ไม่รู้ไล่ทวงหนี้กันกี่ร้อยคดี
สรุปให้เห็นภาพง่ายๆ จากคนเคยเล่นด้วยมาร์จิ้น และต้องขายทิ้ง มีเงิน 100 กู้มา 100 บาท ซื้อ ktc ที่ 50 บาทได้ 4 หุ้น = 200 บาท วันดีคืนดีหุ้นลงจาก 50 บาทมา 37.5 บาท เรียกว่าแตะระดับมาร์จิ้นที่ต้องเติมเงินที่ 25%(สมัยผมเล่นแตะ -35%ไม่รู้ว่ายัง level นี้มั้ย แต่เพื่อคิดง่ายๆ ใช้ 25% ละกัน) เท่ากับว่า หุ้นมีมูลค่าเหลือในพอร์ต 4x37.5 = 150 นั่นหมายความว่าถ้าบังคับขายหุ้นตอนนี้ นลท. จะยังคงเหลือเงิน 50 บาท (เพราะอีก 100 บาทคืนโบรคไป)
ความซวยมาเยือนตรงที่ หุ้นถูกฟอร์ซขายไม่ได้ มันก็รูดลงไปเรื่อยๆ สมมติว่าจบวันนี้ที่ฟลอร์มีคนสนใจมาซื้อที่ 17 บาท เท่ากับว่าหุ้น 4 ตัว จะขายได้ในราคา 4x17 = 68 บาทนั่นหมายถึง ย้ายกลับมาเป็นหนี้โยรค 100-68 = 32 บาท ถ้าโดนไป 300 ล้านหุ้นมันก็คือหนี้ร่วม 1,000 ล้านบาท และมันก็คือโบรคต้องตั้งสำรอง 1,000ล้านบาททันทีถ้า vi ท่านนี้ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอ
ปกติ หุ้นแบบ ktc น่าจะมีทางออกอื่นได้ เพราะมันมีชื่อเสียง แต่มาในยุคที่ นลท รายใหญ่เดี้ยง เพราะดอยกันทั้งนั้น กองไม่อุ้มเพราะจังหวะนรกมาใครก็อยากได้ของดีราคาถูก (ถ้าไส้ไม่เน่าแบบ EA) เลยไม่มีคนมาช่วยอุ้มเพราะถ้าราคาตลาดก่อนหน้านี้ 30 กว่าบาท ขายกอง discount 15% ไปสัก 100 ล้านหุ้น อาจจะมีกองตาถั่วซื้อ ก็ลดระดับมาร์จิ้นลงไปและประคองพอร์ตได้ แต่ก็นั่นแหละวงการมายา ไม่ต่างกับวงการกองทุนและ vi พวกนี้รู้และเข้าใจว่าควรทำอะไรอย่างไรในเมื่อ
หวังว่าจะไม่เป็น EA 2 นะครับ ที่นักลงทุนรับไปเลือดสาดแถวระดับราคา 10~20 บาท เพราะตอนนั้นมองว่าถูกมาก และมีคนบอกว่าไม่ได้โดนบังคับขาย แต่ถึงเวลาก็มาสารภาพว่าโดนจริง และ report ผลประกอบการมาผิดหวังยิ่งนัก ถ้าจะเป็นแบบนั้นนั่นคือ npl สูงจนพัง ซึ่งผมไม่คิดว่าจะขนาดนั้น ดังนั้นราคาไหนนะที่น่ารับสำหรับคนเงินเย็น ลองดูกันครับ ส่วนผมมีราคารับในใจแล้ว ถ้าถึงรงไม่รอ 950 จุดแล้ว อิอิ
ปล. ตาดีได้ ตาร้ายเสีย