เลิกกันเพราะงานแต่งงานและครอบครัวแฟน

สวัสดีค่ะ
นี่เป็นกระทู้แรก ไม่มั่นใจว่าแท็กห้องถูกต้องมั้ย
ตอนนี้รู้สึกมืดมนไปหมด ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเองเลยอยากจะถามและขอความคิดเห็นของทุกๆคน

เกริ่นก่อนค่ะ ส่วนตัวคบกับแฟนมาเข้าปีที่ 7 ตั้งแต่ปี 1 จนตอนนี้ทำงานมาได้ 3 ปีแล้ว จขกท. อายุ 26 แฟนอายุ 30 ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่คบกันมีความสุขดีมากค่ะ แฟนเข้ากับครอบครัวเราได้ทุกคนไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนตัวจขกท.เองก็เข้ากับครอบครัวแฟนได้ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างกระอักกระอ่วนอยู่บ้างครั้งเนื่องจาก
รู้สึกว่าเหมือนเขาค่อนข้างมีกำแพง เราชวนคุยถามคำตอบคำ แต่ทั้งสองครอบครัวเคยเจอกันแล้วค่ะ เข้ากันได้ดี

จนมาถึงปีที่ 7 ก็คือปีนี้ที่ตกลงกันว่าจะแต่งงานกัน จขกท.และแฟนตกลงกันว่าเราจะจัดงานเล็กๆ ที่มีแต่คนสนิทเท่านั้นเพราะที่ผ่านมาเคยไปร่วมงานแต่งคนรู้จักหรือเพื่อนๆ ค่อนข้างอัดอัดที่ต้องยืนไหว้ ยืนสวัสดี หรือยืนต้อนรับแขกที่ต้องมานั่งคอยถามกันเองว่า นี่ใคร คนนี้คือฝั่งไหน เราอยากจะให้ทุกคนที่อยู่ในงานเป็นแขกที่รู้จักเรา และเรารู้จักค่ะ เราตกลงกันตั้งแต่เดือนมกราคมเรื่องฤกษ์ จขกท.รู้ดีค่ะว่าผู้ใหญ่ฝั่งแฟนค่อนข้างเชื่อในเรื่องการดูฤกษ์ต่างๆ เราคอยถามเขาตลอดว่า ครอบครัวของเธอจะดูฤกษ์มั้ย ฝั่งผู้ชายยืนยันว่าไม่ค่ะ ไม่จำเป็นเลยเราเอาฤกษ์ที่เราสะดวก หลังจากนั้นจขกท.เลยตกลงกับทางสถานที่และมัดจำเงินไป ซึ่งเราทั้งสองคนค่อยๆดำเนินการทีละขั้นตอนตั้งแต่จองสถานที่ จองช่างแต่งหน้า จองช่างภาพ คอนเฟิร์มวันเรียบร้อย จนกระทั่งเกิดปัญหาที่ 1 : ทางญาตแฟนโทรมาเพื่อบอกว่าไม่อยากให้จัดงานเดือนตุลาคม เพราะคิดว่าไม่ดีไม่ค่อยมีคนแต่ง อยากให้ไปแต่งเดือนพฤศจิกามากกว่า เราก็โกรธค่ะเพราะทุกๆการเปลี่ยนแปลงมีค่าใช้จ่ายในการเลื่อน และที่สำคัญพ่อของจขกท. อยู่ต่างประเทศค่ะ เดินทางมาร่วมงานได้เฉพาะเดือนตุลาเท่านั้น จึงมีปากเสียงกันว่าถ้าจะเลื่อนไปแต่งงานเดือนพฤศจิกาก็ไม่ต้องแต่งหรอก เพราะเราก็คุยกันตกลงกันไปแล้ว แฟนก็เลยไปเคลียกับที่บ้านค่ะและจบลงด้วยดีคือยึดวันตามเดิมตามฤกษ์สะดวกของเรา

ฟังเหมือนปัญหาจะจบ แต่หลังจากนั้นมาเราก็มีทะเลาะกันเรื่องจุกจิกมาตลอดเรื่องแต่งงาน แต่ก็ไม่ใข่ปัญหาที่จะทำให้เราไขว้เขวจนกระทั่งวันนี้
ทางฝั่งผช ไม่ได้ให้ความสำคัญกับดีเทลเล็กๆน้อยๆเลยค่ะ เราเข้าใจเราจัดการทุกอย่างไม่มีปัญหาและเต็มใจเพราะเขาให้สิทธิเรา เราเริ่มสร้าง google sheet สำหรับดีเทล ราคา และรายละเอียดทุกอย่างที่เราเลือกและจอง เพื่อให้ทางแฟนดูซึ่งก็ดูโอเคค่ะ จนเรื่องโต๊ะจีน

เราจองสถานที่แห่งหนึ่งค่ะ เป็น wedding  venue รวมทุกอย่างครบหมดแล้วรวมถึงโต๊ะจีนด้วยเราตกลงกันว่าแค่ 16 โต๊ะ รวม 160 คน (โต๊ะละ 10 คน)
ซึ่งเราจัดแจงใส่ชื่อแขกของเราแล้วค่ะ เหลืแค่ของแฟน เราก็รอแล้วรออีกแฟนไม่ใส่ซักที เราพยายามตามเขาให้เขาระบุแขกเนื่องจากเราต้องการทำ wedding seating chart เพื่อไม่ให้วุ่นวายในการหาโต๊ะในงาน จนเมื่อวานนี้เราบอกแฟนว่าเธอต้องกรอกได้แล้วนะเขาถึงได้โทรถามพ่อเขาว่าแขกของพ่อมีเท่าไร
พ่อเขาให้คำตอบมาค่ะว่าขอ 5 โต๊ะ เราตกใจมากเพราะการเพิ่มโต๊ะคือโต๊ะละ 5000 บาท/โต๊ะ ถ้าพ่อเอาทั้งหมด 5 โต๊ะหมายความว่าเราต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 25000 บาทซึ่งมันมากไปค่ะ ทางแฟนดูเหมือนจะตกใจ และได้คุยเจรจากับพ่อเขาใหม่ก็ยังยืนยันว่าจะเพิ่มโต๊ะจำนวน 3 โต๊ะสำหรับโต๊ะเพื่อนพ่อ เราก็ค่อนข้างหงุดหงิดจึงได้แยกย้ายกันไม่พูดอะไร แฟนเราก็เอาแต่ถามๆๆว่าเหลือโต๊ะเท่าไร เราไม่โอเคค่ะไม่โอเคมากๆ ต้องบอกก่อนพ่อเราก็มีเพื่อนนะคะ แต่เขาเข้าใจว่านี่งานลูกเชิญเพื่อนได้แต่ต้องเปนคนที่ลูกรู้จักและเคยเจอ แต่ของพ่อแฟนเราคือไม่ใช่แบบนั้นเลย ตัวแฟนเราก็ดูตามใจพ่อมาก ใช่ค่ะเราทะเลาะกันเพราะเราถึงจุดขีดสุดแล้วเราพยายามทำทุกอย่าง พยายามตัดแขกที่เกินออก พยายามควบคุมงบไม่ให้บานปลาย แต่ทำไมฝั่งเขาถึงได้เอาเปรียบเราขนาดนี้ เรารู้สึกมันไม่แฟร์เลยค่ะ เราทำงานประจำกันทั้งคู่เราต้องแบ่งเวลามานั่งจัดสรรงานแต่งงานของ "เรา" ที่มีจขกท.ทำแค่คนเดียว

รู้สึกท้อค่ะ ไม่อยากแต่งงานอีกแล้วเราจึงพูดไปตัดสินใจว่าเราจะไม่แต่งและเราต้องการเลิก เราไม่สามารถอยู่กับครอบครัวเขาได้จริงๆ เราไม่โอเคมากๆกับการที่รูปภาพบางรูปที่เราไม่โอเคไปอยู่ในเฟสบุ๊คของพ่อเขา บางรูปหน้าดีบางรูปเผลอๆหน้าเกลียด (พ่อค่อนข้างโซเชียลจ๋าค่ะ) เราลงสตอรี่ชุดพรีเวดดิ้งในเฟสบุ๊ค (ล็อกโปรไฟล์) ก็ตามมาแคปรูปจากสตอรี่ไปพรรณนาต่างๆในเฟสบุ๊คตัวเองว่าภูมิใจแบบนั้นแบบนี้ เราพยายามจะเข้าใจนะคะและปล่อยผ่านมาแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วค่ะ เขาลุกล้ำความเปนส่วนตัวของเรา และการที่ไปประกาศว่าลูกจะแต่งงานเชิญคนนั้นคนนี้ก่อนจะมาคุยกับลูกเขาและเรามันแย่มากเลยค่ะ  เรารู้สึกอัดอัดและท้อมากๆค่ะ ปัญหานี้ควรจะต้องไปจบที่ตรงไหนคะถามว่ารักกันมั้ยรักกันค่ะ แยกกันมาอยู่สองคนแล้วซื้อบ้านด้วยกัน แต่แค่คิดถึงอนาคตว่าวันนึงเขาจะเอาครอบครัวเขามาดูแล เราจะทำยังไงคิดแบบนี้บางทีก็รู้สึกเห็นแก่ตัวค่ะ แต่เราไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ อมยิ้ม42
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
คุณเองถ้าอยากแต่งงานกับเขาอยู่และยังรักและนยังอยากใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้อยู่ คุณก็ควรมองข้ามปัญหาเล็กๆน้อยๆที่เข้ามาบ้างก็ได้ค่ะ เราคิดว่าตอนนี้คุณเองกำลังเหนื่อยและนอยด์อยู่ ลองทำใจเย็นๆก่อนนะคะอย่าพึ่งเอาอารมณ์ไปตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแฟนเลย อันที่จริงเราคิดว่างานแต่งงานคุณควรจะต้องมีงบเผื่อไว้ในเรื่องที่อาจจะต้องจ่ายเพิ่มเข้าไปด้วยนะคะ ทางฝั่งนั้นเขาขอแค่ 3 โต๊ะก็จัดให้เขาไปเถอะค่ะ ตัดปัญหาไป เราคิดว่าตอนนี้คุณกำลังอคติกับพ่อแม่ของแฟนคุณอยู่นะคะ เหมือนว่าทำอะไรก็ดูขวางหูขวางตาดูขัดใจคุณไปหมดและก็พลานโมโหแฟนไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่