ทริปลาวคนเดียว ประสบการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดกับฉัน

อยากจะมาแชร์ประสบการณ์หนึ่งในชีวิต ที่มีทั้งความสุข ความสนุก ความทุกข์ ความรัก และความเศร้า

เริ่มนะ...
เราตั้งใจไปผาหนามไซที่ประเทศลาว เพราะเราอยากไปตั้งนานแล้ว จริงๆจะไปตั้งแต่เมษา แต่แม่อยากให้ไปดูน้องสาวแข่งที่ไต้หวันก่อน แพลนเลยต้องเลื่อนออก
พอดีเราพึ่งไม่ผ่านโปรในบริษัทที่ตั้งใจไง มันทั้งเศร้าและมีวันว่างก่อนเริ่มที่ใหม่ เราจึงตัดสินใจไปลาวที่เคยตั้งใจ

มันเริ่มจากที่เราไปจองรถไฟแล้วไม่มีชั้นนอน มีแต่นั่งชั้นสามพัดลมร้อนๆ เราจึงเลือกไปขบวนอีกขบวนที่ออกเร็วกว่าและต้องไปต่อรถอีกที สรุปว่าเราก็ซื้อตั๋วและมาตามเวลา แต่เราพลาดเองดันไม่ได้ขึ้นรถตามเวลา เราตกรถไฟขบวนนี้แล้วเสียตังฟรีๆ 1000 บาท เราเลยต้องนั่งชั้นพัดลมร้อนๆ 12 ชั่วโมง เพราะตั้งใจจะมาแล้วจึงเดินหน้าต่อ

พอมาถึงเราเหนื่อยล้ามาก เหม็นตัวเองด้วย จากแพลนเดิมคือจะต่อรถไฟไปวังเวียง เราไม่อยากเสียตังเยอะเพราะรู้สึก 300 กว่าบาทแพงมาก ไปกลับ 600 กว่าบาท ที่ราคาแพงเพราะเป็นขบวน VIP ขบวนธรรมดา หมดแล้ว เราเลยนั่งรถตู้เข้าเมืองเวียงจันทร์ และยังไม่รู้ว่าต้องเดินไปไหน แต่ก็คิดว่าจะเดินไปหาเช่ามอไซขับไปวังเวียงซึ่งไกลเลยเหนื่อยมากสำหรับการแบกเป้ไปด้วย

ระหว่างเดินเราเหนียวตัวอยากอาบน้ำมาก ถามชาวบ้านไปตลอดทางว่ามีที่ไหนบริการอาบน้ำบ้าง จนไปเจอร้านค้าร้านนึงเค้าให้เราอาบน้ำ โชคดีมากๆ หลังจากได้อาบน้ำเราก็ไปต่อที่ร้านเช่ารถ สรุปว่าเค้าไม่ให้เช่าและไม่แนะนำขับไปเพราะถนนไม่ดี และให้ฉเรารีบไปขึ้นรถตู้รอบเที่ยงตรง เราจึงไปตามคำแนะนำและมาถึงวังเวียงประมาณบ่ายโมงครึ่ง เราลงรถและเดินหาที่พักซึ่งเราว่าเราเจอที่พักที่ดูมาแล้ว แต่ดูไม่ค่อยตรงปกเลย เราจึงลองเดินไปก่อนเผื่อเจอที่น่าสนใจ เดินไปซักพักเริ่มเหนื่อยและพบว่าเราเดินวนกลับมาที่เดิมที่ลงรถ

ท่ามกลางเมืองที่เงียบๆแบบนี้ เราเห็นผู้ชายคนนึงเดินๆ มองๆ เหมือนหาอะไร โดดเด่นมาก เราคิดว่าอาจจะเป็นคนไทยเหมือนกัน จึงเอ่ยทักก่อนว่า "กำลังหาที่พักเหมือนกันรึป่าวคะ" แต่เค้าดันพูดภาษาอังกฤษกลับมา เรางงและพยายามจบบทสนทนาเพราะไม่เก่งภาษา แต่เค้าก็ตามมาและพยายามจะคุย จนได้ความว่าเค้าเป็นคนพม่า มาต่อวีซ่าผ่านประเทศนี้ และพักที่นี่(ชี้ไปตรงข้าม) สนใจพักที่เดียวกับเค้ามั้ย
และเค้าก็พาไปเช็คอิน จากนั้นก็เดินไปคาเฟ่ที่เค้าดูมาไว้ไปนั่งกินข้าวด้วยกัน
จังหวะนี้มีการพูดคุยพอสมควรจึงได้รู้ว่าเค้าชื่อ "เว่ย" เรียนจบหมอมาจากที่พม่าบ้านเค้า แต่ตอนนี้พักและทำงานอยู่จังหวังเชียงใหม่ในไทย เพราะเค้าไม่ต้องการเป็นทหารที่บ้านเค้าและมาที่ไทยเพื่อทำงานเรียนและหาหนทางบรรจุเป็นหมอในไทย จะได้พาคริบครัวย้ายประเทศ

เค้าบอกว่ากำลังจะไปบ่อน้ำบลูลากูน สนใจไปกับเค้ามั้ย เพราะผาหนามไซที่เราจะไปเค้าพึ่งไปมา เราคิดแค่ว่าจากที่จะขึ้นผาวันนี้เลยก็เป็นพรุ่งนี้ก็ได้ ดีเหมือนกันได้เที่ยวฟรีเพราะเค้าเช่ารถมาแล้วแถมเราไม่ต้องขับเอง จึงตามเค้าไป

ระหว่างทางที่ไปบ่อน้ำ มันลึกมากๆ และทางก็แย่ เราสองคนมีจังหวะลื่นล้มกันเล็กน้อยขณะขับรถ และก็มีเข็นรถ ลากรถ เพราะดินโคลนลื่นมากๆ ช่วยกันเอาใบไม้เช็ดดินโคลนที่ติดล้อ

พอมาถึงบ่อน้ำ น้ำสะอาดและสดชื่นมากๆเราโดดน้ำเล่นกัน พูดคุยกันกลางน้ำแต่ก็มีจังหวะที่เราเป็นตระคิวที่ขาเค้ารีบจับขาเราและบีบๆให้ เอาจริงๆโมเม้นนั้นมันก็เขิลๆอะ และพอขึ้นจากบ่อน้ำเราไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนเค้าเอาผ้าขนหนูของเค้าอ้อมตัวเราแล้วคลุมให้เรา พูดตรงๆนอกจากแฟนเก่าเมื่อนานมากเกือบสิบปีไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับเรา

จากนั้นเราก็กลับที่พักอาบน้ำแยกย้ายกันไปจัดการตัวเอง จนหัวค่ำเราเสร็จก่อนจึงลงมานั่งรอเค้าที่ริมสระน้ำของที่พัก เค้ากำลังอาบน้ำและพออาบเสร็จเดินกลับห้องก็จะเห็นเรานั่งรอด้วยชุดสีเขียวเค้าเข้าไปแต่งตัวและออกมาพร้อมเสื้อสีเขียวเหมือนเรา ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไรที่เรามาเที่ยวแล้วมีเสื้อสีเขียวเหมือนกัน

เค้าพาเราไปร้านอาหารเวียดนามที่เค้าดูมา ร้านค่อนข้างโรแมนติกเลยเค้าเริ่มเอ่ยบอกเราว่า "วันนี้เค้าโชคดีและมีความสุขมากๆ ที่ได้มาเจอเรา"
เรานั่งกินข้าวและพูดคุยกันซักพักเราก็ไปดื่มกันอีกร้าน เราดื่มกันแค่คนละขวดซึ่งเค้าเอ่ยขอเลี้ยงเรา จากนั้นเค้าชวนเราไปเดินเล่นริมแม่น้ำโขง ระหว่างเดินไปเค้าจับมือเราดูแลฉันระหว่างข้ามถนน หรือข้ามสะพาน เค้าดูแลดีและบรรยากาศก็ดีจนมันเรียกได้ว่าโรแมนติก

เรากลับมาที่พักเราให้เค้าเข้ามาที่ห้องพักเราเพื่อเอาผ้าขนหนูคืน เรานั่งคุยและล่ำลากันไม่นานเรากอดลากันสุดท้ายก่อนจะแยกกันกลับห้องพัก

มันดีจนเราไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตเราได้

หลังจากกลับมาได้สามวันเค้าเริ่มเรียกเราในลักษณะพี่น้องเราจึงตัดสินใจถามไปตามตรง และเค้าก็บอกตามตรงว่า เค้ารู้สึกดีกับเราจริงๆ แต่พอเค้าใช้เวลาทบทวนตัวเองแล้วเค้าก็พบว่าเรารักเราแบบเพื่อนหรือพี่น้อง
และอยากให้เราอยู่ในชีวิตเค้าอย่าหายไปไหนนะ

เราไม่แน่ใจแต่ก็คิดว่าคงจบแล้ว ในแบบที่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตลอดไป... มั้ง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่