สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
คืออย่างนี้ครับท่านเจ้าของกระทู้
Stealth aircraft ที่ภาษาไทยแปลว่า "เครื่องบินล่องหน" ก็แปลมาจากความหมายดั้งเดิม (โดยอ้อม) ของมัน ก็คือเครื่องบินลำดังกล่าวตรวจจับด้วยเรดาร์ได้ยากมาก เมื่อพนักงานเรดาร์มองที่หน้าจอจะเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ หรือแยกไม่ออกระหว่างจุดเป้าหมายกับสัญญาณรบกวนพื้นฐานของเรดาร์ครับ
หน้าจอเรดาร์ของจริงกับในภาพยนตร์ต่างกันเยอะเลยครับ ทั้งเรดาร์ของเรือรบ (Surface RADAR) และเรดาร์ของสถานีเฝ้าระวังอากาศยาน (air surveillance RADAR) เมื่อมันกวาดหน้าจอ 1 ครั้งมันก็จะขึ้นเป็นจุดคล้ายสัญญาณรบกวนอยู่บ้าง จะมากจะน้อยขึ้นกับว่าความไวของเรดาร์ที่จะปรับในขณะนั้น
สมมุติมีสถานการณ์รบอยู่ พนักงานเรดาร์ก็จะต้องปรับให้เรดาร์ตรวจจับได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหน้าจอของมันก็จะมีจุด noise เพิ่มขึ้น ซึ่งจุด noise อาจกลืนหรือสับสนกับเป้าหมายจริง (ภาษาเรดาร์เรียกว่า "echo") ซึ่งพนักงานจะต้องมีความชำนาญที่จะแยกแยะได้ ..... ซึ่งจุด noise นี้แหละที่เครื่องบินล่องหนได้เปรียบมากเนื่องจากพนักงานเรดาร์จะไม่รู้ว่าไอ้พวกจุดที่น่าสงสัยมันคือสัญญาณรบกวนหรือ echo เครื่องบินจริง
ในทฤษฎีของเรดาร์มันจะมีคำศัพท์ที่เรียกว่า radar cross section (RCS) สิ่งนี้จะหมายความว่าวัตถุใดๆที่มีค่าหน้าตัด RCS สูง (เทียบหน่วยเป็นตารางเมตร) เมื่อบินเข้ามาในระยะตรวจจับของเรดาร์ ภาพที่หน้าจอของเรดาร์จะชัดเจนมาก ก็คือขึ้นเป็นจุด echo อย่างชัดเจนว่าเป็นวัตถุที่กำลังบินอยู่จริง ๆ และระบบของเรดาร์เองก็จะเริ่ม tracking จุด echo วัตถุนั้นทันที แต่พวกเครื่องบินล่องหนนี้มีค่า RCS ต่ำมากจนเรดาร์แยกไม่ออกจากสัญญาณรบกวน และมันจะไม่ tracking จุดเหล่านั้น .... นี่คือความหมายของคำว่า "ล่องหน" ครับ
ภาพ RCS ของเครื่องบินรบ
จะเห็นว่าเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 มีค่า RCS ต่ำมาก และอย่างเครื่อง F35 ซึ่งก็ถือเป็นเครื่องบินล่องหนก็มี RCS ต่ำมาก .... เทียบกับ F-16 ซึ่งไม่ใช่เครื่องบินล่องหน RCA จะสูงกว่าเยอะเลยครับ

พวกเครื่องบินล่องหนนี้จะมีประโยชน์มากก็คือสามารถบินเข้าไปใกล้ดินแดนข้าศึกโดยที่เรดาร์ของข้าศึกไม่สามารถตรวจจับได้ ทำให้อาศัยโอกาสนี้ยิงจรวดเข้าไปทำลายเป้าหมายได้ครับ
Stealth aircraft ที่ภาษาไทยแปลว่า "เครื่องบินล่องหน" ก็แปลมาจากความหมายดั้งเดิม (โดยอ้อม) ของมัน ก็คือเครื่องบินลำดังกล่าวตรวจจับด้วยเรดาร์ได้ยากมาก เมื่อพนักงานเรดาร์มองที่หน้าจอจะเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ หรือแยกไม่ออกระหว่างจุดเป้าหมายกับสัญญาณรบกวนพื้นฐานของเรดาร์ครับ
หน้าจอเรดาร์ของจริงกับในภาพยนตร์ต่างกันเยอะเลยครับ ทั้งเรดาร์ของเรือรบ (Surface RADAR) และเรดาร์ของสถานีเฝ้าระวังอากาศยาน (air surveillance RADAR) เมื่อมันกวาดหน้าจอ 1 ครั้งมันก็จะขึ้นเป็นจุดคล้ายสัญญาณรบกวนอยู่บ้าง จะมากจะน้อยขึ้นกับว่าความไวของเรดาร์ที่จะปรับในขณะนั้น
สมมุติมีสถานการณ์รบอยู่ พนักงานเรดาร์ก็จะต้องปรับให้เรดาร์ตรวจจับได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหน้าจอของมันก็จะมีจุด noise เพิ่มขึ้น ซึ่งจุด noise อาจกลืนหรือสับสนกับเป้าหมายจริง (ภาษาเรดาร์เรียกว่า "echo") ซึ่งพนักงานจะต้องมีความชำนาญที่จะแยกแยะได้ ..... ซึ่งจุด noise นี้แหละที่เครื่องบินล่องหนได้เปรียบมากเนื่องจากพนักงานเรดาร์จะไม่รู้ว่าไอ้พวกจุดที่น่าสงสัยมันคือสัญญาณรบกวนหรือ echo เครื่องบินจริง
ในทฤษฎีของเรดาร์มันจะมีคำศัพท์ที่เรียกว่า radar cross section (RCS) สิ่งนี้จะหมายความว่าวัตถุใดๆที่มีค่าหน้าตัด RCS สูง (เทียบหน่วยเป็นตารางเมตร) เมื่อบินเข้ามาในระยะตรวจจับของเรดาร์ ภาพที่หน้าจอของเรดาร์จะชัดเจนมาก ก็คือขึ้นเป็นจุด echo อย่างชัดเจนว่าเป็นวัตถุที่กำลังบินอยู่จริง ๆ และระบบของเรดาร์เองก็จะเริ่ม tracking จุด echo วัตถุนั้นทันที แต่พวกเครื่องบินล่องหนนี้มีค่า RCS ต่ำมากจนเรดาร์แยกไม่ออกจากสัญญาณรบกวน และมันจะไม่ tracking จุดเหล่านั้น .... นี่คือความหมายของคำว่า "ล่องหน" ครับ
ภาพ RCS ของเครื่องบินรบ
จะเห็นว่าเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 มีค่า RCS ต่ำมาก และอย่างเครื่อง F35 ซึ่งก็ถือเป็นเครื่องบินล่องหนก็มี RCS ต่ำมาก .... เทียบกับ F-16 ซึ่งไม่ใช่เครื่องบินล่องหน RCA จะสูงกว่าเยอะเลยครับ

พวกเครื่องบินล่องหนนี้จะมีประโยชน์มากก็คือสามารถบินเข้าไปใกล้ดินแดนข้าศึกโดยที่เรดาร์ของข้าศึกไม่สามารถตรวจจับได้ ทำให้อาศัยโอกาสนี้ยิงจรวดเข้าไปทำลายเป้าหมายได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
เครื่องบิน B-2 ที่สามารถล่องหนได้ แต่ทำไมเรายังสามารถมองได้ด้วยตาเปล่าคะ?