มักดำเนินนโยบายแทรกแซงหรือใช้กำลังทหารในต่างประเทศ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitics) เช่น น้ำมัน, เส้นทางเดินเรือ, พันธมิตร, ฐานทัพ
เช่น กรณี อิรัก (2003) แม้ข้ออ้างคือ “อาวุธทำลายล้างสูง”
แต่เบื้องหลังคือควบคุมอิทธิพลในตะวันออกกลางและน้ำมัน
สหรัฐมองว่าตนเองเป็น "ผู้นำโลกเสรี" ต้องรักษาความเป็นผู้นำทั้งด้านการทหาร เศรษฐกิจ และอุดมการณ์ จึงต้องป้องกันไม่ให้ศัตรูหรือคู่แข่ง เช่น รัสเซีย จีน อิหร่าน ขยายอิทธิพล
และที่สำคัญคือ สหรัฐมี
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอาวุธ เช่น Lockheed Martin, Raytheon ยิ่งมีสงคราม ยิ่งขายอาวุธได้
มีคำพูดล้อเลียนว่า
“War is business”
*** รวยซิครับ รออะไร ??? ได้กับได้ แต่ที่เจ๊ง คือ อิหร่าน กับอิสลาเอล ยับครับ
นโยบายกระตุ้นเศรษบกิจ ของสหรัฐฯรอบ(ใหญ่) มาอีกแล้ว !!!!???
เช่น กรณี อิรัก (2003) แม้ข้ออ้างคือ “อาวุธทำลายล้างสูง” แต่เบื้องหลังคือควบคุมอิทธิพลในตะวันออกกลางและน้ำมัน
สหรัฐมองว่าตนเองเป็น "ผู้นำโลกเสรี" ต้องรักษาความเป็นผู้นำทั้งด้านการทหาร เศรษฐกิจ และอุดมการณ์ จึงต้องป้องกันไม่ให้ศัตรูหรือคู่แข่ง เช่น รัสเซีย จีน อิหร่าน ขยายอิทธิพล
และที่สำคัญคือ สหรัฐมี บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอาวุธ เช่น Lockheed Martin, Raytheon ยิ่งมีสงคราม ยิ่งขายอาวุธได้
มีคำพูดล้อเลียนว่า “War is business”
*** รวยซิครับ รออะไร ??? ได้กับได้ แต่ที่เจ๊ง คือ อิหร่าน กับอิสลาเอล ยับครับ