"เหล่าไช้โป้ว" (ไช้โป๊วเก่า) ฉายา "ราชาแห่งอาหารแต้จิ๋ว"

"ไช้โป๊วเก่า" หรือที่คนจีนเรียก "เหล่าไช้โป้ว" มีฉายาว่า "ราชาแห่งอาหารแต้จิ๋ว"  

คนจีนแต้จิ๋วเรา มีอาหารที่นับเป็น "รัตนะ"ของดี 潮菜三宝 ที่สุดภาคภูมิใจอยู่สามอย่าง คือ
- ไช้โป้ว 菜脯 หัวผักกาดหมักเกลือเค็ม
- เกี่ยมฉ่าย ผักกาดดองเค็ม 咸菜
- น้ำปลา 鱼露 หรืออีกชื่อเรียกว่า "ชอทึง" 腥汤  "ชอ" ที่แปลว่าของคาว

เหล่าไช้โป้ว คือ หัวผักกาดที่ผ่านกรรมวิธีการหมัก ยัดในโอ่งดิน 陶土瓮 ปิดผนึกซีล อย่างแน่นหนา  โอ่งดินใบโบราณนี้ก็จะถูกเก็บไว้ในสถานที่เย็นโล่ง ลมพัด แห้ง ไม่ชื้น 阴凉 干燥 通风 มากกว่า 5 ปี ตามที่เค้าเล่ามานะคะ

เหล่าไช้โป้ว ที่ดี ของแท้ๆ จักมีสีดำเงาวาว 油亮  เมื่อสัมผัสเนื้อ จะนุ่มละมุนมือ และเมื่อฉีกเนื้อออกมา จะเป็นสีดำเงาชุ่ม   ยามดม มีกลิ่นหอมเฉพาะ (เค้าว่ากันอย่างนั้น)  และถูกขนานว่าเป็น  "โสมคนจน" 穷人的人参

แล้วเค้านำมาทำเมนูอะไร ตามแม่นันมาทำเมนูนี้ค่ะ  "เหล่าไช้โป้วตุ่งไปกุก" (ไช้โป๊วเก่าตุ๋นกระดูกหมู)

ก่อนอื่นแม่นันขอขอบพระคุณ fc คุณพี่คุนัญญา หิรัญศุภโชค ที่กรุณาส่งไช้โป๊วเก่าหรือเหล่าไช้โป้วที่บรรพบุรุษท่านตั้งใจหมักใส่โหลแก้วไว้  อายุการหมักน่าจะไม่ต่ำกว่า 30 ปีมั้งคะ เพราะหมักจนดอกเกลือขึ้นเลยค่ะ
แม่นันแกะออกมา โอ้โห.ไช้โป๊วเก่าสามสี่หัวนี้ยังมีลักษณะดีอยู่เลย คือรูปร่างไม่ค่อยเปลี่ยน บรรพบุรุษคงตั้งใจจัดเรียงซ้อนกันอย่างดีในโหลก่อนปิดฝาหมัก ก่อนเปิดถุงนี่แม่นันตื่นเต้นมาก รีบเรียกคุณสามีมาเป็นพยานว่าครั้งหนึ่งเรากำลังจะได้ปรุงเมนูโสมเชียวนะ ซึ่งเหล่าไช้โป้วถือเป็นหนึ่งในยารัตนะของคนจีนแต้จิ๋วเลยนะคะ

เนื้อของเหล่าไช้โป้วที่แม่นันได้มาสีจะออกดำเงาสนิทเลยค่ะ มีกลิ่นหอมแบบเฉพาะตัว (เพิ่งรู้จริงๆเองค่ะว่า ที่ว่ากลิ่นเฉพาะตัวเป็นอย่างนี้นี่เอง กลิ่นยังติดมืออยู่เลย ทั้งๆที่ล้างมือแล้ว ไม่ได้รู้สึกอยากล้างออก  แต่กลับยกขึ้นมาดมอยู่บ่อยๆ  แม่นันค่อยๆบรรจงบิเนื้อออกเพราะกลัวเละ  เนื้อเค้าออกนิ่มๆเนียนๆมือ  รสชาติออกเค็มมากเหมือนทานบ๊วยเลยค่ะ ก็ผ่านการหมักมานานซะขนาดนั้น

แม่นันตั้งใจนำมาต้มกับกระดูกหมูแก้ว  ตั้งใจไว้ตั้งแต่เดินตลาดเมื่อเช้าแล้ว รีบแวะเขียงหมูก่อน
"คุณหนุ่ม..จัดสันในกับกระดูกหมูแก้วให้พี่ด้วยนะคะ" เดี๋ยวมาเอา กลับถึงบ้านเอ๊ะทำไมกระดูกยังเป็นแผ่นอยู่เลย นึกขึ้นได้ว่าลืมบอกให้สับ กระดูกหมูแก้วสับไม่ยากค่ะ เพราะกระดูกเค้าอ่อน ต้มเสร็จสามารถเคี้ยวทานทั้งกระดูกอ่อนๆได้เลย

ก่อนนำมาปรุงแม่นันนำเหล่าไช้โป๊วมาล้างดอกเกลือออกให้หมดก่อน จากนั้นลวกในน้ำเดือดจัดให้คายเค็มออกอีกที รอน้ำเดือดจัดแล้วปรับไฟอ่อนก่อนนำลงลวก ถ้าใช้ไฟแรงขณะลวก เนื้อเค้าจะแตก คุณค่าทางอาหารจะหายทันที หย่อนไช้โป๊วลงหม้อปุ๊บน้ำเปลี่ยนสีปั้บ  พอลวกเสร็จความเค็มจะไปอยู่ที่น้ำแทน ส่วนตัวเนื้อกลายเป็นอร่อยแบบนิ่มๆ เหมือนทานลูกพรุนนิ่มๆเนียนๆเลยค่ะ

แม่นันใช้วิธีตุ๋นกระดูกหมูให้นุ่ม ตามด้วยหัวไช้เท้าก่อน จากนั้นนำเหล่าไช้โป้วหย่อนลงตาม โดยไม่ต้องหั่นนะคะ หย่อนลงทั้งชิ้นเลย เพราะถ้าหั่นแล้วเดี๋ยวความร้อนตีเนื้อเค้าจะกระจายหมด  ปรับไฟเบาด้วยนะคะ จะสังเกตได้ว่าทั้งน้ำซุป ทั้งกระดูกหมู ทั้งหัวไช้เท้าถูกสีของเหล่าไช้โป้วแทรกเข้าเนื้อเลย  แต่น้ำซุปไม่เค็มนะคะ

จากนั้นปรุงอ่อนๆด้วยพริกไทย และเกลืออีกเพียงเล็กน้อย ทั้งหม้ออบอวลด้วยกลิ่นหอมปนกลิ่นเค็มอ่อนๆ กลิ่นเฉพาะตัวของเค้าเลย เสียดายแม่นันลืมหย่อนปลาหมึกแห้งลงไปด้วย

ปิดท้ายด้วยคึ่นช่าย ปิดเตาได้เลยค่ะ ชามนี้กลายเป็นมื้อเช้าเพิ่มพลังอย่างน่าอัศจรรย์หลังผ่านการเดินชมในงานมนุษย์ต่างดาวมาอย่างโชกโชน   อย่างนี้มังคะที่เค้าว่า "ไช้โป๊วเป็นยาเจริญอาหารอย่างดี" ยิ่งได้ "เหล่าไช้โป้ว" อายุกว่า 30 ปี แม่นันต้องอายุยืนเป็นหมื่นปีแน่ ฮ่าฮ่า ขอแค่แปดสิบแบบแข็งแรงพอค่ะ

ท่านใดที่ค้นพบ "เหล่าไช้โป๊ว" ที่บรรพบุรุษตัวเองแอบหมักซ่อนไว้ตามตู้ ตามชั้น ลองนำมาปรุงเป็นเมนูนี้ดูนะคะ อร่อยค่ะ พี่คุนัญญาส่งมาให้แม่นันหลายถุงเลย เดี๋ยวจะลองมาทำเมนูอื่นดูอีกค่ะ

คำเตือน! สำหรับท่านใดที่อ่านแล้ว มีความคิดอยากจะปีนเก้าอี้ ปีนชั้น เพื่อหามรดกลำค่าที่อากงอาม่าหมักทิ้งไว้ต่างหน้า  แม่นันขอเตือนว่า "อย่าปีนเองนะคะ"  อะไหล่วัยเราไม่มีแล้วนะคะ  เซียงกงมือสองก็หาให้ไม่ได้ด้วย แม่นันเคยเช็คมาแล้ว ฮ่าฮ่า ล้อเล่นแต่จริงค่ะ ถ้าอยากจะค้นสมบัติเก่าเหล่าไช้โป้วำล้ำค่า ขอให้ลูกหลานปีนให้นะคะ

แม่นันขอทานมื้อเช้าอันล้ำค่าชามนี้ต่อค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่