Django Unchained: ปลดโซ่ล่ามแค้น ความรุนแรง สไตล์จัดจ้าน และการชำระบาปแห่งทาส



เรื่องย่อ
"Django Unchained" เป็นภาพยนตร์แนวเวสเทิร์น ดราม่า แอ็คชั่น ออกฉายในปี 2012 กำกับและเขียนบทโดย Quentin Tarantino ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความรุนแรง ภาษาที่รุนแรง และสไตล์การเล่าเรื่องที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องในยุคก่อนสงครามกลางเมืองอเมริกา และสำรวจประเด็นการเป็นทาสในมุมมองที่รุนแรงและดิบเถื่อน
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Django (Jamie Foxx) ทาสผิวสีผู้ถูกจับและทรมาน ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่คาดฝันจาก Dr. King Schultz (Christoph Waltz) นักล่าค่าหัวชาวเยอรมันผู้มีเสน่ห์และมีหลักการ Dr. Schultz ไม่เพียงแต่ปลดปล่อย Django ให้เป็นอิสระ แต่ยังสอนวิชาการเป็นนักล่าค่าหัวให้เขาด้วย ทั้งสองกลายเป็นคู่หูที่ร่วมกันออกล่าอาชญากรเพื่อรับรางวัล
แรงจูงใจที่แท้จริงของ Django คือการตามหา Broomhilda von Shaft (Kerry Washington) ภรรยาของเขาที่ถูกแยกจากกันเมื่อทั้งคู่ถูกขายไปเป็นทาสคนละทิศละทาง เมื่อการตามหาพาพวกเขาไปถึงไร่ Candyland ซึ่งเป็นไร่ฝ้ายขนาดใหญ่ในมิสซิสซิปปี้ ที่ดำเนินการโดย Calvin Candie (Leonardo DiCaprio) เจ้าของไร่ผู้โหดเหี้ยมและเป็นที่รู้จักในฐานะนักต่อสู้ทาส และมี Stephen (Samuel L. Jackson) หัวหน้าทาสผู้จงรักภักดีและเจ้าเล่ห์คอยช่วยเหลือ
Django และ Dr. Schultz วางแผนที่จะแฝงตัวเข้าไปในไร่ Candyland โดยอ้างว่าเป็นผู้ซื้อทาส เพื่อช่วยเหลือ Broomhilda ออกมา แต่แผนการของพวกเขากลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความเจ้าเล่ห์ของ Candie และ Stephen รวมถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในไร่ ซึ่งนำไปสู่การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ที่เต็มไปด้วยเลือดและคำแก้แค้นอันสาสม

ความรู้สึกหลังรับชม
"Django Unchained" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความรู้สึกหลากหลายได้อย่างน่าทึ่ง ตั้งแต่ความสะเทือนใจกับความโหดร้ายของการเป็นทาส ไปจนถึงความสะใจกับฉากแก้แค้นที่ดุดัน เป็นงานที่เต็มไปด้วยลายเซ็นของ Quentin Tarantino อย่างชัดเจน ทั้งบทสนทนาที่ยาวเหยียดแต่คมคายและมีพลัง การใช้ความรุนแรงที่เกินจริงแต่มีสไตล์ และเพลงประกอบที่เลือกมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ภาพยนตร์มีความเท่และมีชีวิตชีวา
การแสดงของทีมนักแสดงนั้นยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะ Christoph Waltz ที่คว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปครองจากบท Dr. King Schultz เขาแสดงได้อย่างมีเสน่ห์ ฉลาด และมีจังหวะการพูดที่น่าทึ่ง Leonardo DiCaprio ในบท Calvin Candie ก็แสดงบทบาทตัวร้ายได้อย่างน่าชิงชังและมีพลัง ทำให้ผู้ชมเกลียดชังตัวละครนี้ได้อย่างเข้าถึงอารมณ์ Jamie Foxx ในบท Django ก็ถ่ายทอดพัฒนาการของตัวละครจากทาสที่ถูกกดขี่ไปสู่ชายผู้แสวงหาการแก้แค้นได้อย่างน่าเชื่อถือ และ Samuel L. Jackson ในบท Stephen ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าจดจำและแสดงได้อย่างร้ายกาจ
ภาพยนตร์นำเสนอประเด็นของการเป็นทาสในอเมริกาได้อย่างตรงไปตรงมาและไม่เกรงใจ แม้จะมีความรุนแรงและภาษาที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่มาก แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมของยุคนั้น ฉากแอ็คชั่นเต็มไปด้วยความระห่ำและเลือดสาดตามสไตล์ของ Tarantino ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจผู้ชมทุกคน แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์มีเอกลักษณ์
โดยรวมแล้ว "Django Unchained" คือภาพยนตร์ที่ทรงพลัง ท้าทาย และเต็มไปด้วยความบันเทิง เป็นการเดินทางสู่การแก้แค้นที่เข้มข้นและน่าจดจำ

คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 8.5/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 87% , คะแนนจากผู้ชม 85%

สรุป
"Django Unchained" คือภาพยนตร์เวสเทิร์นที่ผสมผสานความดราม่า การแก้แค้น และแอ็คชั่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยฝีมือการกำกับที่จัดจ้านของ Quentin Tarantino และการแสดงอันทรงพลังของทีมนักแสดงระดับตำนาน ภาพยนตร์เรื่องนี้มอบประสบการณ์การรับชมที่เข้มข้น รุนแรง และน่าจดจำ เป็นการสำรวจประเด็นของการเป็นทาสและการแสวงหาความยุติธรรมในแบบฉบับที่ดิบเถื่อนแต่มีสไตล์ ด้วยคะแนนวิจารณ์และคะแนนจากผู้ชมที่สูงมาก "Django Unchained" เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับคอหนังแนวเวสเทิร์น ดราม่า และแฟนๆ ของ Quentin Tarantino.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่