จริง ๆ แล้วกระทู้นี้แทบไม่มีสาระอะไรเลย แต่ก็ถือเป็นข้อคิดได้บ้างสำหรับผู้ใหญ่ในวัยพ่อแม่ และเป็นข้อคิดสำหรับน้อง ๆ วัยรุ่นว่าต้องระมัดระวังควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี อย่าพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจพ่อแม่นะครับ
เหตุเกิดสด ๆ ร้อน ๆ ที่เซ็นทรัลเวสต์เกต คือตอนนี้ผมนั่งทานอาหารอยู่ใน Food court ห่างจากผมไป 2 โต๊ะมีพ่อแม่ลูก 3 คนนั่งกินก่อนหน้าผมอยู่แล้ว มีการคุยกันแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร .... ทันใดนั้น ตัวลูกซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นผู้ชายอายุประมาณ 13 - 14 ได้พูดขึ้นมาอย่างดังว่า " เออ เดี๋ยวแม่ตายวันไหนซื้อวันนั้นแหละ " แล้วก็ลุกพรวดจากโต๊ะเดินออกไป
พ่อแม่ก็นั่งอึ้งสักแปบนึง แล้วแม่ก็เริ่มร้องไห้ ส่วนคนเป็นพ่อก็ยังใจเย็นมาปลอบว่าเออเดี๋ยวจัดการเองเดี๋ยวดูให้ (พูดประมาณนี้) แล้สพ่อก็ลุกออกไปตามลูก หลังจากนั้นพักใหญ่พ่อก็เดินกลับเข้ามาบอก "ตามไม่เจอแล้วโทรไปก็ไม่รับ สงสัยมันกลับบ้านไปแล้วล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นค่อยว่ากัน" จากนั้น คนที่เป็นแม่ก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมและพูดทำนองทำไมมันพูดแบบนี้ ไม่เคยนึกเลยว่ามีลูกสักคนจะเป็นขนาดนี้ได้ ฉันตายเลยดีไหม ..... จนคนที่เป็นพ่อก็ต้องพยายามปลอบ
ผมเองนี่ก็อึ้ง กินข้าวไม่อร่อยเลยจานนั้น
จากเหตุการณ์นี้ก็ ผมก็คาดเดาว่าลูกคงจะให้พ่อแม่ซื้อของอะไรให้สักอย่าง แต่พอแม่ไม่ซื้อให้ ทำให้ลูกใจร้อนโกรธมากจึงพูดออกไปแบบนั้น .... นี่เป็นบทเรียนหนึ่งว่าแค่คำพูดแบบไม่คิดประโยคเดียวก็ทำให้ผู้เป็นแม่เสียใจร้องไห้ ซึ่งผม (จขกท.) ในวัย 50 กว่าก็มีความเห็นว่า ถ้าจะมองในมุมว่าเป็นเด็กวัยรุ่นอาจใจร้อนพูดไปโดยไม่คิดก็ได้ แต่ก็อยากจะบอกน้อง ๆ วัยรุ่นว่าแค่ประโยคเดียวทำให้พ่อแม่เสียใจขนาดนี้มันก็ถือเป็นบาป
ดังนั้นต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี อย่าหลุดอะไรประมาณนี้ออกไปเด็ดขาด
เมื่อเด็กวัยรุ่นพูดว่า .... " เออ เดี๋ยวแม่ตายวันไหนซื้อวันนั้นแหละ " 😢😦
เหตุเกิดสด ๆ ร้อน ๆ ที่เซ็นทรัลเวสต์เกต คือตอนนี้ผมนั่งทานอาหารอยู่ใน Food court ห่างจากผมไป 2 โต๊ะมีพ่อแม่ลูก 3 คนนั่งกินก่อนหน้าผมอยู่แล้ว มีการคุยกันแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร .... ทันใดนั้น ตัวลูกซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นผู้ชายอายุประมาณ 13 - 14 ได้พูดขึ้นมาอย่างดังว่า " เออ เดี๋ยวแม่ตายวันไหนซื้อวันนั้นแหละ " แล้วก็ลุกพรวดจากโต๊ะเดินออกไป
พ่อแม่ก็นั่งอึ้งสักแปบนึง แล้วแม่ก็เริ่มร้องไห้ ส่วนคนเป็นพ่อก็ยังใจเย็นมาปลอบว่าเออเดี๋ยวจัดการเองเดี๋ยวดูให้ (พูดประมาณนี้) แล้สพ่อก็ลุกออกไปตามลูก หลังจากนั้นพักใหญ่พ่อก็เดินกลับเข้ามาบอก "ตามไม่เจอแล้วโทรไปก็ไม่รับ สงสัยมันกลับบ้านไปแล้วล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นค่อยว่ากัน" จากนั้น คนที่เป็นแม่ก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมและพูดทำนองทำไมมันพูดแบบนี้ ไม่เคยนึกเลยว่ามีลูกสักคนจะเป็นขนาดนี้ได้ ฉันตายเลยดีไหม ..... จนคนที่เป็นพ่อก็ต้องพยายามปลอบ
ผมเองนี่ก็อึ้ง กินข้าวไม่อร่อยเลยจานนั้น
จากเหตุการณ์นี้ก็ ผมก็คาดเดาว่าลูกคงจะให้พ่อแม่ซื้อของอะไรให้สักอย่าง แต่พอแม่ไม่ซื้อให้ ทำให้ลูกใจร้อนโกรธมากจึงพูดออกไปแบบนั้น .... นี่เป็นบทเรียนหนึ่งว่าแค่คำพูดแบบไม่คิดประโยคเดียวก็ทำให้ผู้เป็นแม่เสียใจร้องไห้ ซึ่งผม (จขกท.) ในวัย 50 กว่าก็มีความเห็นว่า ถ้าจะมองในมุมว่าเป็นเด็กวัยรุ่นอาจใจร้อนพูดไปโดยไม่คิดก็ได้ แต่ก็อยากจะบอกน้อง ๆ วัยรุ่นว่าแค่ประโยคเดียวทำให้พ่อแม่เสียใจขนาดนี้มันก็ถือเป็นบาป
ดังนั้นต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี อย่าหลุดอะไรประมาณนี้ออกไปเด็ดขาด