ก่อนอื่นเลยก็… เรากับแฟนคบกันมาตั้งแต่ ม.ต้น จนตอนนี้ที่กำลังจะเป็น First Jobber ก็ราว ๆ จะ 10 ปีได้แล้วค่ะ เขาเป็นผู้ชายที่ดี ตลอด 10 ปีไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงเลย ทำเป็นเกือบทุกเรื่อง เพราะรับจ้างทำงานโน่นนี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นคนที่หนักเอาเบาสู้ ปิดเทอมไปทำงานในไซต์งานก่อสร้าง (รายวัน) ตอนกลางคืนกรีดยาง ตอนกลางวันมาเรียนงี้ และเขา Support เราดีค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องงานที่มีมาให้ นับถือเลยค่ะ ว่าเขาทำได้หมด แต่ถ้าไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ เช่น การปลูกผักทำสวน ทำกับข้าว มันต้องมีคนค่อยบอกให้ทำ (เรารู้สึกอย่างนั้น) เช่น ตอนมัธยม เราก็ต้องบังคับให้เขาทำการบ้านให้เสร็จก่อนที่จะเลิกเรียน เพราะตอนกลางคืนเขาจะไปกรีดยางและจะไม่ได้ทำการบ้าน หรือบางครั้งเราก็ต้องรีบทำการบ้านให้เสร็จ เพื่อให้เขาเอาไปลอก
เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยขวนขวาย เช่น มหาลัยให้ไปอบรม ISO เพิ่มเติม แบบจะได้ใบประกาศ แต่ไม่ได้มีผลต่อการเรียนจบ พอมันมีปัญหาขัดข้องนิดหน่อย (เรามองว่าอย่างนั้น) เขาก็ไม่ไปเลย แต่ใบนี้มันเป็นตัวเพิ่มภาษีในการสมัครในสายอาชีพที่เขาเรียนจบมา ตอนช่วงมหาลัย เราค่อนข้างปล่อยเขา เพราะเราเรียนอยู่คนละจังหวัด แต่ถ้ามีงานอะไร เช่น ต้องเขียนรายงานหางานวิจัยของต่างประเทศ (เราเรียนสายภาษา) เราก็จะช่วยเขาทำ
และเป็นคนที่มักจะไม่ประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น สมัครงานที่บริษัท A เขาก็คิดว่าต้องได้แน่ และคิดว่าไม่คิดว่า ถ้าไม่ได้ขึ้นมาจะต้องทำยังต่อ ต้องเตรียมบริษัทมาหาบริษัท B ไว้ไหม หรือแม้แต่ควรเพิ่มสกิลอะไรให้ตอบโจทย์บริษัท A ที่เขาอยากได้ แม้แต่เราเตรียมบทสัมภาษณ์ให้เขาอ่านล่วงหน้าเกือบสองเดือนเขาก็ทำแหละ แต่ต้องให้ถาม พอไม่ถามก็ไม่ทำ
แต่
ปัญหาน่าจะเกิดจากที่ตอนนี้สถานการณ์ชีวิต มันต่างกัน (คิดว่านะคะ)
เราตอนนี้คือพลาดไม่ได้ หรือระยะเวลาในการทำผิดพลาดได้คือน้อยมาก เพราะแม่เรากำลังจะเกษียณพร้อมกับหนี้ เราเลยต้องวางแผนชีวิตตัวเองให้รอบคอบมาก ๆ
ส่วนเขาคือ พี่สาวเขามีงานทำที่ได้เงินเดือนค่อนข้างดี แถมพี่สาวเขาไม่ได้มีภาระเพิ่มเติม เช่น ลูก เลยทำให้สามารถดูแลเขาได้อยู่ และพี่สาวเขาและเขา Support เราด้วย (เงินที่เราใช้เดินทางไปสมัครงานจนตอนนี้รอสัญญาอยู่ก็เป็นของบ้านเขา เป็นบริษัทที่เขาอยากเขานั่นแหละค่ะ แต่เราถูกเรียกสัมภาษณ์ก่อน) เรารู้สึกว่าใช่ว่าจะรบกวนไปได้ตลอด ทั้งเราหรือแม้แต่แฟน เพราะพี่เขาก็ควรได้ใช้ชีวิตของเขา เลยอยากวางแผนให้เขาและเราไปถึงฝันที่ตัวเองตั้งกันไว้
แต่มันค่อนข้างลำบากใจที่จะบังคับเขามาก ๆ เพราะส่วนตัว เรามองว่าตอนนี้เราเป็นแค่แฟน และถึงแม้มันจะเป็นความหวังดีแต่มันก็ยังมีเส้นที่ควรจะอยู่ แม่เรามักจะบอกเสมอว่า เขายังเป็นลูกชายบ้านเขา ยังไม่ได้เป็นผัวเรา ต้องเกรงใจบ้านเขาด้วย ซึ่งเราก็คิดว่าอย่างนั้นค่ะ เลยทำให้ค่อนข้างหนักใจ เราอยากให้เขาได้ดีและเดินไปถึงฝันเขา แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันลำบากใจที่ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไช และเราคิดว่าคนที่โดนก็น่าจะรำคาญ (ถึงแม้เขาจะไม่บ่นเรื่องนี้เลยก็เถอะ)
เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ (โทรไปให้เขาอ่านและเตรียมบทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษวันละ 3 ครั้ง เพราะเขาค่อนข้างอ่อนภาษา และจะสัมปลายสัปดาห์นี้)
มันควรแล้วหรือเปล่า เพราะมันลำบากใจที่ ตอนเช้านัดกันไว้แล้วเขาก็ไม่ตื่น บ่ายมาก็มาทำเล่น ๆ ไม่ค่อยจริงจัง เย็นก็ไม่ว่างค่อยว่าง
ทั้งหมดว่ามาคือ เราทำในแล้วที่ถูกแล้วหรือเปล่า เราอยากมีเขาไว้ในชีวิตต่อไปแหละค่ะ แค่ติดปัญหาในตอนช่วงเปลี่ยถ่ายช่วงชีวิต
การบังคับหรือกำหนดชีวิตแฟนให้มาใช้มุมมองชีวิตที่คล้ายกันเป็นเรื่องที่สมควรไหมคะ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ปัญหาน่าจะเกิดจากที่ตอนนี้สถานการณ์ชีวิต มันต่างกัน (คิดว่านะคะ)
เราตอนนี้คือพลาดไม่ได้ หรือระยะเวลาในการทำผิดพลาดได้คือน้อยมาก เพราะแม่เรากำลังจะเกษียณพร้อมกับหนี้ เราเลยต้องวางแผนชีวิตตัวเองให้รอบคอบมาก ๆ
ส่วนเขาคือ พี่สาวเขามีงานทำที่ได้เงินเดือนค่อนข้างดี แถมพี่สาวเขาไม่ได้มีภาระเพิ่มเติม เช่น ลูก เลยทำให้สามารถดูแลเขาได้อยู่ และพี่สาวเขาและเขา Support เราด้วย (เงินที่เราใช้เดินทางไปสมัครงานจนตอนนี้รอสัญญาอยู่ก็เป็นของบ้านเขา เป็นบริษัทที่เขาอยากเขานั่นแหละค่ะ แต่เราถูกเรียกสัมภาษณ์ก่อน) เรารู้สึกว่าใช่ว่าจะรบกวนไปได้ตลอด ทั้งเราหรือแม้แต่แฟน เพราะพี่เขาก็ควรได้ใช้ชีวิตของเขา เลยอยากวางแผนให้เขาและเราไปถึงฝันที่ตัวเองตั้งกันไว้
แต่มันค่อนข้างลำบากใจที่จะบังคับเขามาก ๆ เพราะส่วนตัว เรามองว่าตอนนี้เราเป็นแค่แฟน และถึงแม้มันจะเป็นความหวังดีแต่มันก็ยังมีเส้นที่ควรจะอยู่ แม่เรามักจะบอกเสมอว่า เขายังเป็นลูกชายบ้านเขา ยังไม่ได้เป็นผัวเรา ต้องเกรงใจบ้านเขาด้วย ซึ่งเราก็คิดว่าอย่างนั้นค่ะ เลยทำให้ค่อนข้างหนักใจ เราอยากให้เขาได้ดีและเดินไปถึงฝันเขา แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันลำบากใจที่ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไช และเราคิดว่าคนที่โดนก็น่าจะรำคาญ (ถึงแม้เขาจะไม่บ่นเรื่องนี้เลยก็เถอะ)
เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ (โทรไปให้เขาอ่านและเตรียมบทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษวันละ 3 ครั้ง เพราะเขาค่อนข้างอ่อนภาษา และจะสัมปลายสัปดาห์นี้) มันควรแล้วหรือเปล่า เพราะมันลำบากใจที่ ตอนเช้านัดกันไว้แล้วเขาก็ไม่ตื่น บ่ายมาก็มาทำเล่น ๆ ไม่ค่อยจริงจัง เย็นก็ไม่ว่างค่อยว่าง
ทั้งหมดว่ามาคือ เราทำในแล้วที่ถูกแล้วหรือเปล่า เราอยากมีเขาไว้ในชีวิตต่อไปแหละค่ะ แค่ติดปัญหาในตอนช่วงเปลี่ยถ่ายช่วงชีวิต