นิด้าโพลชี้ ประชาชน 56.72% ไม่เอาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และกาสิโน
.
.
นิด้าโพลชี้ ประชาชน 56.72% ไม่เอาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และกาสิโน และ 37.10% คิดว่าสภาฯ จะไม่ผ่านร่างพ.ร.บ.
.
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “สถานบันเทิงครบวงจร จะได้เกิดไหม” (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-18 มิถุนายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง
.
ผลการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายการอนุญาตการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรที่รวมกาสิโน
.
พบว่า 56.72% ระบุว่า ไม่เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน รองลงมา24.12% เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน 9.01% ระบุว่า อย่างไรก็ได้ไม่มีความเห็น 8.78% เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจรที่ไม่มีกาสิโน และ 1.37% ระบุว่า เห็นด้วยกับกาสิโนเพียงอย่างเดียว
.
เมื่อสอบถามผู้ที่เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจรที่ไม่มีกาสิโน และผู้ที่ไม่เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน (จำนวน 858 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับแนวทางการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรของรัฐบาล ซึ่งไม่ใช้งบประมาณของรัฐในการดำเนินการ แต่คาดว่าจะสร้างรายได้เข้าประเทศประมาณ 12,000 – 39,000 ล้านบาทต่อปี
.
พบว่า 84.15% ระบุว่า ไม่เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน รองลงมา 11.31% เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจรที่ไม่มีกาสิโน 3.26% เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน 0.70% เห็นด้วยกับกาสิโนเพียงอย่างเดียว และ 0.58% ระบุว่า อย่างไรก็ได้ไม่มีความเห็น
.
เมื่อสอบถามผู้ที่เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจรที่ไม่มีกาสิโน และผู้ที่ไม่เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน (จำนวน 858 หน่วยตัวอย่าง)เกี่ยวกับมาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการฟอกเงิน และควบคุมผู้เข้าใช้บริการกาสิโน
.
พบว่า 81.47% ระบุว่า ไม่เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน 10.49% เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจรที่ไม่มีกาสิโน 6.18% เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน 1.04% ระบุว่า อย่างไรก็ได้ไม่มีความเห็น และ 0.82% เห็นด้วยกับกาสิโนเพียงอย่างเดียว
.
เมื่อสอบถามผู้ที่เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจรที่ไม่มีกาสิโน และผู้ที่ไม่เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน (จำนวน 858 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับข้อกำหนดในร่าง พ.ร.บ. ที่ระบุให้นำรายได้จากสถานบันเทิงครบวงจร ไปใช้เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษา การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง
.
พบว่า 78.21% ไม่เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน 14.10% ระบุว่า เห็นด้วยกับสถานบันเทิงครบวงจรที่ไม่มีกาสิโน 6.53% เห็นด้วยทั้งสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโน และ 0.58% เห็นด้วยกับกาสิโนเพียงอย่างเดียว และอย่างไรก็ได้ ไม่มีความเห็น ในสัดส่วนที่เท่ากัน
.
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งอยู่ในวาระแรกของการเปิดประชุมสภาในต้นเดือนกรกฎาคมนี้
.
พบว่า 37.10% ระบุว่า สภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฯ แต่จะลงมติ ไม่ผ่านร่างในวาระที่หนึ่ง รองลงมา 27.48% ระบุว่า จะมีการเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฯ ออกไป 19.85% สภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฯ และลงมติผ่านร่างในวาระที่หนึ่ง 8.17% ไม่ตอบ และ 7.40% ระบุว่า จะมีการยุบสภาก่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฯ
.
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวคิดการจัดทำประชามติ เรื่องสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน
พบว่า 61.60% เห็นด้วยกับการทำประชามติ รองลงมา 30.08% ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ 7.94 อย่างไรก็ได้ไม่มีความเห็น และ 0.38% ไม่ตอบ
.
.
ชาวเขมรป่วยติดเตียง ขอกลับไปรักษาตัวที่ประเทศเกิด ไทยประสานกัมพูชาเปิดด่านกรณีพิเศษ
https://www.matichon.co.th/region/news_5241541
.
ปชช.เขมร ป่วยติดเตียง ขอกลับไปรักษาตัวที่บ้าน ไทยประสานเขมรเปิดด่านกรณีพิเศษ ส่งกลับบ้านอย่างปลอดภัย
.
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน มีรายงานข่าวว่า วานนี้ (20 มิถุนายน) เวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตลาดบ้านแหลมร่วมกับเจ้าหน้าที่ประสานงานฝั่งไทยและกัมพูชา ดำเนินการช่วยเหลือผู้ป่วยชาวกัมพูชา นาย Hoeuy Deng อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงจากโรคปอดติดเชื้อและไตวายเฉียบพลัน เดินทางจากโรงพยาบาลกรุงไทย เวสเทิร์น จังหวัดนนทบุรี เพื่อกลับไปรักษาต่อยังบ้านเกิดในประเทศกัมพูชา
.
ทางเจ้าหน้าที่ด่านฝั่งไทยจึงได้ประสานการเปิดประตูด่านถาวรบ้านแหลม เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้รถพยาบาลของกัมพูชา สามารถเข้ามารับตัวผู้ป่วยบริเวณกลางสะพานชายแดนฝั่งไทยได้อย่างปลอดภัย การส่งต่อผู้ป่วยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและรวดเร็ว โดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศ
.
สำหรับการเปิด-ปิด ด่านบ้านแหลมยังคงเป็นไปตามปกติในทุกวัน คือ ตั้งแต่เวลา 08.00–16.00 น.
.
.
พนมเปญโพสต์อัดไทย เป็นทางผ่านเหยื่อค้ามนุษย์ให้สแกมเมอร์
.
พนมเปญโพสต์ตอบโต้สื่อไทยโจมตีกัมพูชาเป็นฐานสแกมเมอร์ระดับโลก โดยอ้างรายงานสื่อต่างประเทศว่าไทยเป็นจุดเปลี่ยนผ่านเหยื่อค้ามนุษย์ไปยังฐานสแกมเมอร์ทั่วภูมิภาค
.
พนมเปญโพสต์ระบุว่า หลังจากมีรายงานที่น่าตกใจมากมายจากสื่อไทยที่พยายามวาดภาพกัมพูชาเป็น “จุดศูนย์กลางการต้มตุ๋นออนไลน์” แต่รายงานเชิงลึกจาก แชนเนล นิวส์ เอเชีย (CNA) สื่อสิงคโปร์ ซึ่งเผยแพร่เมื่อ 20 มิ.ย. ระบุว่าประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในฐานะทางผ่านของการส่งต่อเหยื่อค้ามนุษย์ให้แก่ศูนย์สแกมเมอร์ทั่วภูมิภาค
.
ในขณะที่การหลอกลวงทางออนไลน์ รวมถึงปฏิบัติการ “เชือดหมู” อันอื้อฉาวกำลังแพร่กระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถานะของไทยในฐานะจุดส่งต่อเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งถูกหลอกมาโดยใช้เรื่องการจ้างงานเป็นฉากบังหน้า กำลังถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ
.
เหยื่อการค้ามนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกหลอกด้วยคำสัญญาเรื่องงานรายได้ดี ถูกส่งตัวเข้าสู่ประเทศไทย ก่อนจะลักลอบพาตัวไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาและกัมพูชา ที่ซึ่งพวกเขาจะถูกบังคับให้เข้าร่วมในแผนการต้มตุ๋น ซึ่งหลอกเงินของเหยื่อทั่วโลกไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
.
หนึ่งในคดีที่โด่งดังมากคือกรณีของ เสี่ยว ฮ่าว นักเดินเรือหนุ่มจากมณฑลซานตง ประเทศจีน เดินทางมาประเทศไทยหลังได้รับคำมั่นจากนายหน้าเรื่องงานที่ท่าเรือของไทย แต่เขากลับถูกลักลอบส่งตัวไปเมียนมาผ่านทางจังหวัดตาก ก่อนถูกจับขัง ทรมาน และบังคับให้หลอกลวงเหยื่อผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ทั่วโลก
ความจริงเบื้องหลังคดีเหล่านี้เน้นย้ำให้เห็นความซับซ้อนของปัญหา นั่นคือในขณะที่ไทยไม่ได้เป็นฐานของปฏิบัติการสแกมเมอร์เหล่านี้โดยตรง แต่พวกเขาเป็นขั้นตอนสำคัญในการค้ามนุษย์และเครือข่ายหลอกลวง
.
แม้ไทยจะพยายามหยุดยั้งการแพร่กระจายของอาชญากรรมเหล่านี้ รวมถึงร่วมมือแบบไตรภาคีกับจีนและเมียนมาตัดแหล่งเงินทุนของศูนย์สแกมเมอร์ บริเวณชายแดนไทยเมียนมา แต่ผลลัพธ์ยังเป็นที่น่าตั้งคำถาม
.
ธรรมชาติของชายแดนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ และความสามารถในการปรับตัวของเครือข่ายอาชญากรรม ทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายพบว่าตัวเองก้าวตามหลังอาชญากรอยู่บ่อยครั้ง
.
องค์การสหประชาชาติประเมินว่า มีคนกว่า 120,000 คนถูกส่งไปยังศูนย์สแกมเมอร์ในเมียนมา และอีก 100,000 คนในกัมพูชา โดยเหยื่อเหล่านี้มักถูกส่งต่อผ่านทางประเทศไทย
.
โดยตามการเปิดเผยของ ดร.รัชดา ไชยคุปต์ สมาชิกคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งชาติ พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งดินแดนไทย, เมียนมา และลาวเชื่อมติดกัน เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่มาตลอด แต่ตอนนี้ธุรกิจมืดได้ขยายไปยังปฏิบัติการหลอกลวงออนไลน์แล้ว
.
ดังนั้น ประเทศไทยซึ่งอยู่ในฐานะทางผ่านสำคัญในการค้าขายผิดกฎหมายนี้ จึงเปราะบางต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ แม้พวกเขาจะดำเนินมาตรการต่อต้านการค้ามนุษย์อยู่ก็ตาม
.
สื่อไทยกล่าวหาเขตเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ชายแดนของกัมพูชาว่ากลายเป็นฐานหลักของศูนย์ฉ้อโกงออนไลน์ และกล่าวหาเมืองอย่างศรีหนุวิลล์, พนมเปญ และปอยเปต ว่าขยายตัวและมีอาคารต่างๆ ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับการฉ้อโกง
.
สื่อเหล่านี้ดำเนินงานโดยใช้ผู้ประมวลผลการชำระเงิน (payment processor) ที่ไม่ได้รับอนุญาต, เข้าถึงตลาดออนไลน์ผิดกฎหมาย และถึงขั้นพัฒนาระบบบล็อกเชนของตัวเองขึ้นมา
.
รัฐบาลกัมพูชาระบุว่า กัมพูชาตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมต่างชาติ มากกว่าเป็นฝ่ายกระทำผิดเอง ขณะที่นาย แสง ธีริธ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของกัมพูชาประณามการวาดภาพกัมพูชาในเชิงลบ และชี้ว่า ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่มาใช้ประโยชน์จากชายแดนกัมพูชา และโครงสร้างพื้นฐานที่มีความหละหลวมทางเทคโนโลยี
.
ทางการกัมพูชายังเพิ่มความพยายามในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์, เสริมการรักษาความปลอดภัยชายแดน, ยกระดับการฝึกฝนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และใช้เทคโนโลยีในการตามรอยความเคลื่อนไหวข้ามพรมแดน “เครือข่ายอาชญากรรมเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ และการหลอกลวงทางออนไลน์ก็ไม่ได้อยู่ในกัมพูชาเป็นหลัก” นายธีริธกล่าว
.
นายธีริธย้ำว่า อาชญากรเหล่านี้มาจากประเทศอื่นๆ และเป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศเหล่านั้นต้องทำหน้าที่ในส่วนของตัวเอง เพื่อป้องกันพลเมืองของพวกตัวเองจากการเข้าไปมีส่วนร่วมในอาชญากรรมเหล่านี้
.
ด้านนางชู บุน เอ็ง รองประธานหญิงของคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งชาติ (NCCT) ปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่า กัมพูชาได้รับประโยชน์จากการหลอกลวงทางออนไลน์ “อาชญากรรมเหล่านี้ทำร้ายเศรษฐกิจและทำลายชื่อเสียงระหว่างประเทศของเรา” และ “ไม่มีรัฐบาลใดอยากดึงดูดกิจกรรมผิดกฎหมายเหล่านี้”
.
ความขัดแย้งระหว่างสื่อไทยกับกัมพูชายิ่งตอกย้ำปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น คือเรื่องความร่วมมือในภูมิภาค หรือการขาดความร่วมมือในเรื่องการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ
.
นางบุน เอ็ง ย้ำด้วยว่า ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกัมพูชา แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งอาชญากรรมเริ่มเข้าไปพัวพันกับการก่ออาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ
.
ที่มา : phnompenhpost
JJNY : ปชช. 56.72% ไม่เอากาสิโน│ไทยประสานกัมพูชาเปิดด่าน │พนมเปญโพสต์อัดไทยเป็นทางผ่าน│เตือน มรสุมพัดปกคลุม ตอ.ฝนตกหนัก
.
ชาวเขมรป่วยติดเตียง ขอกลับไปรักษาตัวที่ประเทศเกิด ไทยประสานกัมพูชาเปิดด่านกรณีพิเศษ
https://www.matichon.co.th/region/news_5241541
.
.