♻️  1)   “ไม่แยกขยะ” เพราะเข้าใจว่าเดี๋ยวก็ไปรวมกันอยู่ดี
       แยกตั้งแต่ต้นทางดีที่สุด ช่วยแบ่งเบาภาระให้เจ้าหน้าที่เก็บขยะได้เยอะ เพราะขยะบางชิ้นมีมูลค่า ยังสามารถใช้ประโยชน์ต่อได้

♻️  2) มองว่าพลาสติกรีไซเคิลได้หมด ซึ่งไม่ใช่ทุกประเภทที่ทำได้ง่าย

   💡   เคล็ดลับ: สังเกตเครื่องหมายรีไซเคิลบนบรรจุภัณฑ์ จะช่วยให้รู้ว่ารีไซเคิลได้หรือไม่

♻️  3) มองว่าการนำมาใช้ใหม่คือการรีไซเคิล อะไรๆ ก็รีไซเคิล
     - การต่ออายุให้วัสดุมีหลายแบบ ทั้ง Recycle Upcycle และ Downcycle ขึ้นอยู่กับว่าปลายทางของวัสดุจะกลายเป็นอะไรต่อ

   ℹ️    Upcycle และ Downcycle เป็นการต่ออายุให้วัสดุ แต่เปลี่ยนวัตถุประสงค์ไปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น  ซึ่งสุดท้ายจะมีวันหมดอายุการใช้งาน ในขณะที่ Recycle ซึ่งถ้าให้ดี  ต้องเป็นแบบ “Closed Loop”  คือ เป็นการรีไซเคิลวัสดุจากผลิตภัณฑ์เดิมกลับมาเป็นวัสดุเดิมที่พร้อมใช้งานได้ใหม่อีกครั้ง ในคุณภาพคงเดิม เช่น กระป๋องอลูมิเนียมใช้แล้วรีไซเคิลเป็นกระป๋องใหม่ นอกจากใช้ทรัพยากรที่มีได้คุ้มค่าที่สุด ยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรใหม่ด้วย ...


♻️  4)  ทิ้งแค่กระป๋อง สะสมห่วงดึง เพื่อบริจาคทำขาเทียม

     -   ในอดีตยังมีการใช้กระป๋องเหล็กอยู่มาก และกระป๋องอลูมิเนียม ยังไม่แพร่หลาย ซึ่งตอนนั้นห่วงดึงกระป๋องต่างๆ เป็นอลูมิเนียมทั้งหมด จึงมีแคมเปญให้บริจาคเฉพาะห่วงดึงกระป๋องเพื่อทำขาเทียม   .... แต่  ในปัจจุบันมีวัสดุที่เหมาะสมกับการผลิตขาเทียมมากกว่าห่วงดึง  โดยมูลนิธิขาเทียมฯ ได้เลือกใช้อลูมิเนียมเกรดสูง และสแตนเลสสตีลแทน เพื่อเพิ่มความทนทานและปลอดภัยตามมาตรฐานสากลให้กับขาเทียม   ทำให้ "ไม่จำเป็น" ต้องแยกห่วงดึงแล้ว แต่สามารถทิ้ง หรือบริจาคกระป๋องได้ทั้งใบ เพื่อขายเข้ากระบวนการรีไซเคิล และผลิตเป็นกระป๋องใบใหม่ พร้อมสนับสนุนค่าใช้จ่ายแก่มูลนิธิฯ ต่อไป


ขอบคุณข้อมูลโดย :     https://www.facebook.com/AluminiumLoop