เคยไหมครับ…
ทำงานมานาน จนรู้สึกว่า…
ทุกอย่างในที่ทำงาน
มันเหมือน “ละคร”
มากกว่าจะเป็น “ความจริง”
ใครแสดงเก่งก็มักได้ดี
ใครพูดจาไพเราะแม้ไม่มีผลงาน
ก็มักมีคนปกป้อง
ส่วนคนที่เงียบ
ทำงานเรื่อย ๆ อย่างมีสติ…
กลับกลายเป็น “ตัวประกอบเงียบ ๆ”
ที่ไม่มีใครสนใจ
แต่วันนี้…
ผมกลับรู้สึกว่า ตัวประกอบแบบนี้แหละ
คือคนที่เข้าใจชีวิตที่สุด
ผมอายุ 50+ แล้ว
เคยคิดจะเป็นพระเอก
คิดจะเด่น
คิดจะพิสูจน์ตัวเอง
แต่พอวันหนึ่ง ตาสว่าง…
ผมถึงเข้าใจว่า
เกมในที่ทำงานไม่จำเป็นต้องชนะ
เพราะมันคือเวทีจำลองของระบบ
ที่หลายครั้ง “รางวัล”
ไม่ได้มาจาก “ความจริง”
แต่จาก “การแสดง”
ทุกวันนี้
ผมยังอยู่ในฉากนะครับ…
แต่ผมเลือกที่จะไม่แสดงอะไรอีก
ผมทำงานให้ดีที่สุดในแบบของผม
ไม่ต้องเด่น
ไม่ต้องมีใครปรบมือ
ขอแค่ใจสงบ
และรู้ว่าตัวเองไม่ได้กลายเป็นคนที่ต้องแสดง
จนลืมตัวตน
ผมไม่ได้แพ้
ผมแค่เลือกที่จะไม่เล่น… และบางที
“การไม่แสดงอะไรเลย
อาจเป็นการแสดงขั้นสูงสุดแล้วจริง ๆ”
ใครที่เคยรู้สึกแบบเดียวกัน
แวะมาแชร์กันได้นะครับ
บางที…
เราอาจไม่ได้เหงาอย่างที่คิด
แค่เรา “ตื่น” เร็วกว่าเท่านั้นเอง
ขอบคุณมากครับ….
“บางที… การไม่แสดงอะไรเลย คือการแสดงขั้นสูงสุด (ของคนทำงานวัย 50+)”
ทำงานมานาน จนรู้สึกว่า…
ทุกอย่างในที่ทำงาน
มันเหมือน “ละคร”
มากกว่าจะเป็น “ความจริง”
ใครแสดงเก่งก็มักได้ดี
ใครพูดจาไพเราะแม้ไม่มีผลงาน
ก็มักมีคนปกป้อง
ส่วนคนที่เงียบ
ทำงานเรื่อย ๆ อย่างมีสติ…
กลับกลายเป็น “ตัวประกอบเงียบ ๆ”
ที่ไม่มีใครสนใจ
แต่วันนี้…
ผมกลับรู้สึกว่า ตัวประกอบแบบนี้แหละ
คือคนที่เข้าใจชีวิตที่สุด
ผมอายุ 50+ แล้ว
เคยคิดจะเป็นพระเอก
คิดจะเด่น
คิดจะพิสูจน์ตัวเอง
แต่พอวันหนึ่ง ตาสว่าง…
ผมถึงเข้าใจว่า
เกมในที่ทำงานไม่จำเป็นต้องชนะ
เพราะมันคือเวทีจำลองของระบบ
ที่หลายครั้ง “รางวัล”
ไม่ได้มาจาก “ความจริง”
แต่จาก “การแสดง”
ทุกวันนี้
ผมยังอยู่ในฉากนะครับ…
แต่ผมเลือกที่จะไม่แสดงอะไรอีก
ผมทำงานให้ดีที่สุดในแบบของผม
ไม่ต้องเด่น
ไม่ต้องมีใครปรบมือ
ขอแค่ใจสงบ
และรู้ว่าตัวเองไม่ได้กลายเป็นคนที่ต้องแสดง
จนลืมตัวตน
ผมไม่ได้แพ้
ผมแค่เลือกที่จะไม่เล่น… และบางที
“การไม่แสดงอะไรเลย
อาจเป็นการแสดงขั้นสูงสุดแล้วจริง ๆ”
ใครที่เคยรู้สึกแบบเดียวกัน
แวะมาแชร์กันได้นะครับ
บางที…
เราอาจไม่ได้เหงาอย่างที่คิด
แค่เรา “ตื่น” เร็วกว่าเท่านั้นเอง
ขอบคุณมากครับ….