เนื่องจากในวันนี้ช่วงสี่ทุ่ม จะมีคลิปเต้นของน้อง Chanya กับน้อง Evelli ออกมา บวกกับช่วงนี้ไม่ค่อยมี content ของ YG ออกมาเท่าไหร่ ช่วงนี้ก็จะเหงาๆ หน่อย ก็เลยขอมาคุยเรื่องน้อง Chanya สักหน่อยละกัน ในฐานะที่เป็นคนเชียงใหม่เหมือนกัน
ตอนนี้ข้อมูลเกี่ยวน้องช่วง Pre Debut หลั่งไหลออกมาค่อนข้างเยอะพอสมควร ก็ขอเอามาสรุปในกระทู้นี้ละกันครับ จะได้เอาไว้เป็นกระทู้ที่คุยเกี่ยวกับน้องก่อนเดบิ้ว ผิดพลาดตรงไหนฝากบอกด้วย จะได้เอามาแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้นนะครับ
.
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการเป็นเด็กฝึกหัด YG
ข้อมูลหลักๆ ก็มาจากที่ YG ชี้แจงในคลิป ว่าเข้ามาฝึกซ้อมภายใต้ YG เป็นระยะเวลา 2 ปี 8 เดือน ให้ AI ประเมินย้อนหลังก็แสดงว่าน่าจะเข้าฝึกช่วงเดือนตุลาคม 2022 และได้เปิดตัวในฐานะเด็กฝึกของโปรเจกต์ YG NEXT MONSTER อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มิถุนายน 2025 ก็แสดงว่าไปฝึกกับ YG ช่วงอายุราวๆ 12 ปี แล้วถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกตอนอายุ 14 ปี ถือว่าได้เปิดตัวตอนอายุน้อยมากๆ แต่ตามกำหนดการคือจะเดบิ้วในอีก 2 ปีข้างหน้า ทำให้ตอนเดบิ้วน่าจะอายุ 16-17 ปี ก็น่าจะเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมแล้ว
.
ช่วงเวลาเข้าฝึก ใกล้เคียงกับน้องชิกิต้าแค่ไหน
บางคนอาจจะถามว่าเข้ามาใกล้ๆ กันหรือเปล่า อันนี้คือข้อมูลที่ถามจาก Grok
วันที่ชิกิต้าเริ่มฝึกที่ YG Entertainment :
ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ระบุว่า ชิกิต้าเริ่มเป็นเด็กฝึกหัดในช่วง เดือนมีนาคม 2564 (ค.ศ. 2021) เข้าฝึกได้สามเดือน ก็ถูกดันเข้าสู่ Line up 10 คนสุดท้ายของ Babymonster ทันที ถือว่าเป็นเด็กฝึกที่มีระยะเทรนน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ YG จากนั้นก็เข้าสู่การเปิดตัว รายการ Last Evaluation อย่างที่เราได้เห็นๆ กัน จนได้เป็น Final Member ของ Babymonster โดยระยะเวลาการฝึกของเธออยู่ที่ประมาณ 1 ปี 9 เดือน ก่อนเดบิวต์กับ BABYMONSTER ในปี 2566
สรุปว่าชัญญ่าเข้าฝึกหลังชิกิต้า และหลังเปิดตัว Project Babymonster แล้ว ก็เป็นเด็กฝึกกลุ่มใหม่ที่ถูกเทรนเพื่อเป็น New GG ต่อจาก Babymonster นั่นเอง แล้วถ้าหยางไม่โกหก ปีหน้าน้องจะได้ปล่อยเพลง Single ของตัวเอง และทำ MV ออกมาด้วยทั้ง 4 คน ก็ต้องรอดูว่า YG จะทำตามที่พูดไว้จริงหรือเปล่า ถ้าเด็กๆ พร้อมโชว์ ผมว่าหยางทำแน่ๆ
.
ข้อมูลก่อน Audition ใน YG
จากคลิปที่คุณแม่ของน้องเขียนถึงน้อง สรุปได้ใจความว่าน้องเป็นคนที่สนใจการเต้นมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากเต้นบัลเลต์ก่อนในวัยเด็ก แล้วก็ขยับเข้าสู่วงการเต้น Cover ฝึกเต้นที่
C.N.X Dance Studio ของเชียงใหม่ แล้วแม่ก็ส่งคลิป Audition ไปให้ค่ายต่างๆ แล้วในที่สุด YG ก็ตอบรับมา ก็ต้องมาพูดคุยกันพอสมควร เพราะน้องยังเรียนชั้นประถมอยู่ การจะปล่อยให้ลูกสาวไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจกันพอสมควร สุดท้ายน้องก็ตัดสินใจไปฝึกที่เกาหลีเลยตั้งแต่ที่อายุราวๆ 11-12 ปี
น้อง Audition มาในฐานะนักเต้น ไม่ได้เทรนด้านการร้องเพลงมาก่อน มาฝึกร้องเป็นเรื่องเป็นราวตอนเข้าเทรนที่ YG นี่เอง และทำได้ดีมาก จนได้ตำแหน่ง Vocal ในวงมา
ใครอยากฟังรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ฟังในคลิปด้านล่างได้ครับ
.
เพลงต้นฉบับ : The Groudge by Olivia Rodrigo
เพลงที่น้องเลือกมาร้องคือเพลงของ Olivia Rodrigo ชื่อเพลง The Grudge ซึ่งถือว่าเป็นเพลงที่ยากมากๆ เพลงนึง โจทย์ของการฝึกอาจจะให้ท้าทายตัวเอง เลือกเพลงที่ยากๆ แบบเกิน Limit ตัวเอง เพราะอย่างน้อง Evelli เองก็เลือกเพลง Rap ที่ยากมากๆ อย่าง Nose Bleed เช่นเดียวกัน
สำหรับน้อง Chanya ผมถือว่าน้องเอาเพลงนี้ได้อยู่หมัดเลย ทั้งๆ ที่เป็นเพลงที่ยากมาก ใครที่บริหารลมหายใจไม่ดี อาจจะหมดลมได้ง่ายๆ เลย Breath control ต้องดีมากๆ จริงๆ ถึงจะร้องเพลงนี้ได้ และที่สำคัญที่สุดคือการส่งอารมณ์เพลงไปให้ถึงคนฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เพลงของ Olivia มีจุดเด่นมากที่สุด
โดยเฉพาะเพลงนี้ หลายคนบอกว่าเป็นเพลงที่ Emotional มากที่สุดเพลงนึงของ Olivia เลย ถึงขั้นที่เธอเองเคยร้องไห้ออกมาตอนร้องเพลงนี้ช่วงทัวร์เลยทีเดียว แสดงว่าคงมีความหลังกับเพลงนี้พอสมควร แต่งเอง เขียนเอง ร้องเอง อินเอง ครบเซ็ต
หลายคนอาจจะไม่เคยฟังเพลงนี้ เพราะไม่เป็นเพลงที่ทำ MV แล้วโปรโมทอย่างเป็นทางการออกมาเหมือนเพลงดังๆ ของ Olivia แต่ก็ถือว่าเป็นเพลงที่ดังมากๆ เพลงนึงของเธอทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้โชว์เพลงนี้เท่าไหร่นัก
ก่อนฟังน้องร้อง มาฟังต้นฉบับเขาร้องก่อนดีกว่าครับ ว่าเขาร้องแบบสดๆ เป็นยังไงบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายทอดอารมณ์ออกมาสู่คนฟัง ต้นฉบับร้อง และถ่ายทอดอารมณ์ออกมายังไง ใช้เทคนิคแบบไหนในการดึงอารมณ์คนฟัง ให้ตรึงอยู่กับเพลงได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งจะเห็นเลยว่า Olivia ทำได้ดีมาก ไม่แปลกเลยที่เธอจะกลายมาเป็นไอดอลของสาวๆ วัยรุ่นในยุคนี้ ไม่ต่างกับช่วงต้นปี 2000 ที่วัยรุ่นมีไอดอลเป็นเทเลอร์ สวิฟเลย
เวอร์ชั่นแรก The Grudge (Live Debut) Ace Theatre 2023 ( กด watch on YouTube เพื่อฟังเพลง) :
เวอร์ชั่นนี้นั่งร้องสบายๆ ฟังเสียงสดๆ กันชัดๆ จะเห็นได้ว่าในเวอร์ชั่นนี้ Olivia เล่นกับโทนเสียงแบบหลากหลาย มีหนัก มีเบา เพลงจะมาแนวบ่นๆ ปนทำนอง ซึ่งถือเป็นสไตล์ที่ชัดเจนของเธอ ฟังแล้วรู้เลยว่าเป็นเพลงของ Olivia แต่มันก็ทำให้ร้องได้ยากมากๆ ถ้าหลุดไปสักนิดอาจจะตามเมโลดี้ไม่ทันแล้วต้องรวบคำเพื่อไล่ตาม ทำให้กลายเป็นร้องแล้วฟังไม่ชัดได้ง่ายๆ เลย แต่ olivia ร้องแม้จะฟังดู Cursive หรือหวัดๆ เสียงไปบ้าง แต่ชัดเจนทุกคำ ฟังรู้เรื่องหมด
การร้องแบบ Cursive ไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่ยังฟังรู้เรื่องนะครับ โรเซ่เองก็มาสไตล์นี้เหมือนกันคือปลายเสียงจะหวัดๆ เพื่อเล่นกับเมโลดี้ของเพลง
แต่ถ้าคนที่ร้องสำเนียงไม่ดี ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ก็อาจจะร้องให้ชัดเจนได้ยากครับ คนฟังอาจจะฟังไม่ออกได้เหมือนกันในบางท่อน
สำหรับเพลงนี้ จุดเด่นก็ยังคงเป็นเรื่องของการสื่อสารอารมณ์ผ่านบทเพลงให้ได้ เพราะเนื้อเพลงมันจะมาแนว Olivia คือเล่นกับเนื้อเสียง และทำนองเพลง แต่จะมาแบบรัวๆ ยาวๆ จนแทบไม่มีช่องให้หายใจในบางท่อน ดังนั้นต้องบริหารลมหายใจเก่งมากๆ ถึงจะรอด แม้กระทั่งเจ้าตัวเอง ท่อน ฮู่ ฮู่ ฮู้ ท่อนที่สอง ก็ไม่ได้ร้องติดๆ กันนะ มีเว้นไว้กันลมไม่พอในท่อนท้ายเหมือนกัน
.
เวอร์ชั่นที่ 2 The grudge From GUTS World Tour on Netflix Tour Concert :
จะเห็นว่าแนวทางการสื่อสารอารมณ์เพลงจะแตกต่างไป เพราะใน concert แบบนี้ต้องดึงอารมณ์ร่วมของคนดูให้ได้ด้วย ต้องสื่อสารอารมณ์ของเพลงไปให้ถึงคนฟัง แล้วทำให้เขาอินไปกับเพลงด้วย แม้ว่าเพลงนี้จะไม่ได้เป็นเพลงโปรโมท ไม่ใช่เพลงที่มี MV แต่ถ้าดูในคลิปจะรู้เลยว่าเพลงนี้ดังมากๆ เช่นกัน คนร้องตามกันหมดทั้งคอน และร้องเสียงดังมากกกกกก
ดังนั้นคนร้องต้องดึงอารมณ์ของคนฟังไปด้วยกันให้ได้ และพลังที่ใช้ในการร้องต้องสมดุลย์มากพอที่จะไม่โดนเสียงร้องของคนดูกลบ ดังนั้นจะมาร้องง่ายๆ ชิลๆ แบบคลิปด้านบนก็ไม่ได้เช่นกัน ทำให้ในเวอร์ชั่นนี้จะได้เห็นแนวทางการสื่อสารบทเพลงในอีกรูปแบบนึง และทำให้เพลงตรึงอารมณ์คนได้แบบอยู่หมัด
ในเวอร์ชั่นนี้ก็เช่นกัน ท่อนเสียงลม ฮู่ ฮู่ ฮู้ ท่อนที่สอง ก็ไม่ได้ร้อง มีการเซฟลมหายใจไว้เพื่อร้องท่อนถัดไป เพราะต้องใส่พลังกับท่อนนั้นเยอะมาก ไม่คุ้มเสี่ยงที่ร้องติดกันจนพลาดในท่อนสำคัญ เพราะท่อนนี้คือท่อนที่อารมณ์ทุกอย่างที่ปูมาจะถูกบิ้วให้มาระเบิดที่ท่อนนี้
จากนั้นก็เข้าท่อนสุดท้าย รำพันกับตัวเองเบาๆ ถึงความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ซึ่งส่วนมากเพลงของ Olivia จะมีท่อนจบประมาณนี้ทั้งนั้น ดังนั้นท่อนสุดท้ายจะไม่ใช่ท่อนใส่พลัง เพราะมันจะระเบิดไปหมดแล้วที่ท่อนไฮไลท์ก่อนหน้า ท่อนปิดคือท่อนสื่ออารมณ์สุดท้ายก่อนจบเพลงเท่านั้นเอง
...
เนื้อหาของเพลง
อีกสิ่งสำคัญในการฟังเพลงนี้คือเนื้อเพลง หลายคนอาจจะไม่เข้าใจเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ ก็เลยขอแปลเนื้อเพลงออกมาเป็นภาษาไทยให้ลองทำความเข้าใจกันดูด้วยครับ จะได้ดูว่าน้องร้อง และถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมากน้อยแค่ไหนด้วย บางท่อนอาจจะไม่ได้แปลตรงตัว แต่พยายามจะคงเนื้อหาที่คนแต่งต้องการจะสื่อให้ใกล้เคียงมากที่สุดครับ
I have nightmares each week about that Friday in May
ฉันเจอกับฝันร้ายในทุกอาทิตย์ เกี่ยวกับวันศุกร์นั้นของเดือน พค.
One phone call from you and my entire world was changed
การโทรมาของคุณครั้งนั้น ทำให้โลกของฉันเปลี่ยนไป
Trust that you betrayed, confusion that still lingers
ความเชื่อใจที่ถูกคุณหักหลัง และความสับสนที่ยังคงไม่จางหาย
Took everything I loved and crushed it in between your fingers
เธอพรากทุกสิ่งที่ฉันรัก และบดขยี้มันจนแหลกสลายภายใต้เงื้อมือของเธอ
And I doubt you ever think about the damage that you did
และฉันได้แต่สงสัยว่าเธอเคยคิดบ้างมั้ย เกี่ยวกับความพังทลายที่คุณทำไป
But I hold onto every detail like my life depends on it
และฉันได้แต่ยึดกับกับทุกรายละเอียดเหล่านั้น ราวกับว่าชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับมันเรื่อยมา
My undying love, now I hold it like a grudge
ความรักที่ไม่มีวันเลือนหายของฉัน ที่ฉันได้แต่ยึดติดกับมันด้วยความคลั่งแค้นในใจ
And I hear your voice every time that I think I'm not enough
และฉันได้กินเสียงนั้นของคุณเสมอ ว่าฉันยังดีไม่พอสำหรับคุณ
.
And I try to be tough, but I wanna scream
ฉันพยายามจะเข้มแข็ง แต่ก็อยากกรีดร้องออกมา
How could anybody do the things you did so easily?
ทำไมคนอย่างคุณถึงทำสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายดายเหลือเกิน
And I say I don't care, I say that I'm fine
ฉันบอกว่าฉันไม่แคร์ ฉันสบายดี
But you know I can't let it go
แต่เธอรู้มั้ย ว่าฉันไม่อาจปล่อยผ่านมันไปได้อย่างที่พูดเลย
I've tried, I've tried, I've tried for so long
ฉันพยายาม พยายาม พยายามมาอย่างเนิ่นนาน
It takes strength to forgive, but I don't feel strong
มันใช้ความกล้าหาญที่จะยกโทษให้ แต่ฉัน... ไม่ได้กล้าหาญมากพอ...
.
Ooh, do you think I deserved it all?
เธอคิดว่าฉันควรได้รับสิ่งเหล่านี้เหรอ?
Ooh, your flowers filled with vitriol
ดอกไม้ของคุณตอนนี้ถูกเติมแต่งไปด้วยคำพูดที่แสนปวดใจ
You built me up to watch me fall
เธอสร้างฉันขึ้นมาเพื่อที่จะดูฉันพังทลายลงไปงั้นเหรอ
You have everything and you still want more
เธอได้มันไปทุกอย่างแล้ว แต่ยังต้องการมากขึ้นอีกงั้นเหรอ
I try to be tough, I try to be mean
ฉันพยายามที่จะเข้มแข็ง ฉันพยายามที่จะไม่สนใจ
But even after all this, you're still everything to me
แต่แม้ว่าจะพยายามขนาดนั้น แต่เธอก็ยังคงเป็นทุกอย่างของฉันอยู่ดี
And I know you don't care, I guess that that's fine
และฉันรู้ว่าเธอไม่เคยสนใจ ฉันพยายามจะยอมรับมัน
But you know I can't let it go
แต่เธอรู้มั้ย ... ฉันไม่อาจปล่อยมันไปได้เลย...
I've tried, I've tried, I've tried for so long
ฉันพยายาม พยายาม พยายามมาอย่างเนิ่นนาน
It takes strength to forgive, but I'm not quite sure I'm there yet
มันใช้ความกล้าหาญที่จะยกโทษให้ แต่ฉันก็ยังไม่สามารถทำมันได้อยู่ดี
It takes strength to forgive, but
มันใช้ความกล้าหาญที่จะยกโทษให้ แต่....
.
ปล.ถูกใจการวิเคราะห์แบบนี้ ก็กด Like หรือแจกเหรียญให้ได้นะครับ อิอิ
@... Chanya The Next Monster : ขอคุยแบบเจาะลึกกับเด็กวัย 14 จากเชียงใหม่คนนี้หน่อย ...@
ตอนนี้ข้อมูลเกี่ยวน้องช่วง Pre Debut หลั่งไหลออกมาค่อนข้างเยอะพอสมควร ก็ขอเอามาสรุปในกระทู้นี้ละกันครับ จะได้เอาไว้เป็นกระทู้ที่คุยเกี่ยวกับน้องก่อนเดบิ้ว ผิดพลาดตรงไหนฝากบอกด้วย จะได้เอามาแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้นนะครับ
.
ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการเป็นเด็กฝึกหัด YG
ข้อมูลหลักๆ ก็มาจากที่ YG ชี้แจงในคลิป ว่าเข้ามาฝึกซ้อมภายใต้ YG เป็นระยะเวลา 2 ปี 8 เดือน ให้ AI ประเมินย้อนหลังก็แสดงว่าน่าจะเข้าฝึกช่วงเดือนตุลาคม 2022 และได้เปิดตัวในฐานะเด็กฝึกของโปรเจกต์ YG NEXT MONSTER อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มิถุนายน 2025 ก็แสดงว่าไปฝึกกับ YG ช่วงอายุราวๆ 12 ปี แล้วถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกตอนอายุ 14 ปี ถือว่าได้เปิดตัวตอนอายุน้อยมากๆ แต่ตามกำหนดการคือจะเดบิ้วในอีก 2 ปีข้างหน้า ทำให้ตอนเดบิ้วน่าจะอายุ 16-17 ปี ก็น่าจะเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมแล้ว
.
ช่วงเวลาเข้าฝึก ใกล้เคียงกับน้องชิกิต้าแค่ไหน
บางคนอาจจะถามว่าเข้ามาใกล้ๆ กันหรือเปล่า อันนี้คือข้อมูลที่ถามจาก Grok
วันที่ชิกิต้าเริ่มฝึกที่ YG Entertainment :
ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ระบุว่า ชิกิต้าเริ่มเป็นเด็กฝึกหัดในช่วง เดือนมีนาคม 2564 (ค.ศ. 2021) เข้าฝึกได้สามเดือน ก็ถูกดันเข้าสู่ Line up 10 คนสุดท้ายของ Babymonster ทันที ถือว่าเป็นเด็กฝึกที่มีระยะเทรนน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ YG จากนั้นก็เข้าสู่การเปิดตัว รายการ Last Evaluation อย่างที่เราได้เห็นๆ กัน จนได้เป็น Final Member ของ Babymonster โดยระยะเวลาการฝึกของเธออยู่ที่ประมาณ 1 ปี 9 เดือน ก่อนเดบิวต์กับ BABYMONSTER ในปี 2566
สรุปว่าชัญญ่าเข้าฝึกหลังชิกิต้า และหลังเปิดตัว Project Babymonster แล้ว ก็เป็นเด็กฝึกกลุ่มใหม่ที่ถูกเทรนเพื่อเป็น New GG ต่อจาก Babymonster นั่นเอง แล้วถ้าหยางไม่โกหก ปีหน้าน้องจะได้ปล่อยเพลง Single ของตัวเอง และทำ MV ออกมาด้วยทั้ง 4 คน ก็ต้องรอดูว่า YG จะทำตามที่พูดไว้จริงหรือเปล่า ถ้าเด็กๆ พร้อมโชว์ ผมว่าหยางทำแน่ๆ
.
ข้อมูลก่อน Audition ใน YG
จากคลิปที่คุณแม่ของน้องเขียนถึงน้อง สรุปได้ใจความว่าน้องเป็นคนที่สนใจการเต้นมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากเต้นบัลเลต์ก่อนในวัยเด็ก แล้วก็ขยับเข้าสู่วงการเต้น Cover ฝึกเต้นที่ C.N.X Dance Studio ของเชียงใหม่ แล้วแม่ก็ส่งคลิป Audition ไปให้ค่ายต่างๆ แล้วในที่สุด YG ก็ตอบรับมา ก็ต้องมาพูดคุยกันพอสมควร เพราะน้องยังเรียนชั้นประถมอยู่ การจะปล่อยให้ลูกสาวไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจกันพอสมควร สุดท้ายน้องก็ตัดสินใจไปฝึกที่เกาหลีเลยตั้งแต่ที่อายุราวๆ 11-12 ปี
น้อง Audition มาในฐานะนักเต้น ไม่ได้เทรนด้านการร้องเพลงมาก่อน มาฝึกร้องเป็นเรื่องเป็นราวตอนเข้าเทรนที่ YG นี่เอง และทำได้ดีมาก จนได้ตำแหน่ง Vocal ในวงมา
ใครอยากฟังรายละเอียดเพิ่มเติม ก็ฟังในคลิปด้านล่างได้ครับ
.
เพลงต้นฉบับ : The Groudge by Olivia Rodrigo
เพลงที่น้องเลือกมาร้องคือเพลงของ Olivia Rodrigo ชื่อเพลง The Grudge ซึ่งถือว่าเป็นเพลงที่ยากมากๆ เพลงนึง โจทย์ของการฝึกอาจจะให้ท้าทายตัวเอง เลือกเพลงที่ยากๆ แบบเกิน Limit ตัวเอง เพราะอย่างน้อง Evelli เองก็เลือกเพลง Rap ที่ยากมากๆ อย่าง Nose Bleed เช่นเดียวกัน
สำหรับน้อง Chanya ผมถือว่าน้องเอาเพลงนี้ได้อยู่หมัดเลย ทั้งๆ ที่เป็นเพลงที่ยากมาก ใครที่บริหารลมหายใจไม่ดี อาจจะหมดลมได้ง่ายๆ เลย Breath control ต้องดีมากๆ จริงๆ ถึงจะร้องเพลงนี้ได้ และที่สำคัญที่สุดคือการส่งอารมณ์เพลงไปให้ถึงคนฟัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เพลงของ Olivia มีจุดเด่นมากที่สุด
โดยเฉพาะเพลงนี้ หลายคนบอกว่าเป็นเพลงที่ Emotional มากที่สุดเพลงนึงของ Olivia เลย ถึงขั้นที่เธอเองเคยร้องไห้ออกมาตอนร้องเพลงนี้ช่วงทัวร์เลยทีเดียว แสดงว่าคงมีความหลังกับเพลงนี้พอสมควร แต่งเอง เขียนเอง ร้องเอง อินเอง ครบเซ็ต
หลายคนอาจจะไม่เคยฟังเพลงนี้ เพราะไม่เป็นเพลงที่ทำ MV แล้วโปรโมทอย่างเป็นทางการออกมาเหมือนเพลงดังๆ ของ Olivia แต่ก็ถือว่าเป็นเพลงที่ดังมากๆ เพลงนึงของเธอทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้โชว์เพลงนี้เท่าไหร่นัก
ก่อนฟังน้องร้อง มาฟังต้นฉบับเขาร้องก่อนดีกว่าครับ ว่าเขาร้องแบบสดๆ เป็นยังไงบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายทอดอารมณ์ออกมาสู่คนฟัง ต้นฉบับร้อง และถ่ายทอดอารมณ์ออกมายังไง ใช้เทคนิคแบบไหนในการดึงอารมณ์คนฟัง ให้ตรึงอยู่กับเพลงได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งจะเห็นเลยว่า Olivia ทำได้ดีมาก ไม่แปลกเลยที่เธอจะกลายมาเป็นไอดอลของสาวๆ วัยรุ่นในยุคนี้ ไม่ต่างกับช่วงต้นปี 2000 ที่วัยรุ่นมีไอดอลเป็นเทเลอร์ สวิฟเลย
เวอร์ชั่นแรก The Grudge (Live Debut) Ace Theatre 2023 ( กด watch on YouTube เพื่อฟังเพลง) :
เวอร์ชั่นนี้นั่งร้องสบายๆ ฟังเสียงสดๆ กันชัดๆ จะเห็นได้ว่าในเวอร์ชั่นนี้ Olivia เล่นกับโทนเสียงแบบหลากหลาย มีหนัก มีเบา เพลงจะมาแนวบ่นๆ ปนทำนอง ซึ่งถือเป็นสไตล์ที่ชัดเจนของเธอ ฟังแล้วรู้เลยว่าเป็นเพลงของ Olivia แต่มันก็ทำให้ร้องได้ยากมากๆ ถ้าหลุดไปสักนิดอาจจะตามเมโลดี้ไม่ทันแล้วต้องรวบคำเพื่อไล่ตาม ทำให้กลายเป็นร้องแล้วฟังไม่ชัดได้ง่ายๆ เลย แต่ olivia ร้องแม้จะฟังดู Cursive หรือหวัดๆ เสียงไปบ้าง แต่ชัดเจนทุกคำ ฟังรู้เรื่องหมด
การร้องแบบ Cursive ไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่ยังฟังรู้เรื่องนะครับ โรเซ่เองก็มาสไตล์นี้เหมือนกันคือปลายเสียงจะหวัดๆ เพื่อเล่นกับเมโลดี้ของเพลง
แต่ถ้าคนที่ร้องสำเนียงไม่ดี ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ก็อาจจะร้องให้ชัดเจนได้ยากครับ คนฟังอาจจะฟังไม่ออกได้เหมือนกันในบางท่อน
สำหรับเพลงนี้ จุดเด่นก็ยังคงเป็นเรื่องของการสื่อสารอารมณ์ผ่านบทเพลงให้ได้ เพราะเนื้อเพลงมันจะมาแนว Olivia คือเล่นกับเนื้อเสียง และทำนองเพลง แต่จะมาแบบรัวๆ ยาวๆ จนแทบไม่มีช่องให้หายใจในบางท่อน ดังนั้นต้องบริหารลมหายใจเก่งมากๆ ถึงจะรอด แม้กระทั่งเจ้าตัวเอง ท่อน ฮู่ ฮู่ ฮู้ ท่อนที่สอง ก็ไม่ได้ร้องติดๆ กันนะ มีเว้นไว้กันลมไม่พอในท่อนท้ายเหมือนกัน
.
ดังนั้นคนร้องต้องดึงอารมณ์ของคนฟังไปด้วยกันให้ได้ และพลังที่ใช้ในการร้องต้องสมดุลย์มากพอที่จะไม่โดนเสียงร้องของคนดูกลบ ดังนั้นจะมาร้องง่ายๆ ชิลๆ แบบคลิปด้านบนก็ไม่ได้เช่นกัน ทำให้ในเวอร์ชั่นนี้จะได้เห็นแนวทางการสื่อสารบทเพลงในอีกรูปแบบนึง และทำให้เพลงตรึงอารมณ์คนได้แบบอยู่หมัด
ในเวอร์ชั่นนี้ก็เช่นกัน ท่อนเสียงลม ฮู่ ฮู่ ฮู้ ท่อนที่สอง ก็ไม่ได้ร้อง มีการเซฟลมหายใจไว้เพื่อร้องท่อนถัดไป เพราะต้องใส่พลังกับท่อนนั้นเยอะมาก ไม่คุ้มเสี่ยงที่ร้องติดกันจนพลาดในท่อนสำคัญ เพราะท่อนนี้คือท่อนที่อารมณ์ทุกอย่างที่ปูมาจะถูกบิ้วให้มาระเบิดที่ท่อนนี้
จากนั้นก็เข้าท่อนสุดท้าย รำพันกับตัวเองเบาๆ ถึงความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ซึ่งส่วนมากเพลงของ Olivia จะมีท่อนจบประมาณนี้ทั้งนั้น ดังนั้นท่อนสุดท้ายจะไม่ใช่ท่อนใส่พลัง เพราะมันจะระเบิดไปหมดแล้วที่ท่อนไฮไลท์ก่อนหน้า ท่อนปิดคือท่อนสื่ออารมณ์สุดท้ายก่อนจบเพลงเท่านั้นเอง
...
เนื้อหาของเพลง
อีกสิ่งสำคัญในการฟังเพลงนี้คือเนื้อเพลง หลายคนอาจจะไม่เข้าใจเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ ก็เลยขอแปลเนื้อเพลงออกมาเป็นภาษาไทยให้ลองทำความเข้าใจกันดูด้วยครับ จะได้ดูว่าน้องร้อง และถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมากน้อยแค่ไหนด้วย บางท่อนอาจจะไม่ได้แปลตรงตัว แต่พยายามจะคงเนื้อหาที่คนแต่งต้องการจะสื่อให้ใกล้เคียงมากที่สุดครับ
I have nightmares each week about that Friday in May
ฉันเจอกับฝันร้ายในทุกอาทิตย์ เกี่ยวกับวันศุกร์นั้นของเดือน พค.
One phone call from you and my entire world was changed
การโทรมาของคุณครั้งนั้น ทำให้โลกของฉันเปลี่ยนไป
Trust that you betrayed, confusion that still lingers
ความเชื่อใจที่ถูกคุณหักหลัง และความสับสนที่ยังคงไม่จางหาย
Took everything I loved and crushed it in between your fingers
เธอพรากทุกสิ่งที่ฉันรัก และบดขยี้มันจนแหลกสลายภายใต้เงื้อมือของเธอ
And I doubt you ever think about the damage that you did
และฉันได้แต่สงสัยว่าเธอเคยคิดบ้างมั้ย เกี่ยวกับความพังทลายที่คุณทำไป
But I hold onto every detail like my life depends on it
และฉันได้แต่ยึดกับกับทุกรายละเอียดเหล่านั้น ราวกับว่าชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับมันเรื่อยมา
My undying love, now I hold it like a grudge
ความรักที่ไม่มีวันเลือนหายของฉัน ที่ฉันได้แต่ยึดติดกับมันด้วยความคลั่งแค้นในใจ
And I hear your voice every time that I think I'm not enough
และฉันได้กินเสียงนั้นของคุณเสมอ ว่าฉันยังดีไม่พอสำหรับคุณ
.
And I try to be tough, but I wanna scream
ฉันพยายามจะเข้มแข็ง แต่ก็อยากกรีดร้องออกมา
How could anybody do the things you did so easily?
ทำไมคนอย่างคุณถึงทำสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายดายเหลือเกิน
And I say I don't care, I say that I'm fine
ฉันบอกว่าฉันไม่แคร์ ฉันสบายดี
But you know I can't let it go
แต่เธอรู้มั้ย ว่าฉันไม่อาจปล่อยผ่านมันไปได้อย่างที่พูดเลย
I've tried, I've tried, I've tried for so long
ฉันพยายาม พยายาม พยายามมาอย่างเนิ่นนาน
It takes strength to forgive, but I don't feel strong
มันใช้ความกล้าหาญที่จะยกโทษให้ แต่ฉัน... ไม่ได้กล้าหาญมากพอ...
.
Ooh, do you think I deserved it all?
เธอคิดว่าฉันควรได้รับสิ่งเหล่านี้เหรอ?
Ooh, your flowers filled with vitriol
ดอกไม้ของคุณตอนนี้ถูกเติมแต่งไปด้วยคำพูดที่แสนปวดใจ
You built me up to watch me fall
เธอสร้างฉันขึ้นมาเพื่อที่จะดูฉันพังทลายลงไปงั้นเหรอ
You have everything and you still want more
เธอได้มันไปทุกอย่างแล้ว แต่ยังต้องการมากขึ้นอีกงั้นเหรอ
I try to be tough, I try to be mean
ฉันพยายามที่จะเข้มแข็ง ฉันพยายามที่จะไม่สนใจ
But even after all this, you're still everything to me
แต่แม้ว่าจะพยายามขนาดนั้น แต่เธอก็ยังคงเป็นทุกอย่างของฉันอยู่ดี
And I know you don't care, I guess that that's fine
และฉันรู้ว่าเธอไม่เคยสนใจ ฉันพยายามจะยอมรับมัน
But you know I can't let it go
แต่เธอรู้มั้ย ... ฉันไม่อาจปล่อยมันไปได้เลย...
I've tried, I've tried, I've tried for so long
ฉันพยายาม พยายาม พยายามมาอย่างเนิ่นนาน
It takes strength to forgive, but I'm not quite sure I'm there yet
มันใช้ความกล้าหาญที่จะยกโทษให้ แต่ฉันก็ยังไม่สามารถทำมันได้อยู่ดี
It takes strength to forgive, but
มันใช้ความกล้าหาญที่จะยกโทษให้ แต่....
.
ปล.ถูกใจการวิเคราะห์แบบนี้ ก็กด Like หรือแจกเหรียญให้ได้นะครับ อิอิ