วันดับสูญ บทที่ 13 สู่ความมืดมิด

กระทู้สนทนา
         13. สู่ความมืดมิด
 
         วิวัฒน์นั่งนิ่งอยู่ภายในห้องพักของตนเพียงลำพัง แม้วันนี้ชายหนุ่มจะตื่นเช้าและลุกจากที่นอนเพื่อจัดการตัวเองเร็วกว่าปกติ แต่หลังจากผ่านพ้นมื้อเช้าที่ห้องอาหารแล้ว เขาก็ไม่ได้ออกจากห้องไปไหนอีกเลย

         นั่นเพราะงานทุกอย่างจบลงแล้ว การเตรียมการทั้งหมดเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก้าวแรกแห่งประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของมวลมนุษยชาติจะเกิดขึ้น และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเหล่าผู้ถูกคัดเลือกบนบ้านหลังเก่าใบนี้

         ประมาณหนึ่งปีแล้วที่เขาใช้ชีวิตอยู่แต่ภายในองค์กร โดยแทบไม่ได้รับรู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหว หรือการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของโลกภายนอกเลย ไม่ใช่ว่าเพราะองค์กรบังคับกีดกัน แต่มันคือความต้องการของเขาเอง

         เรื่องราวของใครหรืออะไรก็ตามจากโลกภายนอก อาจทำให้เขารู้สึกไขว้เขวขาดสมาธิ จนไม่สามารถทำงานหรืออยู่ที่นี่ต่อไปได้...นั่นคือเหตุผลประการหนึ่ง

         ส่วนอีกประการเป็นเรื่องที่องค์กรตรวจพบข้อมูลสภาพอากาศอันแปลกประหลาดตั้งแต่เมื่อราวครึ่งปีก่อน ที่อุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดในแต่ละวันมีค่าห่างกันมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งการเหวี่ยงแกว่งขึ้นลงสูงสุดต่ำสุดแบบสุดขั้ว ก็มีความถี่มากขึ้นตามไปด้วยอย่างชัดเจนจนน่าใจหาย

         สัญญาณที่ตรวจจับได้เหล่านั้นว่าน่ากลัวแล้ว แต่ที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าก็คือการที่สภาพอากาศซึ่งดูเหมือนวิปริตผิดเพี้ยนไปหมดแล้วพวกนี้ กลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันถัดมา แล้วหลังจากนั้นมันก็ผันผวนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้นในแบบสุ่ม ชนิดที่เรียกได้ว่าไร้รูปแบบอย่างสิ้นเชิง

         ไม่คงที่สม่ำเสมอ ไม่มีระยะเวลาแน่นอนตายตัว ไม่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของวัน ไม่สัมพันธ์กับฤดูกาล ไม่สอดคล้องกับเหตุปัจจัยแวดล้อมใด ๆ เลยสักนิด

         เมื่อชุดข้อมูลความรู้ที่เคยมีเคยใช้มาตลอด คล้ายถูกเขียนครอบไว้ด้วยโค้ดลับที่ยังตีความไม่ออก กฎกติกาซึ่งเคยได้ผลและถูกยึดถือว่านั่นคือความจริงจึงถูกล้มกระดาน ความคลุมเครือจากความไม่รู้ที่มากเกินไป ส่งผลให้ความไม่แน่นอนสูงเกินจะรับได้

         สุดท้ายความมั่นใจในการคิดคำนวณ เพื่อคาดการณ์อุบัติการณ์ที่จะเกิดขึ้นและเป็นไปในอนาคต จึงลดต่ำลงมากจนแทบกลายเป็นศูนย์

         ยิ่งปล่อยให้นานวันความเสี่ยงก็รังแต่เพิ่มมากขึ้นจนอาจถึงจุดที่สายเกินแก้ เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกอย่างเดินไปสู่ความล้มเหลวทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มอะไรเลย ทางออกที่เรียบง่ายและได้ผลดีที่สุดก็คือ การรีบเดินทางออกจากโลกใบนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเอง

         เพราะอย่างนั้น วันเดินทางจากเดิมที่ยังมีเวลาให้ได้ตระเตรียมการอะไรต่อมิอะไรพอสมควร จึงถูกเลื่อนให้กระชั้นเข้ามาจนสรุปได้เป็นวันนี้ และเพื่อชดเชยเวลาที่จู่ ๆ ก็หายไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แรงกายแรงใจรวมถึงทุกสิ่งที่มีจึงต้องถูกนำมาใช้เพิ่มขึ้นจนเกินหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

         เพื่อให้มั่นใจว่าเขาได้ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ไปเรียบร้อยแล้ว ให้แน่ใจว่าเขาเทหมดหน้าตักเดิมพันทุกสิ่งกับอนาคตใหม่ในครั้งนี้แล้ว ความผิดพลาดด้วยเหตุแค่เพราะคาดไม่ถึงต้องไม่มี ความประมาทเลินเล่อที่เล็กน้อยที่สุดต้องไม่เกิดขึ้นเท่านั้น

         แค่เหตุผลสองประการนี้ก็ทำให้แทบไม่เหลือเวลาส่วนตัวแล้ว นับประสาอะไรกับการต้องแบ่งเวลาเพื่อไปใส่ใจเรื่องอื่นที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ในวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวานแห่งความเป็นความตายนี้อีก

         ถ้าหากพอมีเวลาให้ได้พักหายใจสักหลายวินาทีแล้วละก็ วิวัฒน์จะเลือกใช้ช่วงที่มีน้อยเท่าน้อยเหล่านั้นในการเรียนรู้ หยิบจับ หรือพูดคุยเสนอข้อคิดเห็นต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์เท่าที่ทำได้ แม้ว่ามันจะดูเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม
 

         เมื่อเดินทางไปถึงโลกใบใหม่แล้ว เรื่องเร่งด่วนที่สุดซึ่งควรต้องทำเป็นอันดับแรกคือเรื่องใด สิ่งแรกที่ควรต้องคิดคำนึงถึงคือสิ่งใด จะจัดการเรื่องหรือสิ่งนั้นด้วยวิธีการใดให้สะดวกและราบรื่นที่สุด

         เพื่อการรองรับแรงดึงดูดที่มากกว่าเดิมถึงกว่าสองเท่า วัตถุดิบและวัสดุที่นำมาใช้ปลูกสร้างควรเป็นประเภทใด จะหาพวกมันในปริมาณมากได้จากที่ไหน อาคารบ้านเรือนควรมีรูปทรงหรือต้องการการเสริมป้องกันอะไรเป็นพิเศษไหม

         การฝึกฝนเพื่อปรับตัวระหว่างการเดินทางในยานโนอาห์ ทั้งเรื่องแรงดึงดูดรวมถึงฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป มีความเหมาะสมและสามารถเห็นผลได้จริงใช่หรือไม่ ควรต้องลด เพิ่ม หรือปรับปรุงจุดไหนอีกไหม จะประเมินผลการฝึกฝนได้อย่างไร

         ถ้าแผนการเดินทางเกิดการเปลี่ยนแปลง โปรแกรมการฝึกฝนทั้งหมดต้องทำการปรับเปลี่ยนตามไปด้วยหรือไม่

         ลำดับการสร้างสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดรวมถึงการขยายเผ่าพันธุ์ให้แก่พวกมัน มีความจำเป็นต้องจัดโซนในช่วงแรกหรือไม่อย่างไร และทั้งหมดนั้นจะออกมาในรูปแบบใด

         แล้ววิธีการและขั้นตอนการเพิ่มจำนวนประชากรโลกใหม่ล่ะ...
 

         นี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวที่วิวัฒน์เคยได้พูดคุย รวมถึงตั้งคำถามแก่ดอกเตอร์โทมัสและทีมงานของเขา แน่นอนว่าเรื่องใหญ่เหล่านี้ย่อมถูกวางแผนคิดคำนวณไว้อย่างรอบคอบแล้ว

         แต่ใครจะแน่ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ล่ะ ว่าจะไม่เหลือช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดใด ๆ อีกแล้ว การสนทนาของวิวัฒน์ก็เพื่อค้นหา และทำให้ความไม่แน่ใจเหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นละ
 

         “ดอกเตอร์โทมัสครับ เราควรแบ่งทีมงานส่วนหนึ่งเพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนี้ ในการตระเวนติดตั้งกล้องสังเกตการณ์ให้ได้มากที่สุด ให้ทั่วทุกมุมโลกที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”
 

         การที่คนรุ่นใหม่จะได้เห็นด้วยตาตัวเองว่า เคยเกิดอะไรขึ้นกับโลกแสนงดงามใบเก่า การกระทำอย่างปราศจากการยั้งคิดของเหล่าบรรพบุรุษ ส่งผลให้ทุกอย่างเดินมาถึงจุดสิ้นสุดได้อย่างไร

         ประวัติศาสตร์เหล่านี้อาจทำให้ได้ตระหนักและระมัดระวังยิ่งขึ้น ต่อการกระทำใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบนโลกใบใหม่ เรียนรู้ป้องกันไม่ให้เดินซ้ำรอยเดิมเพื่อที่จะได้ไม่วกกลับมายังจุดจบจุดเดิมอีก

         นี่คือหนึ่งในแนวคิดเล็ก ๆ ของระบบการศึกษาที่วิวัฒน์นำเสนอ ซึ่งก็ทำให้บรรดาทีมงานได้ฉุกใจคิดจนเกิดการถกเถียงกันอย่างจริงจัง ทั้งในแง่ประโยชน์ที่จะได้รับตลอดจนถึงความเหมาะสมด้านศีลธรรม

         ในหลาย ๆ ครั้งที่ความดีเลวมักมีเรื่องเหตุปัจจัยและเวลามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องที่ถูกตัดสินว่าไม่ดีในสถานการณ์หนึ่งอาจจะดีในอีกสถานการณ์หนึ่ง เมื่อวันเวลาผันผ่าน...สิ่งที่ไม่ถูกต้องอาจกลับกลายเป็นเรื่องที่เหมาะสมก็เป็นได้

         สุดท้ายแล้วการดำเนินการติดตั้งกล้องสังเกตการณ์ทั่วทั้งโลกก็ได้รับการอนุมัติ ส่วนเรื่องการบรรจุให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการศึกษา ก็ยังคงปล่อยให้ค้างคาไว้เพื่อให้สิ่งที่เรียกว่าความไม่แน่นอนในอนาคตได้ทำหน้าที่ของมันต่อไป

         เจ้าหน้าที่คนหนึ่งปรากฏตัวให้เห็นเมื่อบานประตูเปิดเลื่อนออก หลังจากทำความเคารพแล้วก็เอ่ยออกมา

         “ได้เวลาแล้วครับ ดอกเตอร์วิวัฒน์”

         ผู้ถูกเรียกชื่อพยักหน้าแสดงอาการตอบรับ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเหลียวมองไปจนถ้วนทั่วห้องพัก ที่ตนเองได้ใช้ชีวิตมาตลอดเกือบหนึ่งปี แม้ไม่ถึงขนาดเรียกได้ว่าผูกพันแต่อย่างน้อยก็น่าจะเป็นความคุ้นชิน ที่ทำให้รู้สึกหน่วงหนักแปลก ๆ ในอก จนถึงกับต้องถอนหายใจออกมา

         อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านับจากนี้ ยานโนอาห์จะถูกปล่อยให้ทะยานทะลุชั้นฟ้า ขึ้นไปสู่อวกาศอันกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด และไม่หวนกลับคืนมาสู่โลกใบเก่าใบนี้อีกเป็นหนที่สอง...ตลอดกาล

         เขารำพึงรำพันกับตัวเองเบา ๆ แล้วจึงก้าวเท้าเดินตามผู้นำทางไป

         “ลาก่อน”
 

         สิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งปวงบนโลกใบนี้ล้วนไม่ชอบเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ เพราะการที่ไม่สามารถคาดคะเนสิ่งใดได้อาจนำมาซึ่งความไม่แน่นอน ที่ส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกไม่มั่นคงในจิตใจ

         เพราะมนุษย์เองก็เป็นสิ่งมีชีวิต และก็เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น จะนำพาสิ่งที่เรียกว่าความไม่แน่นอนติดตัวมาด้วยเสมอ เช่นนั้นแล้ว...มนุษย์จึงไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ด้วยเพราะหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้นั่นเอง

         ทว่าขณะนี้กลับมีมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ที่กำลังทลายกำแพงแห่งความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไป พวกเขากำลังเริ่มก้าวเท้าออกเดินไปสู่ดินแดนแห่งความไม่รู้ เพื่อท้าทายสิ่งใดก็ตามซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สำคัญที่สุดสำหรับมวลมนุษยชาติ

         การเดินทางเที่ยวเดียวที่ไม่เหลือหนทางให้ย้อนกลับในครั้งนี้ จะประสบผลสำเร็จราบรื่นดีหรือไม่ ในจักรวาลล้ำลึกมืดมิดสุดหยั่งที่ไม่อาจล่วงรู้ชะตากรรม จะสร้างเส้นทางแห่งอนาคตเส้นใหม่ได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ

         โลกใบใหม่ใบนั้นจะเอื้ออารีแก่เรา เป็นบ้านหลังใหม่ที่ยินดีต้อนรับเราอย่างอบอุ่น ให้เราได้ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขไม่ต่างไปจากโลกใบนี้ ได้นานเท่านานตราบจนชั่วลูกชั่วหลานอย่างนั้นใช่ไหม

         คำถามซึ่งเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย ล่องลอยกระจัดกระจายเคว้งคว้างอยู่ในห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถล่วงรู้คำตอบได้หากไม่ออกไปไขว่คว้าค้นหามันด้วยตัวเองที่ภายนอกนั้น

         ทว่านี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำให้ต้องลังเลถอยหลังกลับ ภารกิจนี้เดินทางมาไกลจนเกินกว่าที่จะถอดใจล้มเลิกกลางคันแล้ว

         ทุกอย่างควรจะต้องสำเร็จลงเอยได้ด้วยดีตามทฤษฎี ตามข้อมูลที่ศึกษามาอย่างมากมายมหาศาล จากการคำนวณอันละเอียดถี่ถ้วนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ควรมีแม้แค่จะเพียงเศษเสี้ยวของความผิดพลาด

         ใช่...มันต้องไม่เป็นอย่างนั้น ทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ เวลานี้พวกเขาทั้งหมดต้องเชื่อมั่นในความเชื่อแบบนี้เท่านั้น

         เมื่อเวลาแห่งการนับถอยหลังสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เดินทางมาถึงจุดสุดท้ายที่เลขศูนย์ เสียงกึกก้องกัมปนาทจากการจุดระเบิดของเครื่องยนต์หลายสิบตัว ส่งให้เปลวพลังงานไอพ่นปลดปล่อยความร้อนกระจายออกไปทุกทิศทาง

         แผ่นดินสั่นสะเทือนราวกับนี่คือวันมหาวิบัติ เหล่าสัตว์น้อยใหญ่มีท่าทีตื่นตระหนกและต่างพากันหนีตายจ้าละหวั่นอย่างสุดกำลัง เท่าที่ความคิดและความสามารถของพวกมันจะทำได้

         ยานโนอาห์เร็วขึ้นและยังคงเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งความเร็วสูงเกินกว่าสี่หมื่นสามร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคือความเร็วหลุดพ้นที่จะทำให้สามารถเอาชนะแรงดึงดูดของโลกได้

         โทรโพสเฟียร์ที่ความสูงศูนย์ถึงสิบกิโลเมตร สตราโทสเฟียร์ที่ความสูงสิบถึงห้าสิบกิโลเมตร มีโซสเฟียร์ที่ความสูงห้าสิบถึงแปดสิบกิโลเมตร เทอร์โมสเฟียร์ที่ความสูงแปดสิบถึงหกร้อยกิโลเมตร และเอกโซสเฟียร์ที่ความสูงมากกว่าหกร้อยกิโลเมตร

         ไม่กี่อึดใจที่ยานใช้เวลาในการทะยานผ่านชั้นบรรยากาศทั้งห้าของโลก สีฟ้าและขาวอันสดใสซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำอันเงียบเชียบเปล่าเปลี่ยวแห่งความตาย

         เมื่อแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ายานโนอาห์ได้พาตัวเองให้ผ่านพ้นจากช่วงวิกฤติที่สุดของการเดินทางออกจากโลก ทุกอย่างสงบนิ่งและกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ระบบความปลอดภัยอัตโนมัติจึงถูกปลดออก ให้ผู้โดยสารได้ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้นยืดสาย หรือทำกิจกรรมใด ๆ เพื่อเป็นการผ่อนคลายตามแต่ใจคิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่