หาคำตอบ ธนาคารผู้ดูแลเงินของโบรกเกอร์มีความแตกต่างอย่างไร?

นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในตลาด Forex มักเข้าใจว่า เงินที่ลงทุนกับโบรกเกอร์ จะถูกเก็บแยกไว้ในบัญชีที่แยกต่างหาก (แยกจากเงินทุนของบริษัทโบรกเกอร์) เพื่อความปลอดภัย แต่มีส่วนน้อยที่จะรู่ว่า โบรกเกอร์ที่นำเงินเราไปกับเก็บไว้กับธนาคาร นั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ แต่ละธนาคารแตกต่างกันอย่างไร? ซึ่งก่อนการลงทุน หรือเลือกโบรกเกอร์ควรจะศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะจะนำไปสู่ความมั่นคงในระยะยาว และลดความเสี่ยงที่อาจเกกิดขึ้นได้

ในบทความนี้ เราจะไปเจาะลึกถึงธนาคารผู้ดูแลเงินของโบรกเกอร์ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร?

1.การจัดอันดับระดับธนาคาร: Tier 1, Tier 2, Tier 3 และระดับความปลอดภัยของเงินทุน
ก่อนอื่น นักลงทุนควรเข้าใจว่า ธนาคารถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับหลัก คือ Tier 1, Tier 2, Tier 3

โดยแต่ละระดับจะมีมาตรฐานการคุ้มครองเงินทุนแตกต่างกันตามระดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งเทียบได้กับอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ดังนี้:
Tier 1: ธนาคารระดับ AAA (อันดับสูงสุด)
Tier 2: ธนาคารระดับ AA
Tier 3: ธนาคารระดับอื่น ๆ ต่ำกว่า

-ธนาคาร Tier 1 (AAA Rating) ถือเป็นกลุ่มธนาคารชั้นนำของโลก มีจำนวนจำกัดไม่เกิน 20 แห่ง เช่น Barclays (อังกฤษ) และ HSBC (อังกฤษ) เป็นต้น

ธนาคารกลุ่มนี้เป็นตัวแทนของความปลอดภัยสูงสุดสำหรับเงินทุนลูกค้า จึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งที่นักลงทุนควรมองหาเมื่อต้องการความมั่นคงสูงสุด

-ธนาคารระดับ Tier 2 และความเสี่ยงที่นักลงทุนควรเข้าใจ
ธนาคารระดับ Tier 2 คือ กลุ่มธนาคารที่มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ยังไม่เทียบเท่ากับธนาคารชั้นนำระดับ Tier 1 เช่น Silicon Valley Bank (SVB) และ Credit Suisse

แม้ว่าธนาคารเหล่านี้จะมีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีความเสี่ยงจากสภาพคล่องในตลาดโลกสูงกว่าธนาคารระดับสูงสุด

แล้วถ้า Tier 2 ล้มละลายล่ะ?
หากธนาคารระดับ Tier 2 ประสบปัญหาล้มละลาย เงินทุนที่ฝากไว้จะถูกดำเนินการตามกระบวนการล้มละลายของธนาคาร ไม่มีการรับประกันว่าจะได้เงินคืนเต็มจำนวน หรือเท่าไหร่ เว้นแต่จะมีระบบประกันเงินฝาก (Deposit Protection Scheme) จากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศนั้น ๆ

ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาต FCA ในอังกฤษ จะได้รับการคุ้มครองโดยแผน FSCS (Financial Services Compensation Scheme) ซึ่งให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 85,000 ปอนด์

-ธนาคารระดับ Tier 3
สำหรับธนาคารระดับ Tier 3 นั้น มีความเสี่ยงสูงกว่ามาก ทั้งในเรื่องความปลอดภัยและความสามารถในการรับมือวิกฤติ

ข้อแนะนำสำหรับนักลงทุน
เมื่อต้องเลือกโบรกเกอร์ ควรเน้นที่แพลตฟอร์มที่ใช้ธนาคารระดับ Tier 1 เป็นผู้ดูแลเงินทุน เช่น โบรกเกอร์ EBC จำนำเงินของลูกค้าแยกฝากไว้กับ Barclays Bank ซึ่งเป็นการรับประกันความปลอดภัยและลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

2.คุณสมบัติการชำระบัญชี (Clearing Qualification) สำคัญอย่างไร?
การเทรดในตลาด Forex เกี่ยวข้องกับการโอนเงินและการชำระยอดบัญชี (Clearing & Settlement) ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องอาศัยบริการจาก ธนาคารที่มีคุณสมบัติพิเศษด้านการชำระบัญชี (Clearing Bank) เท่านั้นที่จะสามารถดำเนินการได้

ธนาคารที่มีคุณสมบัติการชำระบัญชี มีจำนวนน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องทำการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (International Settlement)
ธนาคารที่ได้รับสิทธิ์นี้ ถือเป็นธนาคารชั้นนำระดับโลกที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุด

ตัวอย่างความสำคัญของ Clearing Bank
ในวิกฤตการณ์การเงินปี 2008 เมื่อ Lehman Brothers ต้องเข้าสู่กระบวนการชำระบัญชี กระบวนการนี้กินเวลานาน และสุดท้ายได้รับการจัดการโดยธนาคารสองแห่ง คือ Barclays Bank และ BNP Paribas (ฝรั่งเศส) ซึ่งทั้งสองเป็นธนาคารระดับ Tier 1 ที่มีคุณสมบัติการชำระบัญชีขั้นสูงสุด

ธนาคารที่มีบัญชีแยกประเภทความปลอดภัย AAA กับการให้บริการชำระบัญชี (Clearing Service) ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน
แม้บางโบรกเกอร์จะมีบัญชีเงินฝากแยกที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยระดับ AAA (AAA-rated segregated account) แต่ไม่ได้หมายความว่า ธนาคารที่เปิดบัญชีให้กับโบรกเกอร์นั้น จะสามารถให้บริการ ชำระบัญชี (Clearing Service) โดยตรงได้เสมอไป ดังนั้น หากโบรกเกอร์ใดอ้างว่าสามารถเปิดบัญชี Clearing Account ได้ นักลงทุนควรตรวจสอบว่า ธนาคารเบื้องหลังโบรกเกอร์นั้นคือธนาคารใด และมีคุณสมบัติการชำระบัญชีหรือไม่?

ข้อดีของ บัญชี Clearing Account มีความชัดเจนมาก เพราะธนาคารที่มีคุณสมบัติให้บริการชำระบัญชี จะถูกควบคุมดูแลด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าธนาคารทั่วไป ทั้งในด้านการกำกับดูแล (Regulation) และระบบควบคุมภายใน (Internal Controls) นอกจากนี้ ธนาคารเหล่านี้ยังมีเส้นทางชำระบัญชีที่เป็นอิสระ (Independent Clearing Channels) ซึ่งช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยของเงินทุนให้สูงขึ้นอย่างมาก

3.จุดสำคัญที่ต้องพิจารณา นอกจากคุณสมบัติธนาคาร
จากข้อมูลข้างต้น เราสามารถสรุปได้ว่า ทางเลือกที่ดีที่สุดคือเลือกโบรกเกอร์ที่ใช้ธนาคารระดับชำระบัญชี (Clearing Bank) ที่เป็น Tier 1 ซึ่งถือเป็นระดับธนาคารชั้นนำที่มีความปลอดภัยสูงสุด

หากพิจารณาแค่ข้อกำหนดนี้ ก็สามารถกรองออกได้ทันทีว่าโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ในตลาด ไม่ได้ใช้ธนาคาร Tier 1 ในการดูแลเงินทุนลูกค้า

ตัวอย่างของ EBC
EBC มีใบอนุญาตกำกับดูแลระดับสูง ได้แก่ FCA (อังกฤษ), ASIC (ออสเตรเลีย), CIMA (หมู่เกาะเคย์แมน) ด้วยเหตุนี้ EBC จึงสามารถเปิดบัญชี Corporate Banking Account ระดับสูงสุดกับ Barclays Bank ได้ ซึ่งถ้าโบรกเกอร์ใดไม่มีใบอนุญาตกำกับดูแลที่แข็งแรงระดับนี้ โอกาสที่จะเปิดบัญชีในธนาคารระดับ Tier 1 นั้นแทบไม่มีเลย
ข้อควรระวัง: ธนาคารผู้ดูแลเงินของคุณเป็นธนาคารระดับ Tier 1 จริงหรือไม่?
บางโบรกเกอร์ อาจอ้างว่าเงินทุนของลูกค้าได้รับการเก็บแยกไว้ในธนาคารชั้นนำ แต่ความจริงอาจซ่อนเงินของคุณไว้ในธนาคารขนาดเล็กหรือธนาคารระดับต่ำ ซึ่งหมายความว่า เงินทุนของคุณไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างแท้จริง

วิธีตรวจสอบง่าย ๆ ก่อนลงทุนเพิ่ม
ก่อนจะโอนเงินจำนวนมากเข้าไป ควรลองฝากเงินจำนวนเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบว่า บัญชีที่คุณโอนเข้าไปตรงกับ บัญชีที่โบรกเกอร์แสดงว่าเป็นบัญชีแยกของธนาคารผู้ดูแล หรือไม่?

โบรกเกอร์ที่มีคุณภาพมักจะเปิดเผยข้อมูลบัญชีธนาคารเหล่านี้อย่างโปร่งใส

สรุป
คุณสมบัติของธนาคารผู้ดูแลเงินแบบแยกบัญชี (Independent Custodian Bank) ไม่เพียงแต่ช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนเราเท่านั้น แต่ยังเป็น กุญแจสำคัญในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ อีกด้วย ดังนั้น เมื่อต้องเลือกแพลตฟอร์มเทรด นักลงทุนจึงควรให้ความสำคัญและตรวจสอบส่วนนี้อย่างละเอียด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่