แทคติก" หรือ "อ่อนหัด"? ถอดรหัสบทสนทนา "อิ๊งค์-ฮุน เซน

ช่วงนี้ แพทองธาร หรือ "อิ๊งค์" กำลังเผชิญมรสุมใหญ่จากคลิปเสียงสนทนากับอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน เซน ที่หลุดออกมาสู่สาธารณะ ไม่ใช่แค่เรื่องเนื้อหา แต่สำนวนและท่าทีในคลิปทำให้หลายคนต้องขมวดคิ้ว และตั้งคำถามถึง "ความเป็นผู้นำ" ที่ควรมี

ที่น่าผิดหวังยิ่งกว่าคือการที่อิ๊งค์ดูเหมือนจะ เปิดเผยจุดอ่อนของรัฐบาลให้ ฮุน เซน เห็นหมดเปลือก การบอกว่ารัฐบาลกำลัง "สั่นคลอน" หรือถูกโจมตีหนักจากประเด็นกัมพูชา รวมถึงประโยคที่ว่า "โดนไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมร" มันแสดงถึงความไม่ระมัดระวังอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นการพาดพิงถึง "กลาโหม/ทหาร" หรือแม่ทัพภาค 2 ว่าเป็น "ฝ่ายตรงข้าม" ยิ่งตอกย้ำความผิดหวัง เพราะมันอาจกลายเป็นการ สร้างรอยร้าวภายในประเทศด้วยซ้ำ

คลิปเสียงนี้จึงไม่ต่างอะไรกับการ "โชว์ไพ่ให้คู่แข่งเห็น" ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำไม่ควรทำเอาเสียเลย นี่คือบทเรียนราคาแพง แต่ "อิ๊งค์"กลับบอกว่าเป็น"แทคติกการเจรจา" เพื่อลดความขัดแย้ง
ผมสงสัยว่าแทคติกของนายกฯไทยเราทำไมถึงได้อ่อนหัดและไร้เดียงสาซะขนาดนั้น เปิดเผยจุดอ่อนทางการเมืองมากเกินไป
การบอกว่า "รัฐบาลสั่นคลอนที่สุด" จะถูกฮุนเซนใช้เป็นจุดกดดันในอนาคต เห็นมีแต่การตั้งรับไม่มีการโต้แย้งเหมือนกับยอมรับฝ่ายไทยเป็นผู้เริ่มปัญหาโดยปริยาย

ไม่โต้แย้งเมื่อฮุนเซนกล่าวหาว่า "ฝ่ายไทยเริ่มปิดด่านก่อน" และ "หลอกให้กัมพูชาปรับกำลัง"

มันเสี่ยงสร้างบรรทัดฐานว่าประเทศไทยยอมรับความผิดเมื่อกัมพูชาเอาไปเป็นหลักฐานไปฟ้องเวทีนานาชาติ

นอกจากนี้ ยังเห็นได้ชัดว่า"อิ๊งค์"ร่ายสด ขาดการเตรียมพร้อมสำหรับข้อเรียกร้องเชิงแข็งกร้าวของฮุน เซน สังเกตได้จากช่วงที่ฮุน เซนขู่เรื่องเปิดจุดผ่านแดนและว่าจะ "จะยอมให้ส่งออกสินค้าเกษตรทั่วชายแดนใน 5 ชั่วโมง แต่ไทยต้องเป็นฝ่ายเปิดก่อน" อิ๊งค์กลับ ตอบโต้ไม่ชัดเจน ทำได้แค่บอกว่าจะ "ลองคุยกับกลาโหม" แทนที่จะมีท่าทีที่หนักแน่นกว่านี้

สุดท้าย การเจรจาในคลิปเสียงนั้นดูเหมือนว่า ฮุน เซนจะเป็นผู้ควบคุมวาระการพูดคุยทั้งหมด เขาเป็นคน ตั้งเงื่อนไขชัดเจน ว่าไทยจะต้อง เปิดด่านก่อน ในขณะที่ฝ่ายไทย โดยเฉพาะอิ๊งค์เอง กลับเสนอทางออกที่ไม่เป็นรูปธรรม เท่าที่ควร ทำให้ดูเหมือนว่าฝ่ายไทยกำลังถูกกำหนดกรอบการเจรจาโดยอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดีต่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติเลยแม้แต่น้อย

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน การสื่อสารและการวางตัวของผู้นำมีความสำคัญอย่างยิ่ง และบางครั้งความหวังดีในการสร้างความใกล้ชิด ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้  ถ้ารู้ตัวว่าอ่อนประสบการณ์ก็ควรมีทีมงานเตรียมข้อมูลเชิงเทคนิค (เช่น ข้อตกลงเดิมเรื่องช่องบก) และตั้งกรอบการเจรจาเอง แทนการตอบโต้แบบreactive แพทองธารปล่อยให้ฮุนเซนกำหนดเกมส์ที่จะเล่น ไม่มีการเปลี่ยนประเด็นเชิงรุก เช่น
การพูดเรื่องด่าน ทำไมไม่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาปิดทางผ่านไม่แจ้งไทย 7 ครั้ง vs ไทย 3 ครั้ง ซึ่งเป็นการปิดแบบกำหนดช่วงเวลา ทำไมไม่มีการตั้งเงื่อนไขแลกเปลี่ยนชัดเจน

โดยสรุปแล้ว ประชาชนรู้สึกผิดหวังการโจมตีทั้งหมดจึงพุ่งเป้าไปสิ่งที่ "อิ๊งค์" พูดและทำในคลิปเสียงนั่นแหละ ซึ่งหลายคนมองว่า ไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้นำประเทศเอาซะเลย แถมยังอาจส่งผลเสียต่อ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน รวมถึง ความมั่นคงภายในของเราเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่