รู้หรือไม่ สำหรับตลาดหุ้นจีน
‘สีแดง’ หมายถึง ‘หุ้นขึ้น’
ส่วน ‘สีเขียว’ หมายถึง ‘หุ้นตก’
จีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อารยธรรมยาวนานระดับถ้านับหลักฐานทางโบราณคดีก็จะยาวไปถึง 5,000 ปี
แต่ถ้าจะเอาหลักฐานลายลักษณ์อักษรก็จะย้อนไปได้ 3,000 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอารยธรรมที่ต่อเนื่องยาวนานมาก และก็ไม่แปลกที่จีนจะรู้สึกภูมิใจในมรดกวัฒนธรรมของตัวเองระดับที่หลายๆ อย่างจีนกล้า 'สวนทางโลก' จนคนที่ไปเยือนจีนอาจงง
และที่คนจะงงที่สุด ก็อาจหนีไม่พ้นตลาดหุ้น ที่จีนเป็นที่เดียวในโลกที่ เวลาหุ้นขึ้น ตัวเลขจะเป็นสีแดง ส่วนเวลาหุ้นลง ตัวเลขจะเป็นสีเขียว
เหตุผลก็ง่ายมาก คือจีนถือว่าสีแดงไม่ใช่สีที่ไม่ดีแบบวัฒนธรรมตะวันตก แต่สีแดงคือสีแห่งโชคลาภ และสำหรับชาวไทยที่เราคุ้นเคยวัฒนธรรมชาวจีนโพ้นทะเลอยู่แล้ว มันก็คงจะไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
ดังนั้นสำหรับคนจีน 'แดงคือดี' และนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่ตั้งแต่ตลาดหุ้นจีนเปิดในปี 1990 สีแดงคือสีที่ 'ดี' หรือสีของหุ้นทีขึ้นมาตลอด และสำหรับนักลงทุนและนักเทรดที่ตลาดหุ้นจีนก็ต้องเปลี่ยนความเคยชินกันพอสมควรเลยทีเดียว
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนที่ไม่เคยไปจีนก็อาจสงสัยว่า แบบนี้ 'ไฟเขียวไฟแดง' ตามสี่แยกในจีน ความหมายของสีไฟจะกลับตาลปัตรกลับชาวโลกหรือไม่? สีแดงจะหมายความว่า 'ไปได้' สีเขียวจะหมายถึง 'หยุด' ไหม?
คำตอบคือไม่ใช่ ไฟเขียวไฟแดงในจีนความหมายเหมือนที่อื่นในโลก ดังนั้นก็ไม่ต้องกลัวสับสนเวลาข้ามถนนแต่อย่างใด
สุดท้าย เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก็คือ ในช่วง 'ปฏิวัติวัฒนธรรม' ของจีนในทศวรรษ 1960 จริงๆ เคยมีกลุ่ม 'เรดการ์ด' หรือผู้พิทักษ์อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ พยายามจะบอกว่าความหมายไฟเขียวไฟแดงแบบที่ใช้กันเป็น 'อิทธิพลตะวันตก' ที่ต้องถอนราก เพราะในวัฒนธรรมจีนสีแดงคือสีที่ดีมาแต่ไหนแต่ไร แถมยังเป็นสีประจำพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย จึงเสนอให้ 'สลับสีสัญญาณไฟจราจร' จริง แต่สุดท้ายแม้แต่ในยุคที่คนกล้าเสนออะไรถอนแรกแบบนี้ ความคิดแบบนี้ก็ไปต่อไม่ได้ เพราะคนกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ และสัญญาณสีของไฟจราจรในจีนก็จึงเป็นแบบ ‘สากล’ มาจนถึงปัจจุบัน
https://www.bbc.com/news/av/business-33464903
https://www.facebook.com/share/p/1BUTQiyjoe/
รู้หรือไม่ สำหรับตลาดหุ้นจีน ‘สีแดง’ หมายถึง ‘หุ้นขึ้น’ ส่วน ‘สีเขียว’ หมายถึง ‘หุ้นตก’
‘สีแดง’ หมายถึง ‘หุ้นขึ้น’
ส่วน ‘สีเขียว’ หมายถึง ‘หุ้นตก’
จีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อารยธรรมยาวนานระดับถ้านับหลักฐานทางโบราณคดีก็จะยาวไปถึง 5,000 ปี
แต่ถ้าจะเอาหลักฐานลายลักษณ์อักษรก็จะย้อนไปได้ 3,000 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอารยธรรมที่ต่อเนื่องยาวนานมาก และก็ไม่แปลกที่จีนจะรู้สึกภูมิใจในมรดกวัฒนธรรมของตัวเองระดับที่หลายๆ อย่างจีนกล้า 'สวนทางโลก' จนคนที่ไปเยือนจีนอาจงง
และที่คนจะงงที่สุด ก็อาจหนีไม่พ้นตลาดหุ้น ที่จีนเป็นที่เดียวในโลกที่ เวลาหุ้นขึ้น ตัวเลขจะเป็นสีแดง ส่วนเวลาหุ้นลง ตัวเลขจะเป็นสีเขียว
เหตุผลก็ง่ายมาก คือจีนถือว่าสีแดงไม่ใช่สีที่ไม่ดีแบบวัฒนธรรมตะวันตก แต่สีแดงคือสีแห่งโชคลาภ และสำหรับชาวไทยที่เราคุ้นเคยวัฒนธรรมชาวจีนโพ้นทะเลอยู่แล้ว มันก็คงจะไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
ดังนั้นสำหรับคนจีน 'แดงคือดี' และนี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่ตั้งแต่ตลาดหุ้นจีนเปิดในปี 1990 สีแดงคือสีที่ 'ดี' หรือสีของหุ้นทีขึ้นมาตลอด และสำหรับนักลงทุนและนักเทรดที่ตลาดหุ้นจีนก็ต้องเปลี่ยนความเคยชินกันพอสมควรเลยทีเดียว
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนที่ไม่เคยไปจีนก็อาจสงสัยว่า แบบนี้ 'ไฟเขียวไฟแดง' ตามสี่แยกในจีน ความหมายของสีไฟจะกลับตาลปัตรกลับชาวโลกหรือไม่? สีแดงจะหมายความว่า 'ไปได้' สีเขียวจะหมายถึง 'หยุด' ไหม?
คำตอบคือไม่ใช่ ไฟเขียวไฟแดงในจีนความหมายเหมือนที่อื่นในโลก ดังนั้นก็ไม่ต้องกลัวสับสนเวลาข้ามถนนแต่อย่างใด
สุดท้าย เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก็คือ ในช่วง 'ปฏิวัติวัฒนธรรม' ของจีนในทศวรรษ 1960 จริงๆ เคยมีกลุ่ม 'เรดการ์ด' หรือผู้พิทักษ์อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ พยายามจะบอกว่าความหมายไฟเขียวไฟแดงแบบที่ใช้กันเป็น 'อิทธิพลตะวันตก' ที่ต้องถอนราก เพราะในวัฒนธรรมจีนสีแดงคือสีที่ดีมาแต่ไหนแต่ไร แถมยังเป็นสีประจำพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย จึงเสนอให้ 'สลับสีสัญญาณไฟจราจร' จริง แต่สุดท้ายแม้แต่ในยุคที่คนกล้าเสนออะไรถอนแรกแบบนี้ ความคิดแบบนี้ก็ไปต่อไม่ได้ เพราะคนกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ และสัญญาณสีของไฟจราจรในจีนก็จึงเป็นแบบ ‘สากล’ มาจนถึงปัจจุบัน
https://www.bbc.com/news/av/business-33464903
https://www.facebook.com/share/p/1BUTQiyjoe/