เราเป็นคนหนึ่งที่ทำงาน 6 วัน/่สัปดาห์ วันหยุดที่เหลือ 1 วัน คือ การทำงานบ้านล้วน ๆ !!
งานซักผ้า คือ 50% ของงานบ้านทั้งหมด ทั้งต้องซัก...
- เสื้อผ้าที่ใส่มาทั้งอาทิตย์
- ผ้าเช็ดตัว
- ผ้าปูเตียง + เครื่องนอน ผ้าห่ม
- ผ้าเช็ดเท้า ฯลฯ
ยิ่งฤดูฝนนี่อย่างเซ็ง

ด้วยอากาศที่ไม่เป็นใจ บวกกับข้อจำกัดของพื้นที่ราวตากผ้า
โอกาสที่ผ้าจะไม่แห้ง และมีกลิ่นอับชื้น เป็นไปได้สูง
ด้วยความที่เมืองไทยเป็นเมืองร้อน และชีวิตที่เติบโตมากับวัฒนธรรมการตากผ้าด้วยราวมาตั้งแต่เกิด
จึงใช้เวลาคิด และหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องทุ่นแรง ที่เรียกว่า "เครื่องอบผ้า" มานานหลายปีพอสมควร
ทั้งความคุ้มค่าในการใช้งานเครื่อง และการกินไฟ ตลอดจนเครื่องอบผ้า ก็มีหลายประเภทให้เลือกช้อป
นั่งหาข้อมูลจนฟุ้งซ่าน เลือกไม่ถูกเลยว่าจะใช้เครื่องอบประเภทไหนดี แต่ในใจอ่ะมียี่ห้อที่เล็งไว้แล้ว...
- Electrolux แบรนด์นี้ใช้มาตั้งแต่เกิด มันเลยเป็นเหมือนตราประทับในใจ แล้วใช้มาก็ไม่เคยมีเรื่องจุกจิกกวนใจ
- BOSCH / Siemens 2 ยี่ห้อนี้มองไว้ เพราะคิดเองว่า เมืองยุโรปแดดน้อย น่าจะชำนาญเครื่องใช้ไฟฟ้านี้
- Whirlpool เครื่องนี้เคยใช้ใต้คอนโด กินตังค์น้อย อบมาแห้งสนิท เมื่อเทียบกับเคยไปหยอดร้านสะดวกซักสมัยใหม่
ส่วนประเภทของเครื่องอบ ตอนแรกสุด กะจะซื้อระบบ heat pump
โดยคิดเอาเองว่าแพงสุด น่าจะดีสุด อีก 2 เหตุผลคือ อยากจะประหยัดไฟ + ถนอมเนื้อผ้าด้วย
จน ณ เวลานั้น อีกไม่กี่อาทิตย์ จะเข้าสู่หน้าฝน คิดแล้วก็ไม่อยากเหนื่อยกับการซักผ้าตอนฝนตกอีกแล้ว
เลยกดคลิกเข้าไปดูราคาเครื่องอบ ดันไปเจอราคาดีเข้าจนได้ ใช้คูปองนู้นนั่นนี่ มีผ่อน 0% = 6 ด.
วิญญาณสายช้อปเลยเข้าสิง กดคลิกมาด้วยราคา 10,200 บาท ขนาด 8 กก. เป็นแบบท่อลมร้อน
สาเหตุที่เลือกแบบท่อลมร้อนคือ...
- ราคาดีงาม มีกำลังจ่ายไหว
- คิดว่าเทคโนโลยีเครื่องอบ น่าจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก คงจะไม่อบออกมาแล้วผ้าแห้งกรอบ
- ดูจากตำแหน่งวางของเครื่องอบที่บ้านแล้ว ห้องที่วางมีพัดลมดูดอากาศ ซึ่งก็ไม่ต้องเจาะท่อเพื่อระบายความร้อนสู่ภายนอก ยกมาวางก็ใช้ได้เลย
ฟังค์ชั่นการทำงานมีประมาณนี้
ภายในตัวถัง
ช่องระบายลม
ฟิลเตอร์กรองฝุ่นใยผ้า
ประสบการณ์หลังใช้ไป 2 เดือน พบว่า...
- ชีวิตดีขึ้น 1,000% สามารถจัดการเวลาชีวิตที่หยุดแค่ 1 วัน/สัปดาห์ ได้ดีขึ้นมาก รู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
- ไม่ต้องรอผ้าแห้ง เพื่อนำมารีด
- และสำหรับผ้าที่ไม่ต้องรีด ก็สามารถพับเก็บได้เลยทันที
- อยากซักผ้าเวลาไหนก็ได้
- ไม่ต้องคอยระวังเรื่องนกขี้ตกลงมาใส่ผ้า
- สำหรับบ้านที่อยู่ชานเมือง การอบผ้าช่วยให้เสื้อผ้ารอดจากเขม่าดำ ๆ ที่ปลิวมาจากการเผาเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน
- ช่วยเรื่องฝุ่นจากใยผ้าไปได้เยอะมาก เพราะคนที่บ้านแพ้ฝุ่น รู้สึกได้เลย ว่าอากาศในห้องสะอาดขึ้น
- เรื่องค่าไฟ ไม่ได้ขึ้นจนเห็นได้ชัด ยังอยู่ในเรทที่เคยชำระ
- ลมร้อนที่ออกมาจากเครื่องอบ ก็ไม่ได้ร้อนระอุมากมาย และรู้สึกว่าร้อนละมุนกว่าเครื่องอบรุ่นเก่าที่บ้านญาติเคยใช้
- ส่วนผ้าที่จะไม่นำเข้าเครื่องอบเลย คือ ชุดกีฬา ชุดชั้นใน ถุงเท้า ผ้าบาง ๆ แห้งง่าย ก็จะตากแดดเอา
ส่วนข้อเสียข้อเดียวที่ค้นพบ หลังมีเครื่องอบ...คือ ไม่อยากตากผ้าอีกเลย

รู้สึกตัดสินใจช้าไปด้วยซ้ำที่จะเป็นเจ้าของ รู้งี้ มีตั้งนานแล้ว
ยังไงเพื่อน ๆ ที่กำลังคิดจะซื้อ ก็ขอฝากข้อมูลไว้เป็นอีก 1 ความเห็น นะคะ ^^
+++ เพิ่มเติมอีกนิด +++
หลังจากลองใช้ไปแล้ว พบว่า ไม่ต้องซื้อแพงค่ะ ซื้อหมื่นต้น ๆ ก็พอ
เทคโนโลยีเครื่องอบ พัฒนาไปมาก ดีกว่าเครื่องอบรุ่นเก่าเยอะค่ะ
สมัย 10 - 20 ปีที่แล้ว อบออกมาแล้วผ้าแห้งกรอบ แข็ง
แต่เครื่องอบรุ่นใหม่ ๆ อบออกมาแล้วผ้าละมุน นุ่มผิว ใส่สบาย
ขอแค่ดูเรื่องที่ตั้งให้ดี มีที่ระบายความร้อนก็พอแล้วค่ะ
ส่วนค่าไฟ ก็ไม่ได้พุ่งกระโดดจนเห็นชัดขนาดนั้น
ของเราใช้เครื่องอบอาทิตย์ละ 1 วัน
ถ้าไม่ได้ออกไปไหนก็ซักทั้งวัน อบทั้งวัน ใช้งานตั้งแต่ 8 โมงเช้า - 5 โมงเย็น
ถ้าออกไปธุระนอกบ้าน ก็อบ 1 หรือ 2 ถัง เมนเนจเวลาเอา
เครื่องอบผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่รู้สึกว่าซื้อแล้วคุ้มที่สุดชิ้นหนึ่งในการทำงานบ้าน
งานซักผ้า คือ 50% ของงานบ้านทั้งหมด ทั้งต้องซัก...
- เสื้อผ้าที่ใส่มาทั้งอาทิตย์
- ผ้าเช็ดตัว
- ผ้าปูเตียง + เครื่องนอน ผ้าห่ม
- ผ้าเช็ดเท้า ฯลฯ
ยิ่งฤดูฝนนี่อย่างเซ็ง
โอกาสที่ผ้าจะไม่แห้ง และมีกลิ่นอับชื้น เป็นไปได้สูง
ด้วยความที่เมืองไทยเป็นเมืองร้อน และชีวิตที่เติบโตมากับวัฒนธรรมการตากผ้าด้วยราวมาตั้งแต่เกิด
จึงใช้เวลาคิด และหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องทุ่นแรง ที่เรียกว่า "เครื่องอบผ้า" มานานหลายปีพอสมควร
ทั้งความคุ้มค่าในการใช้งานเครื่อง และการกินไฟ ตลอดจนเครื่องอบผ้า ก็มีหลายประเภทให้เลือกช้อป
นั่งหาข้อมูลจนฟุ้งซ่าน เลือกไม่ถูกเลยว่าจะใช้เครื่องอบประเภทไหนดี แต่ในใจอ่ะมียี่ห้อที่เล็งไว้แล้ว...
- Electrolux แบรนด์นี้ใช้มาตั้งแต่เกิด มันเลยเป็นเหมือนตราประทับในใจ แล้วใช้มาก็ไม่เคยมีเรื่องจุกจิกกวนใจ
- BOSCH / Siemens 2 ยี่ห้อนี้มองไว้ เพราะคิดเองว่า เมืองยุโรปแดดน้อย น่าจะชำนาญเครื่องใช้ไฟฟ้านี้
- Whirlpool เครื่องนี้เคยใช้ใต้คอนโด กินตังค์น้อย อบมาแห้งสนิท เมื่อเทียบกับเคยไปหยอดร้านสะดวกซักสมัยใหม่
ส่วนประเภทของเครื่องอบ ตอนแรกสุด กะจะซื้อระบบ heat pump
โดยคิดเอาเองว่าแพงสุด น่าจะดีสุด อีก 2 เหตุผลคือ อยากจะประหยัดไฟ + ถนอมเนื้อผ้าด้วย
จน ณ เวลานั้น อีกไม่กี่อาทิตย์ จะเข้าสู่หน้าฝน คิดแล้วก็ไม่อยากเหนื่อยกับการซักผ้าตอนฝนตกอีกแล้ว
เลยกดคลิกเข้าไปดูราคาเครื่องอบ ดันไปเจอราคาดีเข้าจนได้ ใช้คูปองนู้นนั่นนี่ มีผ่อน 0% = 6 ด.
วิญญาณสายช้อปเลยเข้าสิง กดคลิกมาด้วยราคา 10,200 บาท ขนาด 8 กก. เป็นแบบท่อลมร้อน
สาเหตุที่เลือกแบบท่อลมร้อนคือ...
- ราคาดีงาม มีกำลังจ่ายไหว
- คิดว่าเทคโนโลยีเครื่องอบ น่าจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก คงจะไม่อบออกมาแล้วผ้าแห้งกรอบ
- ดูจากตำแหน่งวางของเครื่องอบที่บ้านแล้ว ห้องที่วางมีพัดลมดูดอากาศ ซึ่งก็ไม่ต้องเจาะท่อเพื่อระบายความร้อนสู่ภายนอก ยกมาวางก็ใช้ได้เลย
ฟังค์ชั่นการทำงานมีประมาณนี้
ภายในตัวถัง
ช่องระบายลม
ฟิลเตอร์กรองฝุ่นใยผ้า
ประสบการณ์หลังใช้ไป 2 เดือน พบว่า...
- ชีวิตดีขึ้น 1,000% สามารถจัดการเวลาชีวิตที่หยุดแค่ 1 วัน/สัปดาห์ ได้ดีขึ้นมาก รู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
- ไม่ต้องรอผ้าแห้ง เพื่อนำมารีด
- และสำหรับผ้าที่ไม่ต้องรีด ก็สามารถพับเก็บได้เลยทันที
- อยากซักผ้าเวลาไหนก็ได้
- ไม่ต้องคอยระวังเรื่องนกขี้ตกลงมาใส่ผ้า
- สำหรับบ้านที่อยู่ชานเมือง การอบผ้าช่วยให้เสื้อผ้ารอดจากเขม่าดำ ๆ ที่ปลิวมาจากการเผาเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน
- ช่วยเรื่องฝุ่นจากใยผ้าไปได้เยอะมาก เพราะคนที่บ้านแพ้ฝุ่น รู้สึกได้เลย ว่าอากาศในห้องสะอาดขึ้น
- เรื่องค่าไฟ ไม่ได้ขึ้นจนเห็นได้ชัด ยังอยู่ในเรทที่เคยชำระ
- ลมร้อนที่ออกมาจากเครื่องอบ ก็ไม่ได้ร้อนระอุมากมาย และรู้สึกว่าร้อนละมุนกว่าเครื่องอบรุ่นเก่าที่บ้านญาติเคยใช้
- ส่วนผ้าที่จะไม่นำเข้าเครื่องอบเลย คือ ชุดกีฬา ชุดชั้นใน ถุงเท้า ผ้าบาง ๆ แห้งง่าย ก็จะตากแดดเอา
ส่วนข้อเสียข้อเดียวที่ค้นพบ หลังมีเครื่องอบ...คือ ไม่อยากตากผ้าอีกเลย
รู้สึกตัดสินใจช้าไปด้วยซ้ำที่จะเป็นเจ้าของ รู้งี้ มีตั้งนานแล้ว
ยังไงเพื่อน ๆ ที่กำลังคิดจะซื้อ ก็ขอฝากข้อมูลไว้เป็นอีก 1 ความเห็น นะคะ ^^
+++ เพิ่มเติมอีกนิด +++
หลังจากลองใช้ไปแล้ว พบว่า ไม่ต้องซื้อแพงค่ะ ซื้อหมื่นต้น ๆ ก็พอ
เทคโนโลยีเครื่องอบ พัฒนาไปมาก ดีกว่าเครื่องอบรุ่นเก่าเยอะค่ะ
สมัย 10 - 20 ปีที่แล้ว อบออกมาแล้วผ้าแห้งกรอบ แข็ง
แต่เครื่องอบรุ่นใหม่ ๆ อบออกมาแล้วผ้าละมุน นุ่มผิว ใส่สบาย
ขอแค่ดูเรื่องที่ตั้งให้ดี มีที่ระบายความร้อนก็พอแล้วค่ะ
ส่วนค่าไฟ ก็ไม่ได้พุ่งกระโดดจนเห็นชัดขนาดนั้น
ของเราใช้เครื่องอบอาทิตย์ละ 1 วัน
ถ้าไม่ได้ออกไปไหนก็ซักทั้งวัน อบทั้งวัน ใช้งานตั้งแต่ 8 โมงเช้า - 5 โมงเย็น
ถ้าออกไปธุระนอกบ้าน ก็อบ 1 หรือ 2 ถัง เมนเนจเวลาเอา