สวัสดีเพื่อนๆ ชาว Pantip
BYD ลดราคาเดือด! Seagull เหลือไม่ถึง 2.6 แสน พร้อม 22 รุ่นฮิตร่วมวงสงครามราคา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ BYD ทำแบบนี้ครับ แต่เป็นการลดราคารอบที่ 3 ในเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น! แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดและเร่งยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าช่วง 4 เดือนแรกของปี 2025 จะมียอดขายรวมไปแล้วกว่า 1.38 ล้านคัน แต่ถ้าจะให้ถึงเป้าหมาย 5.5 ล้านคันต่อปี พวกเขาก็ต้องขายให้ได้ถึงวันละกว่า 15,000 คันเลยทีเดียว!
โปรเด็ด BYD ลดราคารถยนต์ไฟฟ้า รุ่นยอดนิยม (ราคาในจีน)
การลดราคาครั้งนี้ครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 22 รุ่น แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ:
BYD Seagull: เหลือเพียง
55,800 หยวน (ประมาณ 254,517 บาท) เท่านั้น! (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 พ.ค. 2025: 1 หยวน = 4.562 บาท) เรียกว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาเข้าถึงง่ายที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้
BYD Seal: เริ่มต้นที่
89,800 หยวน (ประมาณ 409,309 บาท)
BYD Dolphin: เริ่มต้นที่
99,800 หยวน (ประมาณ 453,778 บาท)
Seal 07 DM-i (1.5L 125km): ลดสูงสุดถึง
53,000 หยวน (ประมาณ 241,792 บาท)
Qin PLUS / Qin L DM-i: เริ่มต้นที่
63,800–79,800 หยวน (ประมาณ 291,063–364,052 บาท)
นอกจากนี้ ยังมีรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจอย่าง
Sea Lion 05 DM-i ราคาเหลือ
72,800 หยวน (332,219 บาท) และ
Song PLUS DM-i ราคาเริ่มต้น
99,800 หยวน (455,211 บาท) รวมถึง
Seal 07 DM ที่ราคาเริ่มต้น
102,800 หยวน (468,895 บาท)แล้วอย่างนี้ Seagull จะมาไทยเท่าไรละเนี่ย?! เตรียมตัวรับแรงกระแทก!
จากราคาในจีนที่ลดฮวบเหลือไม่ถึง 2.6 แสนบาทนี่มันน่าจับตามาก ๆ
ถ้า BYD กล้าบ้าบิ่น ตั้งราคามาแบบ "ไม่เกิน 4 แสนบาท" (อาจจะอยู่ในช่วง 350,000 - 390,000 บาท) นี่คือเกมพลิกของจริงเลยนะครับ! ตลาดอีโคคาร์เครื่องยนต์สันดาปมีหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจแน่นอน เพราะด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่ได้รถ EV ที่ประหยัดกว่าในระยะยาว แถมได้เทคโนโลยีที่ใหม่กว่า แบบนี้ใครจะไปทนไหว!
แต่ถ้าสุดท้ายแล้วราคาไปแตะ 4 แสนปลาย ๆ หรือ 5 แสนต้น ๆ ก็คงต้องมานั่งคิดหนักกันแล้วครับว่าความคุ้มค่าจะยังสูงเท่ากับตอนที่ได้ยินราคาในจีนหรือไม่ แต่ด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีของ BYD ก็อาจจะยังดึงดูดใจได้อยู่ดีสำหรับคนอยากได้ EV คันแรก
ราคาในไทยคงต้องรอลุ้นกันตัวโก่งเลยครับ เพราะ BYD เองก็มีโรงงานผลิตในไทยแล้วด้วย ซึ่งอาจจะช่วยลดต้นทุนบางส่วนได้ แต่ก็นั่นแหละครับ ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ เราก็ทำได้แค่จินตนาการและเตรียมเงินในกระเป๋าไว้ให้พร้อมเท่านั้นเองครับ!
แล้วเพื่อน ๆ ชาวพันทิปว่า ถ้า Seagull มาไทยราคาเท่านี้... รถบ้านใครจะสั่นสะเทือนบ้าง?
ใครจะกล้าตัดสินใจขายรถคันเก่าทิ้ง แล้วถอย Seagull คันใหม่มาจอดหน้าบ้านก่อน?
BYD ลดราคาเดือด! Seagull เหลือไม่ถึง 2.6 แสน ที่จีน --- แล้วตัวนี้ที่จะมาเปิดตัวที่ไทยเร็ว ๆ นี้จะขายเท่าไรกันนะ!
BYD ลดราคาเดือด! Seagull เหลือไม่ถึง 2.6 แสน พร้อม 22 รุ่นฮิตร่วมวงสงครามราคา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ BYD ทำแบบนี้ครับ แต่เป็นการลดราคารอบที่ 3 ในเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น! แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการรักษาส่วนแบ่งตลาดและเร่งยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าช่วง 4 เดือนแรกของปี 2025 จะมียอดขายรวมไปแล้วกว่า 1.38 ล้านคัน แต่ถ้าจะให้ถึงเป้าหมาย 5.5 ล้านคันต่อปี พวกเขาก็ต้องขายให้ได้ถึงวันละกว่า 15,000 คันเลยทีเดียว!
โปรเด็ด BYD ลดราคารถยนต์ไฟฟ้า รุ่นยอดนิยม (ราคาในจีน)
การลดราคาครั้งนี้ครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 22 รุ่น แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ:
BYD Seagull: เหลือเพียง 55,800 หยวน (ประมาณ 254,517 บาท) เท่านั้น! (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 พ.ค. 2025: 1 หยวน = 4.562 บาท) เรียกว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาเข้าถึงง่ายที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้
BYD Seal: เริ่มต้นที่ 89,800 หยวน (ประมาณ 409,309 บาท)
BYD Dolphin: เริ่มต้นที่ 99,800 หยวน (ประมาณ 453,778 บาท)
Seal 07 DM-i (1.5L 125km): ลดสูงสุดถึง 53,000 หยวน (ประมาณ 241,792 บาท)
Qin PLUS / Qin L DM-i: เริ่มต้นที่ 63,800–79,800 หยวน (ประมาณ 291,063–364,052 บาท)
นอกจากนี้ ยังมีรุ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจอย่าง Sea Lion 05 DM-i ราคาเหลือ 72,800 หยวน (332,219 บาท) และ Song PLUS DM-i ราคาเริ่มต้น 99,800 หยวน (455,211 บาท) รวมถึง Seal 07 DM ที่ราคาเริ่มต้น 102,800 หยวน (468,895 บาท)แล้วอย่างนี้ Seagull จะมาไทยเท่าไรละเนี่ย?! เตรียมตัวรับแรงกระแทก!
จากราคาในจีนที่ลดฮวบเหลือไม่ถึง 2.6 แสนบาทนี่มันน่าจับตามาก ๆ ถ้า BYD กล้าบ้าบิ่น ตั้งราคามาแบบ "ไม่เกิน 4 แสนบาท" (อาจจะอยู่ในช่วง 350,000 - 390,000 บาท) นี่คือเกมพลิกของจริงเลยนะครับ! ตลาดอีโคคาร์เครื่องยนต์สันดาปมีหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจแน่นอน เพราะด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่ได้รถ EV ที่ประหยัดกว่าในระยะยาว แถมได้เทคโนโลยีที่ใหม่กว่า แบบนี้ใครจะไปทนไหว!
แต่ถ้าสุดท้ายแล้วราคาไปแตะ 4 แสนปลาย ๆ หรือ 5 แสนต้น ๆ ก็คงต้องมานั่งคิดหนักกันแล้วครับว่าความคุ้มค่าจะยังสูงเท่ากับตอนที่ได้ยินราคาในจีนหรือไม่ แต่ด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีของ BYD ก็อาจจะยังดึงดูดใจได้อยู่ดีสำหรับคนอยากได้ EV คันแรก
ราคาในไทยคงต้องรอลุ้นกันตัวโก่งเลยครับ เพราะ BYD เองก็มีโรงงานผลิตในไทยแล้วด้วย ซึ่งอาจจะช่วยลดต้นทุนบางส่วนได้ แต่ก็นั่นแหละครับ ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ เราก็ทำได้แค่จินตนาการและเตรียมเงินในกระเป๋าไว้ให้พร้อมเท่านั้นเองครับ!
แล้วเพื่อน ๆ ชาวพันทิปว่า ถ้า Seagull มาไทยราคาเท่านี้... รถบ้านใครจะสั่นสะเทือนบ้าง?
ใครจะกล้าตัดสินใจขายรถคันเก่าทิ้ง แล้วถอย Seagull คันใหม่มาจอดหน้าบ้านก่อน?