BIG TECH จับมือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ปรากฏการณ์ใหม่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

KEY POINTS
เมื่อ AI กลายเป็น "สมองกล" ที่ไม่มีวันหลับ บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีก็ต้องเผชิญกับคำถามสำคัญที่ว่า "เราจะหาแหล่งพลังงานที่มั่นคงเพียงพอเพื่อเลี้ยงสมองกลเหล่านี้ได้จากที่ไหน?"
การขยายตัวของ AI ไม่ได้สร้างภาระเพียงแค่ด้านพลังงานเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั่วสหรัฐฯ
ยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ของ Microsoft, Meta และ Amazon กำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมพลังงาน
ยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ของ Microsoft, Meta และ Amazon พลิกโฉมอุตสาหกรรมพลังงาน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกที่ถูกขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเริ่มเข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ตั้งแต่ระบบการผลิตอุตสาหกรรม เทคโนโลยีทางการแพทย์ ไปจนถึงการสร้างคอนเทนต์และการให้บริการลูกค้าแบบอัตโนมัติ
 

และเมื่อ AI กลายเป็น "สมองกล" ที่ไม่มีวันหลับ บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีก็ต้องเผชิญกับคำถามสำคัญที่ว่า "เราจะหาแหล่งพลังงานที่มั่นคงเพียงพอเพื่อเลี้ยงสมองกลเหล่านี้ได้จากที่ไหน?"
 

คำตอบของพวกเขาชี้ไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดเจน นั่นคือ "พลังงานนิวเคลียร์"
 

 

บิ๊กเทคจับมือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ปรากฏการณ์ใหม่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
 

Microsoft จุดเริ่มต้นที่ Three Mile Island
ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 2024 Microsoft กลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายแรกที่ประกาศข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์กับบริษัท Constellation Energy Corporation ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้านิวเคลียร์รายใหญ่ในสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายในการฟื้นฟูโรงไฟฟ้า Three Mile Island (TMI) หนึ่งในโรงไฟฟ้าที่เคยเกิดเหตุการณ์รั่วไหลเมื่อปี 1979 จนต้องปิดดำเนินการไป
 

การฟื้นฟูครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายแค่การผลิตพลังงานสะอาด แต่ยังเป็นการนำโรงไฟฟ้าเก่ากลับมาใช้ใหม่ เพื่อป้อนพลังงานให้กับศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง พร้อม AI ที่ต้องประมวลผลระดับ Exascale
 

ปิดดีลที่ Microsoft ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) เป็นเวลา 20 ปี เพื่อการันตีต้นทุนพลังงานที่แน่นอนและมั่นคงตลอดสองทศวรรษข้างหน้า
 

Meta เตรียมไฟฟ้า 1.1 GW เพื่อป้อนจักรวาล AI
ถัดมาในเดือนมิถุนายน 2025 Meta (เจ้าของ Facebook และ Instagram) ประกาศข้อตกลงกับ Constellation เช่นกัน โดยจะซื้อไฟฟ้าปริมาณ 1.1 กิกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 20 ปี เทียบเท่ากับกำลังผลิตของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หนึ่งแห่ง เพื่อรองรับการขยายตัวของเทคโนโลยี AI, Metaverse และโครงสร้างพื้นฐานด้าน Machine Learning
 

Meta ตั้งเป้าที่จะเป็นบริษัท Net Zero ภายในปี 2030 ซึ่งการเลือกใช้พลังงานนิวเคลียร์ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
 

Amazon ผู้เล่นรายใหญ่สุดของวงการ Cloud ก็ไม่พลาด
ล่าสุด Amazon ประกาศข้อตกลงกับบริษัท Talen Energy เพื่อซื้อพลังงานจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Susquehanna ในรัฐเพนซิลเวเนีย กำลังผลิตรวม 1,920 เมกะวัตต์ ไปจนถึงปี 2042
 

โรงไฟฟ้าดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้ศูนย์ข้อมูลของ Amazon Web Services (AWS) โดยตรง ทำให้สามารถส่งพลังงานได้โดยไม่ต้องพึ่งระบบโครงข่ายระยะไกล ลดการสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
 

โครงสร้างพื้นฐานพลังงาน ปัจจัยสำคัญในศตวรรษที่ 21
 

การขยายตัวของ AI ไม่ได้สร้างภาระเพียงแค่ด้านพลังงานเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั่วสหรัฐฯ เช่น:
 

ระบบสายส่งไฟฟ้า (Grid Infrastructure) การเพิ่มกำลังผลิตไม่เพียงพอหากไม่มีการปรับปรุงระบบส่งกำลังให้ทันสมัย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ตั้งศูนย์ข้อมูล
 

พลังงานหมุนเวียน + พลังงานเสถียร แม้พลังงานแสงอาทิตย์และลมจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ AI ต้องการพลังงานที่ “ไม่สะดุด” ซึ่งพลังงานนิวเคลียร์สามารถตอบโจทย์ได้ในฐานะพลังงานคาร์บอนต่ำและเสถียรตลอด 24 ชั่วโมง
 

ระบบบริหารจัดการโหลด (Load Management) ศูนย์ข้อมูลสามารถใช้ AI เพื่อบริหารโหลดพลังงานแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 

AI + พลังงาน เรื่องของความมั่นคงระดับประเทศ
 

ภาครัฐสหรัฐฯ โดยเฉพาะนักการเมืองและหน่วยงานอย่างกระทรวงพลังงาน (DOE) ต่างสนับสนุนแนวทางนี้อย่างเปิดเผย โดยเห็นว่าพลังงานนิวเคลียร์คือ "ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์" ที่จะทำให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำในสนาม AI ได้อย่างยั่งยืน
 

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ในช่วงการหาเสียงว่า
“ถ้าอเมริกาไม่เป็นผู้นำ AI เสียเอง วันหนึ่งเราจะต้องกลายเป็นผู้ตามที่ไม่มีสิทธิ์เลือก”
 

ท่าทีนี้ถูกย้ำอีกครั้งในสมัยของผู้นำคนต่อมา ซึ่งสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวควบคู่กับพลังงานนิวเคลียร์ใหม่ โดยเฉพาะโครงการพัฒนา Small Modular Reactors (SMRs) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ติดตั้งได้เร็ว และเหมาะกับพื้นที่เมืองหรือศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
 

บทสรุปเมื่อ "พลังงาน" คือสมรภูมิใหม่ของ Big Tech
 

โลกในยุค AI ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป หากแต่ต้องอาศัยพลังงานในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะพลังงานที่ "เสถียร สะอาด และเพียงพอ" สำหรับการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
 

เมื่อ Microsoft, Meta และ Amazon ลงสนามนิวเคลียร์ ก็เป็นสัญญาณชัดเจนว่า พลังงานกำลังกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ใหม่ของการแข่งขันทางเทคโนโลยี และโลกพลังงานในอีก 20 ปีข้างหน้าอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
 

 

ข้อมูลอ้างอิง: siamblockchain.com



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่