"คุณน้าเชื่อว่าหลาย ๆ คน อาจจะยังแยกไม่ออกว่า การเทรดหุ้นจริงหรือหุ้นแบบดั้งเดิม และการเทรดหุ้น CFD มีความแตกต่างกัน ซึ่งคุณน้าจะพาไปหาคำตอบกันในกระทู้นี้ค่ะ"
การเทรดหุ้น คืออะไร?
การเทรดหุ้น คือ การซื้อและขายหลักทรัพย์ประเภทหุ้น เพื่อหากำไรส่วนต่างจากการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้น ซึ่งนักลงทุนจะทำการซื้อขายผ่านนายหน้า หรือที่เรารู้จักกันดีในคำว่าโบรกเกอร์
การเทรดหุ้นจริงต่างและการเทรดหุ้น CFD อย่างไร?
การเทรดหุ้นจริง คือ การซื้อและขายหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้ซื้อหุ้นจะได้รับสิทธิเป็นเจ้าของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล (Dividend) และส่วนต่างของราคา (Capital Gain) จากผลประกอบการของบริษัท ในขณะที่การเทรดหุ้น CFD คือ การเทรดหุ้นผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) เพื่อเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์โดยไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นจริง ๆ
แม้ว่าการเทรดหุ้นจริงและการเทรดหุ้น CFD จะมีความแตกต่างกัน แต่การเทรดทั้ง 2 รูปแบบนี้ จำเป็นต้องเปิดบัญชีการเทรดกับทางโบรกเกอร์ค่ะ ซึ่ง
โบรกเกอร์หุ้น คือ นายหน้าหรือบริษัทที่เปิดให้บริการซื้อขายสินทรัพย์แก่นักลงทุน โดยโบรกเกอร์หุ้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 1. โบรกเกอร์ที่ให้บริการในการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ และ 2. โบรกเกอร์ที่ให้บริการซื้อขายผลิตภัณฑ์ CFD
⭐ สรุปตารางเปรียบเทียบการเทรดหุ้นจริงและเทรดหุ้น CFD
⭐ Tip การเลือกโบรกเกอร์หุ้นที่ดี ดูอะไรบ้าง?
1. โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและความน่าเชื่อถือ
การเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและความน่าเชื่อถือถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก
>>> การเลือกโบรกเกอร์หุ้นจำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่จะคอยกำกับดูแลตลาดทุน ทั้งสินค้า/บริการ และผู้ประกอบการให้เป็นไปอย่างถูกต้อง
>>> ส่วนโบรกเกอร์หุ้น CFD จำเป็นต้องมีใบอนุญาตเช่นเดียวกัน เพราะใบอนุญาตจะให้ความคุ้มครองแก่นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะมีข้อบังคับและกฎระเบียบที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ที่หน่วยงานนั้นให้การควบคุมดูแล
2. ค่าธรรมเนียมมีความสมเหตุสมผล
>>> ค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์หุ้นจะเรียกเก็บอยู่ 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย เป็นจำนวนเงินที่นักลงทุนจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อซื้อขายหน่วยลงทุน โดยจะเสียค่าธรรมเนียมตามที่โบรกเกอร์ระบุต่อการลงทุน 10,000 บาท และ 2. ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ เป็นจำนวนเงินที่นักลงทุนจะต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อมีการซื้อขายต่อวัน
>>> ค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์หุ้น CFD จะเรียกเก็บอยู่ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. ค่าสเปรด เป็นค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์จะเรียกเก็บเพิ่มเติม เมื่อเทรดเดอร์เปิดออเดอร์ในแต่ละครั้ง ซึ่งนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ควรเลือกโบรกเกอร์สเปรดต่ำเพื่อลดต้นทุนในการซื้อขายให้ได้มากที่สุด 2. ค่า Swap เป็นค่าธรรมเนียมที่ทางโบรกเกอร์จะเรียกเก็บเมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน และ 3. ค่าคอมมิชชัน เป็นค่าธรรมเนียมที่จะคิดตามเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อขายหรือคิดเป็นจำนวนเงินต่อหุ้น
3. ระบบการเทรดมีเสถียรภาพ
>>> ไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์หุ้นจริงหรือโบรกเกอร์เทรดหุ้น CFD หากระบบเทรดไม่มีเสถียรภาพอาจจะทำให้คุณพลาดจังหวะในการซื้อขาย อีกทั้งยังส่งต่อความสะดวกสบายในการซื้อขายอีกด้วย
4. ผลิตภัณฑ์ในการซื้อขาย
>>> โบรกเกอร์แต่ละรายจะให้บริการผลิตภัณฑ์ในการซื้อขายที่แตกต่างกัน ซึ่งหากคุณต้องการลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ควรตรวจสอบกับโบรกเกอร์ ก่อนตัดสินใจเริ่มใช้บริการ
5. การบริการลูกค้า
>>> การบริการลูกค้าถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งในแง่การจัดส่งเอกสาร, การดำเนินการส่งคำสั่งซื้อขาย, การแจ้งเตือนความเสี่ยงต่าง ๆ หรือแม้แต่การให้บริการ เมื่อลูกค้าเกิดปัญหาอย่างทันท่วงที เป็นต้น
คุณน้ายกตัวอย่างโบรกเกอร์หุ้นจริงและโบรกเกอร์หุ้น CFD
1. โบรกเกอร์เทรดหุ้นจริง
- บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
*หมายเหตุ : สำหรับโบรกเกอร์หุ้นไทยอาจจะมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการให้บริการหุ้น ซึ่งบางโบรกเกอร์อาจจะให้บริการทั้งตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่บางโบรกเกอร์อาจให้บริการเฉพาะตลาดหุ้นไทยค่ะ ดังนั้น ควรศึกษารายละเอียด ก่อนตัดสินใจลงทุน
2. โบรกเกอร์เทรดหุ้น CFD
- IUX : สเปรดเริ่มต้น 0.0 pips ให้บริการ Leverage สูงสุดอยู่ที่ 1:3000 Free Swap ในทุกบัญชี และมีหน่วยงานให้การกำกับดูแล ได้แก่ ASIC, SVGFSA, FSCA และ FSC Mauritius
- Pepperstone : สเปรดเริ่มต้น 0.0 pips ให้บริการ Leverage สูงสุดอยู่ที่ 1:200 คิดค่า Swap ในทุกบัญชี และมีหน่วยงานให้การกำกับดูแล ได้แก่ ASIC, SCB, CMA, CySEC, FCA, BaFin และ DFSA
- FBS : สเปรดเริ่มต้น 0.7 pips ให้บริการ Leverage สูงสุดอยู่ที่ 1:3000 Free Swap ในทุกบัญชี และมีหน่วยงานให้การกำกับดูแล ได้แก่ FSC, CySEC และ ASIC
ข้อสังเกต : ค่าสเปรดของแต่ละบัญชีจะมีความแตกต่างกันและสำหรับค่าคอมมิชชันของหุ้นสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บไซต์ของแต่ละโบรกเกอร์ ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชีจริง
สรุปโบรกเกอร์เทรดหุ้นจริงและโบรกเกอร์เทรดหุ้น CFD ต่างกันอย่างไร?
การเทรดหุ้นจริงและการเทรดหุ้น CFD ล้วนมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน ซึ่งความเสี่ยงของการเทรดหุ้นจริง ก็คือ มีโอกาสในการสูญเสียเงินทุน หากราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่วนการเทรดหุ้น CFD มีความเสี่ยงในเรื่องของการใช้ Leverage ที่ถึงแม้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและก็เพิ่มโอกาสในการขาดทุนได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นแล้ว นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุนนะคะ
"และก่อนจากกันในกระทู้นี้ ใครที่เคยลองเทรดหุ้นทั้ง 2 รูปแบบนี้แล้ว มาแชร์ความรู้ ข้อควรระวัง หรือเทคนิคการเทรดอย่างไรให้ประสบความสำเร็จกันค่ะ"
เทรดหุ้นจริงและเทรดหุ้น CFD ต่างกันหรือไม่?
การเทรดหุ้นจริงต่างและการเทรดหุ้น CFD อย่างไร?
การเทรดหุ้นจริง คือ การซื้อและขายหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้ซื้อหุ้นจะได้รับสิทธิเป็นเจ้าของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล (Dividend) และส่วนต่างของราคา (Capital Gain) จากผลประกอบการของบริษัท ในขณะที่การเทรดหุ้น CFD คือ การเทรดหุ้นผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) เพื่อเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์โดยไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นจริง ๆ
แม้ว่าการเทรดหุ้นจริงและการเทรดหุ้น CFD จะมีความแตกต่างกัน แต่การเทรดทั้ง 2 รูปแบบนี้ จำเป็นต้องเปิดบัญชีการเทรดกับทางโบรกเกอร์ค่ะ ซึ่ง โบรกเกอร์หุ้น คือ นายหน้าหรือบริษัทที่เปิดให้บริการซื้อขายสินทรัพย์แก่นักลงทุน โดยโบรกเกอร์หุ้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 1. โบรกเกอร์ที่ให้บริการในการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ และ 2. โบรกเกอร์ที่ให้บริการซื้อขายผลิตภัณฑ์ CFD