การปฏิบัติที่ผิดหลักการของศาสนาอิสลามเป็นสิ่งขัดขวางการเข้ารับศาสนาอิสลาม ทำให้บางคนขยาดและยุ่งยากในการเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามนั้นก็คือ
การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย ซึ่งนิยมทำเมื่อทารกแรกเกิด ในสังคมของผู้นับถือศาสนายิวและศาสนาอิสลาม และบางครอบครัวของผู้นับถือศาสนาคริสต์
สำหรับศาสนาอิสลามการขริบไม่มีความจำเป็นตามหลักการและข้อบังคับตามบัญญัติของศาสนาอิสลาม แต่การขริบของท่านนบีอิบรอฮีม นั้นทำเพื่อรักษาความสะอาดส่วนบุคคลของชาวอรับทะเลทราย เพราะการชำระล้างร่างกายด้วยน้ำทำได้ยาก ตามสภาพภูมิศาสตร์ ในแถบทะเลทรายในสมัยนั้น
สำหรับชาวยิวนั้นเป็นข้อบังคับ ตามหลักศรัทธาในศาสนาจูดาย มีบัญญัติอยู่ในคัมภีร์ของศาสนาจูดาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระคัมภีร์โตราห์ของชาวยิว กำหนดให้ชายชาวยิวต้องตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชาย (ขริบ)
พื้นฐานจากพระคัมภีร์
บัญญัติการขริบมีอยู่ในโตราห์ โดยเฉพาะในปฐมกาล 17:10-14
เรียกอีกอย่างว่า "บริทมิลาห์" ซึ่งแปลว่า "พันธสัญญาการขริบ"
ความสำคัญทางวัฒนธรรมและศาสนา
การขริบถือเป็นสัญลักษณ์ของพันธสัญญาที่พระเจ้าทำกับชาวยิว
โดยปกติจะทำในวันที่แปดหลังคลอด เว้นแต่จะมีปัญหาด้านสุขภาพเกิดขึ้น
การปฏิบัติในปัจจุบัน
ชุมชนชาวยิวส่วนใหญ่ รวมถึงชาวยิวออร์โธดอกซ์ (อนุรักษ์นิยม และรีฟอร์ม) ปฏิบัติตามการปฏิบัตินี้
ชาวยิวบางคนอาจเลือกที่จะไม่ขริบด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือทางวัฒนธรรม แต่ยังคงเป็นประเพณีที่สำคัญในศาสนายิว
เนื่องจากอัลกุรอานได้ยกเลิกบัญญัติหลายบัญญัติในคัมภีร์ก่อนหน้าอิสลาม ดังนั้นอัลกุรอานจึงเป็นบัญญัติใหม่และเป็นคัมภีร์เล่มสุดท้ายสำหรับมนุษย์ เนื่องจากอัลกุรอานได้ยกเลิกข้อบังคับในการขริบ,
การขริบจึงไม่มีความจำเป็นและเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม เพราะว่าการรักษาความสะอาดส่วนบุคคลนั้น ศาสนาอิสลามถือเป็นภาคบังคับ มุสลิมต้องทำความสะอาดชำระล้างร่างกายด้วยน้ำเป็นประจำทุกๆวัน สำหรับการอาบน้ำละหมาดนั้นเป็นพิธีกรรมทางศาสนา
ไม่มีหลักฐานว่าท่านศาสดามูฮัมมัด ตัวท่านเองมีการขริบ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนทั้งทางหะดีษและตลอดอัลกุรอาน, อัลกุรอานบัญญัติไว้ว่า;
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِذَا قُمْتُمْ إِلَى الصَّلَاةِ فَاغْسِلُوا وُجُوهَكُمْ وَأَيْدِيَكُمْ إِلَى الْمَرَافِقِ وَامْسَحُوا بِرُءُوسِكُمْ وَأَرْجُلَكُمْ إِلَى الْكَعْبَيْنِ ۚ وَإِنْ كُنْتُمْ جُنُبًا فَاطَّهَّرُوا ۚ وَإِنْ كُنْتُمْ مَرْضَىٰ أَوْ عَلَىٰ سَفَرٍ أَوْ جَاءَ أَحَدٌ مِنْكُمْ مِنَ الْغَائِطِ أَوْ لَامَسْتُمُ النِّسَاءَ فَلَمْ تَجِدُوا مَاءً فَتَيَمَّمُوا صَعِيدًا طَيِّبًا فَامْسَحُوا بِوُجُوهِكُمْ وَأَيْدِيكُمْ مِنْهُ ۚ مَا يُرِيدُ اللَّهُ لِيَجْعَلَ عَلَيْكُمْ مِنْ حَرَجٍ وَلَٰكِنْ يُرِيدُ لِيُطَهِّرَكُمْ وَلِيُتِمَّ نِعْمَتَهُ عَلَيْكُمْ لَعَلَّكُمْ تَشْكُرُونَ {6}
[Yusufali 5:6] O ye who believe! when ye prepare for prayer, wash your faces, and your hands (and arms) to the elbows; Rub your heads (with water); and (wash) your feet to the ankles. If ye are in a state of ceremonial impurity, bathe your whole body. But if ye are ill, or on a journey, or one of you cometh from offices of nature, or ye have been in contact with women, and ye find no water, then take for yourselves clean sand or earth, and rub therewith your faces and hands, Allah doth not wish to place you in a difficulty, but to make you clean, and to complete his favor to you, that ye may be grateful.
{5:6} โอ้ บรรดาผู้ที่มีศรัทธา!
หากพวกเธอลุกขึ้นเพื่อจะทำการนมาซ ก็จงล้างหน้าของพวกเธอ และมือของพวกเธอจนถึงข้อศอก และจงเช็ดที่ศีรษะของพวกเธอ และเท้าของพวกเธอถึงตาตุ่มทั้งสอง และหากพวกเธอมีญะนาบะฮฺ ก็จงอาบน้ำ หากพวกเธอป่วยหรือกำลังเดินทาง หรือพวกเธอคนใดกลับมาจากการถ่ายทุกข์ หรือสมสู่กับหญิง แล้วไม่พบน้ำ ก็จงมุ่งหาดินที่ดี และลูบใบหน้าของพวกเธอ และมือของพวกเธอด้วยดินนั้น อัลลอฮฺไม่ทรงประสงค์ที่จะให้พวกเธอต้องลำบาก ทว่าทรงประสงค์ที่จะชำระพวกเธอให้พ้นมลทิน และจะทรงประทานความเมตตาของพระองค์ให้ครบถ้วน เพื่อพวกเธอจะได้ขอบพระคุณ
เนื่องจากอัลลออ์ทรงบัญญัติเรื่องการรักษาความสะอาดส่วนบุคคลไว้แล้ว ดังนั้นการขริบจึงไม่ม่ีความจำเป็นในศาสนาอิสลามและการขริบไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการเข้ารับศาสนาอิสลาม มุสลิมชายไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชำระล้างอวัยวะสืบพันธุ์ก่อนการละหมาด เพราะไม่มีบัญญัติไว้ในการอาบน้ำละหมาด มุสลิมชาย/หญิงตามปกติได้ชำระล้างร่างกายให้สะอาดเมื่อเวลาอาบน้ำประจำวันอยู่แล้ว ดังนั้นการขริบจึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับหลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม
ถึงแม้ว่าการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศช่วยในการทำ ความสะอาดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การรักษาความสะอาดในห้องอาบน้ำเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า และสิ่งที่มุสลิมและชายทั่วๆไปกระทำอยู่แล้ว เพราะว่าการทำความสะอาดใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศใช้เวลาน้อยกว่าการแปรงฟัน! จมูกของเรากรองอากาศและต้องทำความสะอาดบ่อยกว่า
เราไม่ได้ไปตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออกเพียงเพราะจำเป็นต้องทำความสะอาด หรือยกตัวอย่าง เช่น หลังจากใช้ห้องน้ำแล้ว ทวารหนักของเราต้องทำความสะอาดด้วยน้ำ สุขอนามัยเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของมุสลิมและบุคคลทั่วไป และการตัดอวัยวะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในเรื่องการทำความสะอาด
‘การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศไม่อาจจะป้องกันโรคได้ อย่างไรก็ตาม มีเพียงประมาณ 30% ของประชากรชายของโลกเท่านั้นที่ขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ส่วน 70% ไม่ได้ขริบ ไม่ปรากฏว่า70% ของชายที่ไม่ขริบแพร่กระจายโรคติดต่อทางเพศมากน้อยไปกว่าผู้ขริบ และการขริบไม่อาจจะป้องกัน
โรคติดต่อทางเพศได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Sexually transmitted infections (STIs) encompass a variety of diseases. The main types include:
Bacterial STIs:
Chlamydia
Gonorrhea
Syphilis
Trichomoniasis
Viral STIs:
Human Immunodeficiency Virus (HIV)
Herpes Simplex Virus (HSV)
Human Papillomavirus (HPV)
Hepatitis B and C
Parasitic STIs:
Trichomoniasis (also classified as a bacterial infection)
Fungal STIs:
Candidiasis (often referred to as a yeast infection)
Other Considerations:
Some infections, like HPV, can lead to cancer.
STIs can be asymptomatic, meaning individuals may not show symptoms but can still transmit the infection.
Regular testing and safe practices are essential for prevention and early detection. For more detailed information, consult healthcare providers or reputable health organizations.
As of 2023, the estimated global male population is approximately 3.9 billion.
Population Breakdown:
Total world population: About 8 billion.
Male population: Roughly 49% of the total.
Sources:
Data is derived from the United Nations and World Bank demographic statistics.
Trends:
The male population has been steadily increasing, but the ratio of males to females varies by region.
Approximately 30% of males worldwide are circumcised.
Regional Variations:
Middle East and North Africa: High rates, often exceeding 90%.
Sub-Saharan Africa: Rates vary significantly; some countries report over 80%.
United States: About 70% of males are circumcised, primarily for cultural and medical reasons.
(Cultural = American Jews and American Muslims,
Medical reasons = Frenuloplasty procedure involves removal and correction of the frenulum)
Europe and Asia: Generally lower rates, often below 20%.
Cultural and Religious Factors:
Circumcision is commonly practiced in Jewish and Islamic cultures.
In some regions, it is performed for health or hygiene reasons.
Uncertainty in Data:
Estimates can vary due to differing definitions of circumcision and reporting practices across countries.
สรุป:
การเข้าสุหนัต/ขริบในศาสนาอิสลามไม่ได้ถูกกำหนดเป็นสากล หรือ เป็นหลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม, แตกต่างกันไปตามชุมชนและการตีความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มุมมองทางศาสนา
ท่านศาสดามูฮัมมัด:
ไม่มีหลักฐานทั้งทางหะดีษและอัลกุรอานที่แน่นอนและชัดเจนว่า ท่านศาสดามูฮัมมัดตัวท่านเองทำสุนัตหรือได้รับการขริบ หรือมีคำสั่งสอนให้มุสลิมเข้าสุนัต/ขริบ
ความคิดเห็นที่หลากหลาย: นักวิชาการอิสลามมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการเข้าสุหนัต บางคนถือว่าการเข้าสุหนัตเป็นข้อบังคับ (wajib) ในขณะที่บางคนมองว่าเป็นคำแนะนำ (sunnah) หรือเป็นทางเลือก
การอ้างอิงหะดีษ: หะดีษบางฉบับกล่าวถึงการเข้าสุหนัต แต่ความถูกต้องและการตีความอาจแตกต่างกันไป และเป็นหะดีษที่อ่อนมากขาดความเชื่อถือ
แนวทางปฏิบัติทางวัฒนธรรม
ความแตกต่างตามภูมิภาค: ในประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ การเข้าสุหนัตเป็นแนวทางปฏิบัติทางวัฒนธรรมทั่วไป ซึ่งมักปฏิบัติด้วยเหตุผลอื่นนอกเหนือจากภาระผูกพันทางศาสนา
อิทธิพลของผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม: ในบางภูมิภาค ประเพณีและแนวทางปฏิบัติในท้องถิ่นมีอิทธิพลต่อการเข้าสุหนัตในหมู่ชาวมุสลิม
การพิจารณาสุขภาพ
มุมมองทางการแพทย์: องค์กรด้านสุขภาพบางแห่งหารือถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสุหนัต แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้จำเพาะเจาะจงกับแนวทางปฏิบัติทางศาสนา
คุณผู้ชายที่จะแต่งงานกับสาวมุสลิมบอกกับท่านอีมามว่าคุณยอมรับอิสลามตามหลักศาสนาอิสลามแต่ไม่มีความประสงค์จะทำการขริบหรือเข้าสุนัต เพราะไม่ใช่รุก่นอิสลาม [รุก่นอิสลาม ได้แก่ การปฏิญาณตน (ชะฮาดะห์), การละหมาด (ศอลาห์), การถือศีลอด (เศาม์), การบริจาคซะกาต (ซะกาห์), และการประกอบพิธีฮัจญ์ (ฮัจญ์)] ทำไมเราต้องขริบในเมื่อท่านศาสดามูฮัมมัดไม่ได้เข้าสุนัต/ขริบ ท่านก็เป็นมุสลิมที่ดีเลิศได้เช่นกัน
แนวทางปฏิบัติในการเข้าสุหนัตในศาสนาอิสลามได้รับอิทธิพลจากการตีความทางศาสนา บรรทัดฐานทางวัฒนธรรม และทางเลือกของแต่ละบุคคล
การขริบหรือการเข้าสุนัตไม่ใช่ข้อบังคับในการข้ารับศาสนาอิสลามและ/หรือ "การนิกะห์"
สำหรับชาวยิวนั้นเป็นข้อบังคับ ตามหลักศรัทธาในศาสนาจูดาย มีบัญญัติอยู่ในคัมภีร์ของศาสนาจูดาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื่องจากอัลกุรอานได้ยกเลิกบัญญัติหลายบัญญัติในคัมภีร์ก่อนหน้าอิสลาม ดังนั้นอัลกุรอานจึงเป็นบัญญัติใหม่และเป็นคัมภีร์เล่มสุดท้ายสำหรับมนุษย์ เนื่องจากอัลกุรอานได้ยกเลิกข้อบังคับในการขริบ, การขริบจึงไม่มีความจำเป็นและเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม เพราะว่าการรักษาความสะอาดส่วนบุคคลนั้น ศาสนาอิสลามถือเป็นภาคบังคับ มุสลิมต้องทำความสะอาดชำระล้างร่างกายด้วยน้ำเป็นประจำทุกๆวัน สำหรับการอาบน้ำละหมาดนั้นเป็นพิธีกรรมทางศาสนา
ไม่มีหลักฐานว่าท่านศาสดามูฮัมมัด ตัวท่านเองมีการขริบ ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนทั้งทางหะดีษและตลอดอัลกุรอาน, อัลกุรอานบัญญัติไว้ว่า;
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
{5:6} โอ้ บรรดาผู้ที่มีศรัทธา! หากพวกเธอลุกขึ้นเพื่อจะทำการนมาซ ก็จงล้างหน้าของพวกเธอ และมือของพวกเธอจนถึงข้อศอก และจงเช็ดที่ศีรษะของพวกเธอ และเท้าของพวกเธอถึงตาตุ่มทั้งสอง และหากพวกเธอมีญะนาบะฮฺ ก็จงอาบน้ำ หากพวกเธอป่วยหรือกำลังเดินทาง หรือพวกเธอคนใดกลับมาจากการถ่ายทุกข์ หรือสมสู่กับหญิง แล้วไม่พบน้ำ ก็จงมุ่งหาดินที่ดี และลูบใบหน้าของพวกเธอ และมือของพวกเธอด้วยดินนั้น อัลลอฮฺไม่ทรงประสงค์ที่จะให้พวกเธอต้องลำบาก ทว่าทรงประสงค์ที่จะชำระพวกเธอให้พ้นมลทิน และจะทรงประทานความเมตตาของพระองค์ให้ครบถ้วน เพื่อพวกเธอจะได้ขอบพระคุณ
เนื่องจากอัลลออ์ทรงบัญญัติเรื่องการรักษาความสะอาดส่วนบุคคลไว้แล้ว ดังนั้นการขริบจึงไม่ม่ีความจำเป็นในศาสนาอิสลามและการขริบไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการเข้ารับศาสนาอิสลาม มุสลิมชายไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชำระล้างอวัยวะสืบพันธุ์ก่อนการละหมาด เพราะไม่มีบัญญัติไว้ในการอาบน้ำละหมาด มุสลิมชาย/หญิงตามปกติได้ชำระล้างร่างกายให้สะอาดเมื่อเวลาอาบน้ำประจำวันอยู่แล้ว ดังนั้นการขริบจึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับหลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม
ถึงแม้ว่าการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศช่วยในการทำ ความสะอาดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม การรักษาความสะอาดในห้องอาบน้ำเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า และสิ่งที่มุสลิมและชายทั่วๆไปกระทำอยู่แล้ว เพราะว่าการทำความสะอาดใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศใช้เวลาน้อยกว่าการแปรงฟัน! จมูกของเรากรองอากาศและต้องทำความสะอาดบ่อยกว่า เราไม่ได้ไปตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออกเพียงเพราะจำเป็นต้องทำความสะอาด หรือยกตัวอย่าง เช่น หลังจากใช้ห้องน้ำแล้ว ทวารหนักของเราต้องทำความสะอาดด้วยน้ำ สุขอนามัยเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตของมุสลิมและบุคคลทั่วไป และการตัดอวัยวะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในเรื่องการทำความสะอาด
‘การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศไม่อาจจะป้องกันโรคได้ อย่างไรก็ตาม มีเพียงประมาณ 30% ของประชากรชายของโลกเท่านั้นที่ขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ส่วน 70% ไม่ได้ขริบ ไม่ปรากฏว่า70% ของชายที่ไม่ขริบแพร่กระจายโรคติดต่อทางเพศมากน้อยไปกว่าผู้ขริบ และการขริบไม่อาจจะป้องกันโรคติดต่อทางเพศได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป:
การเข้าสุหนัต/ขริบในศาสนาอิสลามไม่ได้ถูกกำหนดเป็นสากล หรือ เป็นหลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม, แตกต่างกันไปตามชุมชนและการตีความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้