วันผมรู้สึกเบื่อๆก็เลยคิดอะไรสนุกออกกะว่าจะมาตั้งชื่อเมนูจากจิตใจคนเราสักหน่อย
1.(ความอร่อยที่แสนเจ็บปวด)แค่ชื่อก็ดูแปลกๆแล้วใช่มั้ยครับแต่อาหารจานนี่เราจะต้องทานมันคู่กับเสียงเพลงเบาๆ แบบยุคคลาสสิค ผสมดนตรีโบราณ และอีกอย่างนะครับถ้าลองจินตนาการว่าข้างในสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นมันคืออะไรแน่นอนครับมันไม่มีครับมันว่างเปล่าเพราะถ้าคุณสั่งอาหารจานนี่เมื่อไหร่คุณคงเตรียมใจที่จะต้องกัดกินตัวเองอย่างช้าๆเพราะมันทำมาจากจิตสำนึกและจิตใจใต้ก้นบึ้งของพวกคุณฟังดูอาจจะน่ากลัวแต่เราทุกคนต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้เพราะถ้าไม่ได้จะอยู่หรือตายก็มีค่าเท่ากัน
2.(หยดน้ำค้างที่พอประทัง)แน่นอนครับว่าเมนูนี้ก็เป็นเมนูยอดฮิตในร้านเหมือนกันเพราะเมนูนี้มีชื่อว่าหยดน้ำค้างก็จริงแต่มันไม่ได้ทำมาจากน้ำครับมันทำมาจากหยาดเหงื่อและเลือดทุกหยดพวกคุณเคยเสียไปเราเก็บรวบรวมทุกหยดและนำมาอยู่ในจานใบนี้ให้พวกคุณได้ชื่นชมและลองชิมมันดูอ่อ~และแน่นอนครับว่ารสชาติมันขมกว่าความเป็นคนซะอีก อ๋อ~ไม่ใช่สิโลกใบนี้

ขมกว่าจานนี้อีกครับ ลองไปตีความหมายกันดูนะครับ
3.(รสชาติสุดท้าย)แน่นอนครับว่าอาหารจานนี้เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยสำหรับคนที่ไม่ชอบกินจานหลักเป็นพิเศษนี่ถือว่าตอบโจทย์ครับอาหารจานนี้ทำมาจากความรู้สึกที่คุณไม่อยากหวนคิดถึงมันอีกอ้อ~และแน่นอนครับว่าสิ่งที่ผมนำมาทำนั่นก็คือความรู้สึกและความเจ็บปวดของอดีตที่นำมาปรุงแต่งจัดสรรมาใหม่อีกครั้งหนึ่งและในนั้นอาจจะมีคุณตอนเด็กๆก็ได้อาจจะเป็นความรู้สึกเจ็บปวดในวัยเด็กที่ไม่อยากคิดถึงมันอีกอาจเป็นปมด้อยของคุณด้วยเตือนนะครับ"เมื่อไหร่ที่คุณสั่งเมนูนี้คุณต้องกินมันนะครับแม้มันจะเจ็บปวดสักเท่าไหร่แต่มันคงจะดีนะคุณกินเข้าไปและผมกำลังจะบอกว่าความหมายของคำว่ารสชาติสุดท้ายของชีวิตคืออะไรมันเหมือนกับจิตใจของคุณนั่นแหละถ้าเปรียบกับจิตใจของคนเป็นลูกโป่งมันคงเป็นลูกโป่งที่ตึงมากแต่เมื่อไหร่ที่คุณจะปล่อยหรือคลายมันเมื่อนั่นแหละครับที่คุณจะรู้สึกว่ารสชาติของชีวิตมันก็ไม่ได้แย่"
วันนี้เอาไปก่อน3เมนูครับแต่เมนูที่2ผไม่ได้ลงรายละเอียดเท่าแต่ถ้าใครสงสัยว่าเมนูแต่ละเมนูมีความหมายตรงตัวว่าอะไรหรืออยากได้ความหมายเพิ่มเติม ทักมาถามผมก็ได้นะครับเดี๋ยวผมตอบให้และอีกอย่างนะครับ(ผมไม่ใช่ผู้ชาย)
เมนูอาหารจากสังคมและความเป็นคน