เราเพิ่งพาพี่ชายเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในที่ศรีธัญญาเป็นครั้งแรกค่ะ เนื่องจากพี่ชายเสพยาบ้า แล้วเริ่มมีอาการทางจิตที่มีผลมาจากยา (เดิมพี่ชายเป็นโรคซึมเศร้ามา 8 ปีแล้วด้วยค่ะ)
โดยน้ำหนักลดลง 7 กิโลภายใน 1.5 เดือน หูแว่ว หวาดระแวง พูดคนเดียว เคาะสิ่งรอบข้างตามเสียงเครื่องบินที่ได้ยินจากอาการหูแว่วเกือบตลอดเวลา เริ่มอยากทำร้ายตัวเอง เช่นขอยืมปืนคนข้างบ้าน เดินให้รถชน บอกให้เพื่อนยิงหัว ทานยานอนหลับปริมาณมาก ก้าวร้าว เริ่มพูดหยาบคายและทำร้ายคนที่บ้านบ้าง รวมทั้งเอากุญแจบ้านไปซ่อน แล้วเอาเพื่อนที่เล่นยาเข้ามาขโมยของในบ้าน
พยาบาลบอกเราว่าพี่ชายเราต้องอยู่ใน รพ. อย่างน้อย 2 สัปดาห์ แล้วค่อยมาติดตามอาการต่อไปว่าควรนอน ร.พ. ต่อไหม
เอาจริงๆ เราก็ยังไม่ไว้ใจให้พี่ชายกลับเข้าบ้านในเร็ววัน เนื่องจากเดิมที่บ้านอยู่กัน 3 คน เรา แม่ที่เป็นอัลไซเมอร์ และพี่ชาย
ก่อนจับส่ง ร.พ พี่ชายทะเลาะกับแม่ แล้วเอามีดมาขู่ให้แม่แทงเขา แต่แม่แกไม่ทำ แล้วบอกให้พี่ชายมาแทงแม่แทน แต่ก็ยังไม่ได้เกิดการแทงกันจริงค่ะ
เรากังวลว่าหากพี่ชายกลับเข้าบ้าน เขามีแนวโน้มสูงที่จะกลับมาเล่นยา เพราะยานั้นขายกันในชุมชนเลย เพื่อนที่เขาไปมั่วสุมก็เป็นคนค้ายารายย่อย(ที่พี่ชายพาเข้ามาขโมยของในบ้านนั่นล่ะ) ที่เอายามาปล่อยแล้วเก็บเงินส่งส่วยให้ตำรวจในท้องที่ๆ เอายาที่จับจากผู้ค้ารายใหญ่มาปล่อยอีกที คนในชุมชนรู้กันทั้งนั้น เพราะในชุมชนมีคนหลายระดับตั้งแต่ชนชั้นแรงงานถึงชนชั้นกลาง
ไม่ใช่ว่าเราไม่รักพี่ชาย แต่พี่ชายเราไม่ทำงานมา 6-7 ปีแล้ว เมียก็ขอเลิก เราต้องรับผิดชอบทั้งพี่ชาย แม่ ลูกพี่ชาย(ช่วยๆ กันกับแม่เด็ก) แล้วพี่ชายก็วนลูปกลับมาเล่นยาเป็นสิบครั้งแล้ว โดยเล่นยาตั้งแต่วัยรุ่นประมาณอายุ 25 ตอนนี้ 53 แล้วค่ะ
เราจะทำยังไงได้บ้างเพื่อให้พี่ชายอยู่ที่ศรีธัญญานานๆ
หรือหากพี่ชายออกจาก รพ. เร็ว เรามีความคิดจะพาครอบครัวย้ายหนีไปที่อื่นที่พี่ชายไม่รู้จักตามหาไม่เจอ แล้วหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้พี่ชายพวกห้องเช่าถูกๆ ซึ่งจริงๆ เรามองในชุมชนไว้แล้วราคาเดือนละ 2000 แล้วก็จะจ่ายค่ากินให้ไม่เกินเดือนละ 3000 แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าเอาเข้าจริงเราจะจ่ายไหวในระยะยาวไหม แล้วห้องเช่านั้นก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเพื่อนค้ายาของพี่ชาย ซึ่งโอกาสที่พี่ชายจะเล่นยาอีกก็มีสูงมาก แต่ก็มีคนบอกเราว่าคนจะเล่นยา ต่อให้ไกลแค่ไหนก็เล่นได้
เราไม่รู้จะทำยังไงถึงจะเหมาะ จะทิ้งพี่เลยก็ยังรู้สึกผิดค่ะ
ใครเคยเป็นผู้ป่วยหรือมีญาติหรือคนรู้จัก รักษาตัวที่อาคาร 9 รพ.ศรีธัญญาบ้างคะ
โดยน้ำหนักลดลง 7 กิโลภายใน 1.5 เดือน หูแว่ว หวาดระแวง พูดคนเดียว เคาะสิ่งรอบข้างตามเสียงเครื่องบินที่ได้ยินจากอาการหูแว่วเกือบตลอดเวลา เริ่มอยากทำร้ายตัวเอง เช่นขอยืมปืนคนข้างบ้าน เดินให้รถชน บอกให้เพื่อนยิงหัว ทานยานอนหลับปริมาณมาก ก้าวร้าว เริ่มพูดหยาบคายและทำร้ายคนที่บ้านบ้าง รวมทั้งเอากุญแจบ้านไปซ่อน แล้วเอาเพื่อนที่เล่นยาเข้ามาขโมยของในบ้าน
พยาบาลบอกเราว่าพี่ชายเราต้องอยู่ใน รพ. อย่างน้อย 2 สัปดาห์ แล้วค่อยมาติดตามอาการต่อไปว่าควรนอน ร.พ. ต่อไหม
เอาจริงๆ เราก็ยังไม่ไว้ใจให้พี่ชายกลับเข้าบ้านในเร็ววัน เนื่องจากเดิมที่บ้านอยู่กัน 3 คน เรา แม่ที่เป็นอัลไซเมอร์ และพี่ชาย
ก่อนจับส่ง ร.พ พี่ชายทะเลาะกับแม่ แล้วเอามีดมาขู่ให้แม่แทงเขา แต่แม่แกไม่ทำ แล้วบอกให้พี่ชายมาแทงแม่แทน แต่ก็ยังไม่ได้เกิดการแทงกันจริงค่ะ
เรากังวลว่าหากพี่ชายกลับเข้าบ้าน เขามีแนวโน้มสูงที่จะกลับมาเล่นยา เพราะยานั้นขายกันในชุมชนเลย เพื่อนที่เขาไปมั่วสุมก็เป็นคนค้ายารายย่อย(ที่พี่ชายพาเข้ามาขโมยของในบ้านนั่นล่ะ) ที่เอายามาปล่อยแล้วเก็บเงินส่งส่วยให้ตำรวจในท้องที่ๆ เอายาที่จับจากผู้ค้ารายใหญ่มาปล่อยอีกที คนในชุมชนรู้กันทั้งนั้น เพราะในชุมชนมีคนหลายระดับตั้งแต่ชนชั้นแรงงานถึงชนชั้นกลาง
ไม่ใช่ว่าเราไม่รักพี่ชาย แต่พี่ชายเราไม่ทำงานมา 6-7 ปีแล้ว เมียก็ขอเลิก เราต้องรับผิดชอบทั้งพี่ชาย แม่ ลูกพี่ชาย(ช่วยๆ กันกับแม่เด็ก) แล้วพี่ชายก็วนลูปกลับมาเล่นยาเป็นสิบครั้งแล้ว โดยเล่นยาตั้งแต่วัยรุ่นประมาณอายุ 25 ตอนนี้ 53 แล้วค่ะ
เราจะทำยังไงได้บ้างเพื่อให้พี่ชายอยู่ที่ศรีธัญญานานๆ
หรือหากพี่ชายออกจาก รพ. เร็ว เรามีความคิดจะพาครอบครัวย้ายหนีไปที่อื่นที่พี่ชายไม่รู้จักตามหาไม่เจอ แล้วหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้พี่ชายพวกห้องเช่าถูกๆ ซึ่งจริงๆ เรามองในชุมชนไว้แล้วราคาเดือนละ 2000 แล้วก็จะจ่ายค่ากินให้ไม่เกินเดือนละ 3000 แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าเอาเข้าจริงเราจะจ่ายไหวในระยะยาวไหม แล้วห้องเช่านั้นก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเพื่อนค้ายาของพี่ชาย ซึ่งโอกาสที่พี่ชายจะเล่นยาอีกก็มีสูงมาก แต่ก็มีคนบอกเราว่าคนจะเล่นยา ต่อให้ไกลแค่ไหนก็เล่นได้
เราไม่รู้จะทำยังไงถึงจะเหมาะ จะทิ้งพี่เลยก็ยังรู้สึกผิดค่ะ