JJNY : 5in1 แม่ค้าขอนแก่นโอดศก.แย่│โรมชี้ประมาทไม่ได้│ป.ป.ช.ยันส่งศาลแล้ว│ลงโทษหมอเพิ่ม│คาดไม่มีผู้รอด แอร์อินเดียตก

แม่ค้าขอนแก่นโอดเศรษฐกิจแย่ ถาม “นายกฯ อิ๊งค์” บริหารประเทศอย่างไรจนต้องคิดถึง “ลุงตู่”
https://ch3plus.com/news/economy/morning/441575
.
.
แม่ค้าตลาดสดที่ขอนแก่น บ่นระงม เศรษฐกิจแย่คนไม่ค่อยซื้อของ นายทุนกินรวบ ส่วนคนจนกลับจนกว่าเดิม ถาม “นายกฯ อิ๊งค์” บริหารประเทศอย่างไรจนต้องคิดถึง “ลุงตู่”
.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของพ่อค้าแม่ค้าในเขตเทศบาลนครขอนแก่นเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาล ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดน ปัญหาชั้น14 ซึ่งจากการสอบถามพบว่าประชาชนส่วนใหญ่บอกว่ารัฐบาลชุดนี้ล้มเหลวในการบริหารทั้งเศรษฐกิจและการเมือง เพราะคงไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าการบริหารของรัฐบาลชุดนี้แล้ว และบริหารงานอย่างไรให้ประชาชนคิดถึงลุงตู่
.
น.ส.อารยานี ผู้ที่อยู่ค้าขายในตลาดสด กล่าวว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดีมาก คนไม่มีกำลังซื้อ พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ คนไม่มีเงินในกระเป๋าและระบบการค้าเสรีเต็มที่แบบนี้ปลาใหญ่จะกินปลาเล็กคนทุนน้อยไม่มีที่จะยืน ถึงจะไปสู้ในออนไลน์ก็สู้ไม่ได้ เพราะราคาสินค้าก็สู้ทุนใหญ่ไม่ได้เหมือนเดิม มีแต่นายทุนใหญ่ลงมาเล่นเอง ปลาใหญ่ลงมาปลาเล็กสะเทือน พ่อค้าแม่ค้าก็รับมาขาย แต่ทุนใหญ่ดันลงมาขายเองด้วย
.
เธอกล่าวต่อว่า รัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศ แต่ไม่มีฝีมือในการบริหาร ตอนแรกก็ดีใจตั้งความหวังไว้ว่ามีนายกฯ ตั้ง 2 คน คนนึงเก๋าเกมส์ อีกคนเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง คุยไว้อย่างดีแต่ไม่สมคำคุยบอกว่าจะไม่มีคนจน แต่กลายเป็นว่าจะไม่มีคนจน ดันจนกว่าเดิม ระบบการบริหารเสียหายทุกเสาหลัก ทั้งปัญหาระหว่างประเทศ ปัญหาการเมืองในประเทศ คุณไม่เคยสนใจประชาชนอย่างที่พูดเอาไว้ ประชาชนไม่ได้เป็นอันดับแรกๆ ประเทศชาติไม่ใช่ลำดับแรกในใจคุณ มีปัญหาชายแดนอีก อย่างเรื่องชั้น 14 ก็หมดหวังไปแล้วปล่อยให้คนอื่นๆรับผิดกันไป เรื่องตึก สตง.ถล่มคน ป่านนี้ยังไม่มีคนผิดคนรับผิดชอบ ที่มีการจัดอันดับการคอรัปชั่น ถ้าไม่ใช่การคอรัปชั่นสังคมคงไม่เป็นแบบนี้ ถ้าตึก สตง. ที่ถล่มมีลูกหลานรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งป่านนี้มีคนรับผิดชอบไปแล้ว แต่คนที่ตายเป็นคนเสียชีวิตเป็นกรรมกรก่อสร้างเลยถูกเพิกเฉย พร้อมตั้งคำถามว่าบริหารประเทศอย่างไรให้คิดถึงลุงตู่
.
น.ส.อารยา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากบริหารไม่ได้จริงๆ เกิดการยุบสภาก็คิดว่าไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าเลือกใหม่ก็จะกลับมาเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น แย่งกระทรวงเกรดเอกัน ถ้าเก่งจริงก็ไปแย่งกระทรวงงบน้อยๆดูบ้าง ที่ไม่ใช่เกรดเอ ประชาชนอยู่ทีหลังตลอด ประเทศชาติตอนนี้กำลังมีปัญหา คุณยังเฉยคุณไม่ทำอะไรเลย ไม่รู้อะไรเลยฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี
.
ด้านนางสมเจตน์ แม่ค้าในตลาด กล่าวว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจแย่ที่สุด จากเคยขายได้วันละ 4-5 พันบาท เหลืออยู่วันละ 2,000 บาท จากลูกค้าเคยซื้อปลาทีละ 1-2 กก. ตอนนี้ซื้อทีละ 1-2 ตัวเท่านั้น เกิดมาอายุ 60 ปี ปีนี้แย่ที่สุด ปกติก็แย่อยู่แล้ว แต่เปลี่ยนมือมาเป็นรัฐบาลชุดนี้แย่กว่าเดิม คนไม่กล้าจับจ่ายไม่มีเงิน และไม่มั่นใจกับรัฐบาลชุดนี้การบริหาร บริหารก็ไม่ดีเท่าที่ควร คนมีเงินก็ไม่กล้าออกมาใช้ ถ้าคนกลุ่มนี้ไม่มาซื้อแม่ค้าก็ยิ่งจะไม่รอด ตั้งแต่ตอนหาเสียงเคยพูดว่ารัฐบาลชุดนี้เก่งเรื่องเศรษฐกิจที่สุด จากการบริหารมามองว่าไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว แทบจะไม่เห็นความสำเร็จอะไรเลย ถ้าเทียบกับรัฐบาลลุงตู่ ตอนรัฐบาลลุงตู่ว่าแย่แล้ว แต่ยังดีกว่านี้เยอะ จากการบริหารของรัฐบาลที่แล้ว ช่วยกระตุ้นมีโครงการต่างๆมาเรื่อยๆ อย่างโครงการคนละครึ่งมาช่วยในยามที่แย่ แต่รัฐบาลนี้ยามที่ประชาชนแย่ก็ไม่เคยสนใจ โควิดระบาดใหม่รอบนี้ ยังไม่คิดจะแก้ไขอะไรเลย จะให้เชื่อใจได้อย่างไร
.

.
โรมชี้ กัมพูชายื่นศาลโลก ประมาทไม่ได้ ย้ำใช้ทวิภาคี แนะรบ.เพิ่มมิติ ปราบแก๊งคอล สร้างแต้มต่อไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5227299
.
‘รังสิมันต์’ ย้ำปมยื่นศาลโลก ประมาทไม่ได้ กัมพูชาเตรียมตัวมานานแล้ว เล็งเชิญ ‘ก.ต่างประเทศ’ เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ รับไม่รู้ถก JBC จบอย่างไร ยืนยัน 2 ฝ่ายควรใช้กลไกทวิภาคี แนะรัฐบาลเพิ่มมิติการปราบแก๊งคอลฯ เพิ่มแต้มต่อให้ฝ่ายไทย
.
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป แถลงภายหลังการประชุม ว่า เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันถึงการเตรียมความพร้อมต่างๆในทุกมิติ รวมถึงประเมินความเป็นไปได้ในหลายทาง ซึ่งทางกมธ.เห็นพ้องต้องกัน ในยุทธศาสตร์และการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ ที่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ
.
ทางกมธ.ได้ให้คำแนะนำกับทางรัฐมนตรีว่า รัฐบาลสมควรที่จะเพิ่มมิติที่เกี่ยวกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาของฝั่งไทย อีกส่วนหนึ่งถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญในอุตสาหกรรมที่มีผลต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา อีกทั้งเป็นการสร้างแต้มต่อที่สำคัญให้ฝั่งไทย
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องศาลโลก แน่นอนว่า กัมพูชาพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่การใช้กลไกศาลโลกแน่นอน ทางกมธ.ได้เสนอแนะว่า มีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ ไม่สามารถประมาทได้
.
หลังจากมีประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหารเราเอง ก็ได้มีการถอนตัวในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะวางใจได้ เราทราบว่า กัมพูชามีการเตรียมความพร้อมมาเป็นเวลานานแล้วในเรื่องของการเตรียมการขึ้นสู่ศาลโลก
.
ทางประเทศไทยต้องเตรียม ทั้งนักกฎหมายระหว่างประเทศที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ไปจนถึงกลไกที่อาจจะจำเป็นต้องใช้ เราเชื่อว่า ทางฝ่ายกัมพูชาจะเอาทุกกระบวนการไปใช้ประโยชน์เพื่อเรื่องศาลโลกอย่างแน่นอน ไทยต้องมีการเตรียมทั้งตั้งรับและเชิงรุก
.
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่สำคัญคือ หลุมหลบภัย หรือบังเกอร์ต้องยอมรับว่ากัมพูชา มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่าเดิมค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีศักยภาพในยิงระยะไกลกว่าเดิม แม้เราจะมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย แต่การเตรียมการของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญ
.
ทางกมธ.ได้ให้คำแนะนำว่า นายกรัฐมนตรีมีงบกลางในการที่จะดำเนินการในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน ในการที่จะต้องเร่งสร้างหลุมหลบภัยให้เพียงพอกับความต้องการ และก็ให้สามารถที่จะตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
.
เราไม่รู้ว่าวันที่ 14 มิ.ย. จะจบอย่างไร แต่ว่าสิ่งที่เราเริ่มเตรียมการได้คือการทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยของเราปลอดภัยที่สุด เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของหลุมหลบภัย แล้วในเรื่องของงบประมาณ ไม่ต้องไปบอกให้หน่วยงานไหนทำอะไร เอานายกรัฐมนตรีเลย ท่านต้องสั่งการในเรื่องนี้” นายรังสิมันต์กล่าว
.
เมื่อถามถึงความเป็นไปว่า การประชุม JBC จะถูกเลื่อนหรือยกเลิกหรือไม่
.
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ทางกัมพูชาจะไม่เอาเรื่องที่มีความขัดแย้ง อย่างปราสาททั้ง 3 และอีกหนึ่งพื้นที่ ที่ทางกัมพูชาพยายามบอกว่า เป็นพื้นที่ของเขา เช่น บริเวณช่องบก มาพูดคุย ตามที่กัมพูชายืนยัน
.
แต่ทางเรา ตนคิดว่า อย่างไรเราก็ต้องคุย ไม่เช่นนั้น ก็จะหาทางออกไม่ได้ และต้องยืนยันด้วยว่า ถ้าเราดูจากเอ็มโอยู 43 ก็มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ โดยเราต้องใช้กลไกทวิภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจะเป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่แค่ฝ่ายไทยเท่านั้น เพราะคือเครื่องมือ ที่จะลดความขัดแย้งได้จริง
ส่วนการไปสู่ศาลโลก หรือกรณีใดก็แล้วแต่นั้น สุดท้ายเรามีบทเรียนแล้ว ในเรื่องของปราสาทเขาพระวิหารว่า ไม่ได้จบจริง มีแต่จะทำให้ความขัดแย้งขยายตัว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงต้องใช้กลไกทวิภาคี
.
อีกทั้ง เราควรที่จะมองหา ในเรื่องของการร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ หากทางกัมพูชาไม่ใช้กลไกทวิภาคี ก็จะทำให้สุดท้ายแล้ว กัมพูชาจะยังตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ โดยเฉพาะในเรื่องมิติเศรษฐกิจเอง
.
เพราะเราต้องไม่ลืมว่า กลไกอย่างเรื่องคอลเซ็นเตอร์นั้น สร้างความเสียหายให้กับผู้คนทั่วโลกจริงๆ และเม็ดเงินที่เกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับว่า กัมพูชาปล่อยให้มีการตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะปฏิเสธการไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เพราะแม้ในวันที่ตั้งอาจจะไม่รู้ แต่เมื่อตอนนี้รู้แล้ว และก็มีหลายจุด จะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
.
ดังนั้น จึงมีหลายหลายมิติ ที่ตนคิดว่า ประเทศไทยสามารถที่จะหยิบยกไปพูดคุย ไม่จำเป็นต้องพูดคุย แค่เฉพาะในเรื่องของ 3 ปราสาทกับ 1 พื้นที่ซับซ้อนเท่านั้น ยังมีอีกหลายจุด เพื่อนำไปสู่การทำให้ ไม่มีโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธ หรือลดโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธออกไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำ
.
เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่า  ทางฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังค่อนข้างมาก ส่วนในมิติการพูดคุย วันนี้เราก็ต้องชื่นชม โดยเฉพาะ พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเจรจา จนกัมพูชายอมถอย
.
และเป็นส่วนสำคัญในการพูดคุย เพื่อทำให้บรรยากาศที่ร้อนแรงลดลงไป แต่หากถามว่า ลดลงไปทั้งหมดหรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีงานที่เราต้องทำอีกเยอะ ในการที่จะลดความร้อนแรง ไม่ใช่แค่ลดในเรื่องของเงื่อนไขทางทหาร เพราะไม่ใช่ทุกอย่าง อาจจะเป็นหนึ่งในกลไกที่กัมพูชามองว่า มีส่วนที่เขาอาจจะได้เปรียบบางอย่าง ไม่ใช่ความหมาย คือการแพ้ชนะ แต่รวมไปถึงการใช้กลไกอย่างศาลด้วย
.
สิ่งสำคัญคือ กัมพูชาต้องการที่จะยกระดับไปสู่ศาลโลก เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถใช้กลไกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น สิ่งที่ไทยต้องทำ คือทำให้กลายเป็นการพูดคุยกับทวิภาคี ต้องมีการวางไพ่ ในแต่ละใบ วันนี้เราก็คงต้องช่วยกันสนับสนุน โดยเฉพาะการทำงานของผู้ปฏิบัติหน้างาน รวมถึงฝ่ายนโยบาย ที่จะทำให้เกิดความเป็นเอกภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตนี้ให้ได้
.
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ทางกมธ. จะมีการหารือเพื่อเตรียมการ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาลโลก รวมถึงจะมีการติดตามเรื่องคอลเซ็นเตอร์ และจะเชิญทั้งกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการที่เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุมด้วย
.

.
ป.ป.ช. ยัน ส่งคำแถลง-คำชี้แจง เอกสารคดีชั้น 14 ให้ศาลฎีกาแล้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5227692
.
ป.ป.ช. ยืนยัน ส่งคำแถลง-คำชี้แจง พร้อมเอกสารประกอบคดีชั้น 14 ให้ศาลฎีกาแล้ว
.
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวจากสื่อมวลชนกรณีคดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้นัดไต่สวนคดีครั้งแรกในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 หลายฝ่ายจับตาว่าอาจมีคำสั่งเด็ดขาด แต่กลายเป็นว่ายังไปไม่ถึงไหน เพราะ ป.ป.ช. ยังส่งเอกสารไม่ครบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่