นานมาแล้ว..
ณ บ้านหลังหนึ่งในชนบทเงียบสงบของรัฐเพนซิลเวเนีย มีหญิงสาวผู้หนึ่งนามว่า "เอลิซาเบธ" เธอเป็นหญิงหม้ายผู้เลี้ยงดูลูกสาว “รูบี้” เด็กน้อยผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยน และดวงตาสุกใสดั่งประกายหิมะในฤดูใบไม้ร่วง
รูบี้นั้นมีของที่เธอรักอยู่เพียงชิ้นเดียว นั้นก็คือตุ๊กตา "พอร์ซเลน" สีงาช้าง ที่ใส่ชุดลูกไม้สีฟ้า และผมสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งหวีเรียบอยู่เสมอ เธอเรียกมันว่า “รูบี้อีกคน” เพราะเธอบอกว่า “มันคือฉัน ในวันที่ตัวเองไม่กล้าที่จะพูดอะไรกับใคร”
ในทุกๆ คืนหลังจากแม่ของเธอดับตะเกียง เธอมักกระซิบกับตุ๊กตาเบาๆ เหมือนบอกความลับให้ฟัง และเมื่อรุ่งเช้าจะพบว่า ตุ๊กตารูบี้อีกคนนั้นจะถูกจัดวางในตำแหน่งที่ต่างไปจากเดิม
.
ในทุกวัน รูบี้มักจะช่วยเอลิซาเบธเข้าครัวทำอาหาร เธอมักจะชอบจัดแต่งจานด้วยผักที่นำมาตัดให้เป็นรูปร่างต่างๆ วางไว้บนจาน ก่อนที่จะตักอาหารมาใส่ และทุกครั้งที่เอลิซาเบธเห็น ก็จะชมรูบี้อยู่เสมอว่าจานที่จัดตกแต่งนี้ดูสนุก ทำให้เวลากินอาหารในจานนี้ทุกครั้งก็จะสนุกไปด้วย
รูบี้จะเก็บคำชมของแม่มาบอกตุ๊กตารูบี้อยู่เสมอ
.
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งในปี้นี้นั้นมาเยือนเร็วกว่าทุกปี ลมเหนือพัดแรง และหมอกขาวปกคลุมหมู่บ้านทั้งวันทั้งคืน
ภายในหมู่บ้านเกิดไข้หวัดใหญ่ ที่ระบาดอย่างเงียบๆ เริ่มจากบ้านหลังหนึ่ง แล้วแพร่กระจายออกไปที่ละบ้าน จนทุกครัวเรือนนั้นเป็นไข้หวัดใหญ่ รวมถึงบ้านของเอลิซาเบธ
รูบี้เริ่มไอเบาๆ ตามมาด้วยไข้สูง และเสียงครางสะอื้นอย่างแผ่วเบา จนอาการเธอเริ่มหนักขึ้น และในคืนหนึ่ง เอลิซาเบธนั่งเฝ้าลูกสาวอยู่ข้างเตียงไม้ โดยไม่ได้นอนพักผ่อนมากนัก ดวงตาเธอแดงก่ำจากทั้งน้ำตา และความหวั่นใจ
คืนนั้นหิมะตกหนัก รูบี้เบิ่งตาขึ้นมองหน้าแม่แล้วกระซิบเสียงแผ่ว:
“แม่..หนูฝากรูบี้อีกคนด้วยนะ”
..ดวงตาคู่น้อยคู่นั้นก็ปิดลง เงียบสงบ ราวกับเสียงทั้งโลกหยุดลงพร้อมกัน
เอลิซาเบธโอบลูกสาวแน่น สัมผัสได้ถึงอ้อมแขนที่เริ่มเย็นเฉียบอย่างช้าๆ เธอนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น จนรุ่งสาง
หลายวันผ่านไปเอลิซาเบธ ได้เก็บตุ๊กตาพอร์ซเลนไว้ในกล่องไม้บุผ้าลินินอย่างบรรจง ห่อด้วยผ้าคลุมไหล่ผืนเก่าของรูบี้ เธอเลือกที่จะนำไปเก็บไว้ยังห้องใต้หลังคา
.
เสียงเอี๊ยดอ๊าดระหว่างทางเดินบันไดดังขึ้น ขณะที่เธอกำลังก้าวเท้า ภายในห้องนั้นมีเพียงแสงไฟจากเทียนหนึ่งเล่ม เธอวางกล่องไว้มุมห้องอย่างช้าๆ แล้วเดินออกมา ก่อนจะปิดประตู และใช้ตะปูเหล็กตอกแน่นทุกด้านเพื่อปิดประตูไว้ชั่วนิรันดร์
“อย่าให้ใคร..ปลุกความเศร้าอีกเลย” เธอพึมพำ
หลังจากนั้น เอลิซาเบธก็ไม่เคยยิ้มหรือพูดจากกับใครอีกเลย จนเวลาผ่านล่วงเลยมาหลายปี เธอก็จากไปอย่างสงบภายในบ้าน และบ้านหลังนี้ก็ค่อยๆ กลายเป็นที่รกร้าง
.
ในทุกค่ำคืนช่วงเวลาที่ฝนตก หรือในฤดูหนาวที่หิมะตก เสียงบางอย่างจะดังลอดออกมาจากผนังไม้เก่า เสียงสะอื้นเบาๆ เหมือนเสียงของเด็กหญิง ที่รอใครสักคนมาเล่นด้วย
...
หลายปีต่อมา ในฤดูใบไม้ผลิที่อากาศกลับเย็นผิดปกติ เด็กชาย "อีไล" วัยแปดขวบ ซึ่งเพิ่งย้ายมาอยู่กับยายในเมืองออร์ชวิลล์
วันหนึ่ง อีไลเล่นลูกบอลโยนไปโยนมาอยู่ในมือ เขาเดินเลื่อยเปื้อยจนถึงรั้วไม้ผุที่กั้นรอบสนามบ้านไม้หลังเล็กๆ
ขณะที่ลูกบอลตก
เขากำลังจะก้มลงเพื่อเก็บลูกบอล
"มาเล่นด้วยกัน มาจัดแต่งจานใส่อาหารกัน"
เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงเด็กหญิง นำเสียงอ่อนหวาน แต่ฟังแล้วกลับให้ความรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในทันที
อีไล ซะงัก มองไปทางบ้านร้างที่เป็นต้นทางของเสียง แต่ไม่เห็นมีใครอยู่ ตัวเขารู้สึกเย็นวาปอย่างหน้าประหลาด เขาค่อยๆ ก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ พร้อมกับลูกบอลในมือ แล้ววิ่งกลับบ้านอย่างไม่รู้ตัว
.
อีไลได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณยายฟัง คุณยายฟังแล้วนิ่ง ก่อนที่จะลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง แล้วบอกว่า "ไม่เป็นไร เธอแค่เหงา" และ "ไม่ต้องไปเล่นแถวนั้นอีกก็พอ"
...
หลายสิบปีผ่านไป เด็กทุกคนที่เข้าใกล้ระแวกบ้านไม้หลังนั้น ก็จะได้ยินเสียงที่ชวนให้มาเล่นจัดแต่งจานอยู่เสมอ จนกลายเป็นเรื่องเล่าสืบทอดต่อกันมา
บ้านไม้หลังเก่าถูกปล่อยร้างอยู่ริมเนินเขา ไม่ไกลจากป่าทึบ โครงสร้างผุพังด้วยกาลเวลา แต่ยังคงยืนหยัดท่ามกลางฤดูที่เปลี่ยนผัน หลังคามุงไม้ซีดาร์เริ่มรั่วซึม หน้าต่างแตกบางบาน บานอื่นเต็มไปด้วยฝุ่นจับหนา แมงมุมถักรังในมุมห้องใต้หลังคา ห้องที่ไม่มีใครเปิดอีกเลยตั้งแต่คืนนั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง กลุ่มนักสะสมผู้หลงใหลในเรื่องเร้นลับจากสถาบันอิสระ ได้เดินทางผ่านเมืองเล็กนั้นโดยบังเอิญ พวกเขาได้ยินเรื่องเล่าถึงเสียงสะอื้นจากบ้านร้างหลังเก่า และตัดสินใจขอเข้าไปสำรวจ
เมื่อบานประตูใต้หลังคาถูกเปิดเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี กลิ่นไม้เก่าผสมผ้าลินินอับชื้นโชยออกมา
ในมุมมืด กล่องไม้บุผ้าถูกพบอยู่ในสภาพสมบูรณ์
ภายในคือ ตุ๊กตาพอร์ซเลนหญิงสาวในชุดลูกไม้ซีดจาง
เธอยังคงยิ้ม... แต่ดวงตาเหมือนกำลังมองใครบางคนอยู่
นักสะสมผู้หนึ่งที่อยู่ในทีม ได้เอื้อมมือสัมผัส ในชั่วขณะนั้นเอง เขาได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ ใกล้หู เหมือนมีเด็กหญิงอยู่ข้างตัว และได้ยินเสียงพูดว่า
"มาเล่นด้วยกัน มาจัดแต่งจานใส่อาหารกัน"
...
หมายเหตุ: เรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นมาใหม่ให้ชื่อว่า "ตุ๊กตาความเศร้าในห้องใต้หลังคา" โดยมีต้นเรื่อง "Ruby the Porcelain Doll" ตุ๊กตาพอร์ซเลนจากช่วงต้นศตวรรษที่ 1900 ในประเทศแคนาดา ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า มีตุ๊กตาที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและถูกเก็บไว้ในห้องใต้หลังคาและห้องใต้ดิน แต่ในทุกวันๆ กับพบตุ๊กตาอยู่ในที่อื่นๆ อยู่เสมอ
...
วันตุ๊กตา – 14 มิถุนายน Doll Day
ตุ๊กตาไม่ใช่เพียงของเล่นเล็กๆ แต่เปรียบเสมือน "เพื่อนคนแรก" ในวัยเยาว์ เปรียบได้กับโลกแห่งจินตนาการ ตุ๊กตายังช่วยสอนเด็กในเรื่อง มิตรภาพ การแบ่งปัน และการดูแล ได้อีกทาง
วันตุ๊กตานี้จะตรงกับวันเสาร์ที่สองของเดือนมิถุนายน ซึ่งปีนี้ ตรงกับวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ก่อตั้งขึ้นโดยมิลเดรด ซีลีย์นักสะสมตุ๊กตาและนักธุรกิจผู้หลงใหลในตุ๊กตา
ตุ๊กตาถูกยกให้เป็นของเล่นชนิดแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
หลักฐานทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่า ตุ๊กตาถูกสร้างขึ้นมานานหลายพันปี โดยมีการค้นพบตุ๊กตาที่ทำจากดินเหนียว ไม้ หิน งาช้าง กระดูก หรือแม้แต่แผ่นหนัง ในสุสานอียิปต์ยุคโบราณ มีการขุดพบตุ๊กตาไม้จากช่วง ประมาณ 2,100 ปีก่อนคริสต์ศักราช เช่นเดียวกับในหลุมศพของเด็กๆ ชาวกรีกและโรมัน ที่มีตุ๊กตาดินเหนียวพร้อมเสื้อผ้าและเครื่องประดับ
หนึ่งในตุ๊กตาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกยุคใหม่ คือ ตุ๊กตาบาร์บี้ จากบริษัท Mattel ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1959
...
เรื่อง Ruby the Porcelain Doll เป็นเรื่องราวที่มาจากประเทศแคนาดาแล้ว มาดูอาหารที่อาจจะพบเจอได้น้อยของประเทศนี้กันว่ามีเมนูไหนหน้ากินบ้าง
1.
Cipaille / Sea-Pie (ซีไป / ซีพาย)
พายเนื้อแบบดั้งเดิมของ Quebec (รู้จักในชื่อ “Six-Pâtes” หรือ “cipâtes”) ทำจากชั้นเนื้อสัตว์หลายชนิด (หมู, เนื้อวัว, กวาง, ไก่งวง) ต้นกำเนิดจาก sea-pie แบบอังกฤษและฝรั่งเศสในยุค New France
2.
Cod au Gratin (ค็อดโอกราแตง)
เมนูจาก Newfoundland & Labrador เนื้อปลาคอดอบในซอสครีมเข้มข้น ราดหน้าด้วยชีสและเกล็ดขนมปังกรอบ
3.
Caribou Stew (คารีบูสตูว์)
ถิ่นกำเนิดแถบ Northwest Territories และ Yukon ใช้เนื้อคาริบู (กวางเรนเดียร์ชนิดหนึ่ง) เคี่ยวกับหัวหอม มันฝรั่ง แครอท และสมุนไพรพื้นถิ่นในน้ำสต๊อกเข้มข้น (*ในภาพเป็น Beef)
4.
Touton (ทูตัน)
เมนูง่ายๆ จาก Newfoundland & Labrador แบบแป้งขนมปังที่เหลือ มาทอดในน้ำมัน
5.
Jiggs’ Dinner & Figgy Duff (จิกส์ดินเนอร์ และ ฟิกกี้ดัฟ)
เมนู Sunday Dinner ยอดนิยมจาก Newfoundland ด้วยเนื้อเกลือ (salt beef) มันฝรั่ง แครอท กะหล่ำ และ Pease Pudding (บดถั่ว) และของหวานอย่าง “Figgy Duff” ซึ่งมีการเรียกที่แปลออกมาว่า พุดดิ้งแห้งใส่ลูกเกดต้มในถุงผ้า
...
ปล. ขออภัยเพื่อนๆ ทุกคนที่หายไปนานครับผม เนื่องจาก เหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ความคิด ความรู้สึกทุกอย่างเปลี่ยนจากที่เคยเป็น ตอนนี้ศึกษาธรรมแบบเต็มที่ และให้คุณแม่ศึกษาธรรม ฟังธรรม พอทำแบบนี้ ในหัวจึงมีแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรม ทำให้เขียนเรื่องราว หรือนิทานออกมาลำบาก แต่ยังไงก็กลับมาเขียนได้ เพราะเข้าใจธรรมมากขึ้นมาบางส่วน ก็ทำให้การแบ่งความคิดให้แยกออกมาระหว่างธรรม กับสิ่งที่อยากเขียน อย่างนิทานหรือเรื่องราว ทำให้เขียนออกมาได้มากขึ้นครับผม
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: holidaytoday
: wikipedia
: moonmausoleum
: tasteatlas
.
นามปากกา: KUroButa
ตุ๊กตาความเศร้าในห้องใต้หลังคา กับเมนูแคนาดาที่น่ากิน
นานมาแล้ว..
ณ บ้านหลังหนึ่งในชนบทเงียบสงบของรัฐเพนซิลเวเนีย มีหญิงสาวผู้หนึ่งนามว่า "เอลิซาเบธ" เธอเป็นหญิงหม้ายผู้เลี้ยงดูลูกสาว “รูบี้” เด็กน้อยผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยน และดวงตาสุกใสดั่งประกายหิมะในฤดูใบไม้ร่วง
รูบี้นั้นมีของที่เธอรักอยู่เพียงชิ้นเดียว นั้นก็คือตุ๊กตา "พอร์ซเลน" สีงาช้าง ที่ใส่ชุดลูกไม้สีฟ้า และผมสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งหวีเรียบอยู่เสมอ เธอเรียกมันว่า “รูบี้อีกคน” เพราะเธอบอกว่า “มันคือฉัน ในวันที่ตัวเองไม่กล้าที่จะพูดอะไรกับใคร”
ในทุกๆ คืนหลังจากแม่ของเธอดับตะเกียง เธอมักกระซิบกับตุ๊กตาเบาๆ เหมือนบอกความลับให้ฟัง และเมื่อรุ่งเช้าจะพบว่า ตุ๊กตารูบี้อีกคนนั้นจะถูกจัดวางในตำแหน่งที่ต่างไปจากเดิม
.
ในทุกวัน รูบี้มักจะช่วยเอลิซาเบธเข้าครัวทำอาหาร เธอมักจะชอบจัดแต่งจานด้วยผักที่นำมาตัดให้เป็นรูปร่างต่างๆ วางไว้บนจาน ก่อนที่จะตักอาหารมาใส่ และทุกครั้งที่เอลิซาเบธเห็น ก็จะชมรูบี้อยู่เสมอว่าจานที่จัดตกแต่งนี้ดูสนุก ทำให้เวลากินอาหารในจานนี้ทุกครั้งก็จะสนุกไปด้วย
รูบี้จะเก็บคำชมของแม่มาบอกตุ๊กตารูบี้อยู่เสมอ
.
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งในปี้นี้นั้นมาเยือนเร็วกว่าทุกปี ลมเหนือพัดแรง และหมอกขาวปกคลุมหมู่บ้านทั้งวันทั้งคืน
ภายในหมู่บ้านเกิดไข้หวัดใหญ่ ที่ระบาดอย่างเงียบๆ เริ่มจากบ้านหลังหนึ่ง แล้วแพร่กระจายออกไปที่ละบ้าน จนทุกครัวเรือนนั้นเป็นไข้หวัดใหญ่ รวมถึงบ้านของเอลิซาเบธ
รูบี้เริ่มไอเบาๆ ตามมาด้วยไข้สูง และเสียงครางสะอื้นอย่างแผ่วเบา จนอาการเธอเริ่มหนักขึ้น และในคืนหนึ่ง เอลิซาเบธนั่งเฝ้าลูกสาวอยู่ข้างเตียงไม้ โดยไม่ได้นอนพักผ่อนมากนัก ดวงตาเธอแดงก่ำจากทั้งน้ำตา และความหวั่นใจ
คืนนั้นหิมะตกหนัก รูบี้เบิ่งตาขึ้นมองหน้าแม่แล้วกระซิบเสียงแผ่ว:
“แม่..หนูฝากรูบี้อีกคนด้วยนะ”
..ดวงตาคู่น้อยคู่นั้นก็ปิดลง เงียบสงบ ราวกับเสียงทั้งโลกหยุดลงพร้อมกัน
เอลิซาเบธโอบลูกสาวแน่น สัมผัสได้ถึงอ้อมแขนที่เริ่มเย็นเฉียบอย่างช้าๆ เธอนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น จนรุ่งสาง
หลายวันผ่านไปเอลิซาเบธ ได้เก็บตุ๊กตาพอร์ซเลนไว้ในกล่องไม้บุผ้าลินินอย่างบรรจง ห่อด้วยผ้าคลุมไหล่ผืนเก่าของรูบี้ เธอเลือกที่จะนำไปเก็บไว้ยังห้องใต้หลังคา
.
เสียงเอี๊ยดอ๊าดระหว่างทางเดินบันไดดังขึ้น ขณะที่เธอกำลังก้าวเท้า ภายในห้องนั้นมีเพียงแสงไฟจากเทียนหนึ่งเล่ม เธอวางกล่องไว้มุมห้องอย่างช้าๆ แล้วเดินออกมา ก่อนจะปิดประตู และใช้ตะปูเหล็กตอกแน่นทุกด้านเพื่อปิดประตูไว้ชั่วนิรันดร์
“อย่าให้ใคร..ปลุกความเศร้าอีกเลย” เธอพึมพำ
หลังจากนั้น เอลิซาเบธก็ไม่เคยยิ้มหรือพูดจากกับใครอีกเลย จนเวลาผ่านล่วงเลยมาหลายปี เธอก็จากไปอย่างสงบภายในบ้าน และบ้านหลังนี้ก็ค่อยๆ กลายเป็นที่รกร้าง
.
ในทุกค่ำคืนช่วงเวลาที่ฝนตก หรือในฤดูหนาวที่หิมะตก เสียงบางอย่างจะดังลอดออกมาจากผนังไม้เก่า เสียงสะอื้นเบาๆ เหมือนเสียงของเด็กหญิง ที่รอใครสักคนมาเล่นด้วย
...
หลายปีต่อมา ในฤดูใบไม้ผลิที่อากาศกลับเย็นผิดปกติ เด็กชาย "อีไล" วัยแปดขวบ ซึ่งเพิ่งย้ายมาอยู่กับยายในเมืองออร์ชวิลล์
วันหนึ่ง อีไลเล่นลูกบอลโยนไปโยนมาอยู่ในมือ เขาเดินเลื่อยเปื้อยจนถึงรั้วไม้ผุที่กั้นรอบสนามบ้านไม้หลังเล็กๆ
ขณะที่ลูกบอลตก
เขากำลังจะก้มลงเพื่อเก็บลูกบอล
"มาเล่นด้วยกัน มาจัดแต่งจานใส่อาหารกัน"
เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงเด็กหญิง นำเสียงอ่อนหวาน แต่ฟังแล้วกลับให้ความรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในทันที
อีไล ซะงัก มองไปทางบ้านร้างที่เป็นต้นทางของเสียง แต่ไม่เห็นมีใครอยู่ ตัวเขารู้สึกเย็นวาปอย่างหน้าประหลาด เขาค่อยๆ ก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ พร้อมกับลูกบอลในมือ แล้ววิ่งกลับบ้านอย่างไม่รู้ตัว
.
อีไลได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณยายฟัง คุณยายฟังแล้วนิ่ง ก่อนที่จะลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง แล้วบอกว่า "ไม่เป็นไร เธอแค่เหงา" และ "ไม่ต้องไปเล่นแถวนั้นอีกก็พอ"
...
หลายสิบปีผ่านไป เด็กทุกคนที่เข้าใกล้ระแวกบ้านไม้หลังนั้น ก็จะได้ยินเสียงที่ชวนให้มาเล่นจัดแต่งจานอยู่เสมอ จนกลายเป็นเรื่องเล่าสืบทอดต่อกันมา
บ้านไม้หลังเก่าถูกปล่อยร้างอยู่ริมเนินเขา ไม่ไกลจากป่าทึบ โครงสร้างผุพังด้วยกาลเวลา แต่ยังคงยืนหยัดท่ามกลางฤดูที่เปลี่ยนผัน หลังคามุงไม้ซีดาร์เริ่มรั่วซึม หน้าต่างแตกบางบาน บานอื่นเต็มไปด้วยฝุ่นจับหนา แมงมุมถักรังในมุมห้องใต้หลังคา ห้องที่ไม่มีใครเปิดอีกเลยตั้งแต่คืนนั้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง กลุ่มนักสะสมผู้หลงใหลในเรื่องเร้นลับจากสถาบันอิสระ ได้เดินทางผ่านเมืองเล็กนั้นโดยบังเอิญ พวกเขาได้ยินเรื่องเล่าถึงเสียงสะอื้นจากบ้านร้างหลังเก่า และตัดสินใจขอเข้าไปสำรวจ
เมื่อบานประตูใต้หลังคาถูกเปิดเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี กลิ่นไม้เก่าผสมผ้าลินินอับชื้นโชยออกมา
ในมุมมืด กล่องไม้บุผ้าถูกพบอยู่ในสภาพสมบูรณ์
ภายในคือ ตุ๊กตาพอร์ซเลนหญิงสาวในชุดลูกไม้ซีดจาง
เธอยังคงยิ้ม... แต่ดวงตาเหมือนกำลังมองใครบางคนอยู่
นักสะสมผู้หนึ่งที่อยู่ในทีม ได้เอื้อมมือสัมผัส ในชั่วขณะนั้นเอง เขาได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ ใกล้หู เหมือนมีเด็กหญิงอยู่ข้างตัว และได้ยินเสียงพูดว่า
"มาเล่นด้วยกัน มาจัดแต่งจานใส่อาหารกัน"
...
หมายเหตุ: เรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นมาใหม่ให้ชื่อว่า "ตุ๊กตาความเศร้าในห้องใต้หลังคา" โดยมีต้นเรื่อง "Ruby the Porcelain Doll" ตุ๊กตาพอร์ซเลนจากช่วงต้นศตวรรษที่ 1900 ในประเทศแคนาดา ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า มีตุ๊กตาที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นและถูกเก็บไว้ในห้องใต้หลังคาและห้องใต้ดิน แต่ในทุกวันๆ กับพบตุ๊กตาอยู่ในที่อื่นๆ อยู่เสมอ
วันตุ๊กตา – 14 มิถุนายน Doll Day
ตุ๊กตาไม่ใช่เพียงของเล่นเล็กๆ แต่เปรียบเสมือน "เพื่อนคนแรก" ในวัยเยาว์ เปรียบได้กับโลกแห่งจินตนาการ ตุ๊กตายังช่วยสอนเด็กในเรื่อง มิตรภาพ การแบ่งปัน และการดูแล ได้อีกทาง
วันตุ๊กตานี้จะตรงกับวันเสาร์ที่สองของเดือนมิถุนายน ซึ่งปีนี้ ตรงกับวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ก่อตั้งขึ้นโดยมิลเดรด ซีลีย์นักสะสมตุ๊กตาและนักธุรกิจผู้หลงใหลในตุ๊กตา
ตุ๊กตาถูกยกให้เป็นของเล่นชนิดแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
หลักฐานทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่า ตุ๊กตาถูกสร้างขึ้นมานานหลายพันปี โดยมีการค้นพบตุ๊กตาที่ทำจากดินเหนียว ไม้ หิน งาช้าง กระดูก หรือแม้แต่แผ่นหนัง ในสุสานอียิปต์ยุคโบราณ มีการขุดพบตุ๊กตาไม้จากช่วง ประมาณ 2,100 ปีก่อนคริสต์ศักราช เช่นเดียวกับในหลุมศพของเด็กๆ ชาวกรีกและโรมัน ที่มีตุ๊กตาดินเหนียวพร้อมเสื้อผ้าและเครื่องประดับ
หนึ่งในตุ๊กตาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกยุคใหม่ คือ ตุ๊กตาบาร์บี้ จากบริษัท Mattel ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1959
...
เรื่อง Ruby the Porcelain Doll เป็นเรื่องราวที่มาจากประเทศแคนาดาแล้ว มาดูอาหารที่อาจจะพบเจอได้น้อยของประเทศนี้กันว่ามีเมนูไหนหน้ากินบ้าง
1.
Cipaille / Sea-Pie (ซีไป / ซีพาย)
พายเนื้อแบบดั้งเดิมของ Quebec (รู้จักในชื่อ “Six-Pâtes” หรือ “cipâtes”) ทำจากชั้นเนื้อสัตว์หลายชนิด (หมู, เนื้อวัว, กวาง, ไก่งวง) ต้นกำเนิดจาก sea-pie แบบอังกฤษและฝรั่งเศสในยุค New France
2.
Cod au Gratin (ค็อดโอกราแตง)
เมนูจาก Newfoundland & Labrador เนื้อปลาคอดอบในซอสครีมเข้มข้น ราดหน้าด้วยชีสและเกล็ดขนมปังกรอบ
3.
Caribou Stew (คารีบูสตูว์)
ถิ่นกำเนิดแถบ Northwest Territories และ Yukon ใช้เนื้อคาริบู (กวางเรนเดียร์ชนิดหนึ่ง) เคี่ยวกับหัวหอม มันฝรั่ง แครอท และสมุนไพรพื้นถิ่นในน้ำสต๊อกเข้มข้น (*ในภาพเป็น Beef)
4.
Touton (ทูตัน)
เมนูง่ายๆ จาก Newfoundland & Labrador แบบแป้งขนมปังที่เหลือ มาทอดในน้ำมัน
5.
Jiggs’ Dinner & Figgy Duff (จิกส์ดินเนอร์ และ ฟิกกี้ดัฟ)
เมนู Sunday Dinner ยอดนิยมจาก Newfoundland ด้วยเนื้อเกลือ (salt beef) มันฝรั่ง แครอท กะหล่ำ และ Pease Pudding (บดถั่ว) และของหวานอย่าง “Figgy Duff” ซึ่งมีการเรียกที่แปลออกมาว่า พุดดิ้งแห้งใส่ลูกเกดต้มในถุงผ้า
...
ปล. ขออภัยเพื่อนๆ ทุกคนที่หายไปนานครับผม เนื่องจาก เหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ความคิด ความรู้สึกทุกอย่างเปลี่ยนจากที่เคยเป็น ตอนนี้ศึกษาธรรมแบบเต็มที่ และให้คุณแม่ศึกษาธรรม ฟังธรรม พอทำแบบนี้ ในหัวจึงมีแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรม ทำให้เขียนเรื่องราว หรือนิทานออกมาลำบาก แต่ยังไงก็กลับมาเขียนได้ เพราะเข้าใจธรรมมากขึ้นมาบางส่วน ก็ทำให้การแบ่งความคิดให้แยกออกมาระหว่างธรรม กับสิ่งที่อยากเขียน อย่างนิทานหรือเรื่องราว ทำให้เขียนออกมาได้มากขึ้นครับผม
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: holidaytoday
: wikipedia
: moonmausoleum
: tasteatlas
.
นามปากกา: KUroButa