สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ในแง่การนำคนมาใช้งานต่อ คนหัวไว และ แก้นิสัยขี้เกียจ ทำง่ายกว่า คนขยันแต่เรียนรู้ช้า สิ่งนี้เรียกว่า leaning curve ต่าง cost ที่เสียก็จะต่างกันมาก ทำไม
คนขี้เกียจ ถ้าเราใช้เกมส์การบังคับ เราจะสามารถทำให้คนขี้เกียจต้องทำงานได้ตรงตามเวลาได้ ง่ายมากโดยแทบไม่ต้องใช้เทคนิคเยอะเลย
คนทำงานมานาน ควรรู้ดีด้วยว้ำว่า คนเราถึงจะขี้เกียจแค่ไหน แค่มีแรงจูงใจหรือมีเรื่องอนาคตการงานโบนัสผลประโยชน์ คนมันก็ยังตื่นไปทำงานถึงแม้จะขี้เกียจโคตรๆ ก็เพราะสังคมไทยเกือบทุกคนแทบเป็นคนขี้เกียจตื่นนอนทั้งนั้นมันเป็นภาพสะท้อนของนิสัยขี้เกียจแต่แรกแล้ว
แต่คนขยัน เรียนรู้ใช้เวลานาน มันเป็นปัญหาที่สมองครับ และ แก้ที่สมองไม่ได้ มันเลยเสียเวลานานกว่าในรูปแบบตายตัว
มันไม่ได้ตัดสินยากด้วยซ้ำ มันแทบจะชี้ขาดเลยแต่แรกครับว่า ใครดีที่สุด
คนขี้เกียจ ถ้าเราใช้เกมส์การบังคับ เราจะสามารถทำให้คนขี้เกียจต้องทำงานได้ตรงตามเวลาได้ ง่ายมากโดยแทบไม่ต้องใช้เทคนิคเยอะเลย
คนทำงานมานาน ควรรู้ดีด้วยว้ำว่า คนเราถึงจะขี้เกียจแค่ไหน แค่มีแรงจูงใจหรือมีเรื่องอนาคตการงานโบนัสผลประโยชน์ คนมันก็ยังตื่นไปทำงานถึงแม้จะขี้เกียจโคตรๆ ก็เพราะสังคมไทยเกือบทุกคนแทบเป็นคนขี้เกียจตื่นนอนทั้งนั้นมันเป็นภาพสะท้อนของนิสัยขี้เกียจแต่แรกแล้ว
แต่คนขยัน เรียนรู้ใช้เวลานาน มันเป็นปัญหาที่สมองครับ และ แก้ที่สมองไม่ได้ มันเลยเสียเวลานานกว่าในรูปแบบตายตัว
มันไม่ได้ตัดสินยากด้วยซ้ำ มันแทบจะชี้ขาดเลยแต่แรกครับว่า ใครดีที่สุด
แสดงความคิดเห็น
ระหว่างคนขยัน แต่เรียนรู้ช้า กับ คนขี้เกียจ แต่เรียนรู้ไว
มีอยู่ 2 คนที่รู้สึกว่า เราจะให้คะแนนยังไงดี โดยฐานคือ งานสำเร็จไม่ติดปัญหาตามมา และอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนด
ซึ่งจากผลงานที่มา ถือว่า งานสำเร็จในกรอบเวลาทั้งคู่ ต่างกันที่วิธีการทำงาน
น้อง A ขยันมากมาทำงานก่อนเวลา เลิกงานเกินเวลา เรียนรู้ช้าจึงทำงานเยอะมาก แต่เนื้อหาแทบจับสาระสำคัญไม่ได้ตามบรีพ
ต้องค่อยแก้ไขหลายรอบในจุดเดียว ด้วยความขยันจึงแก้ไข ทำให้งานออกมาทันเวลา แต่ภาระมาตกที่เราต้องคอยตรวจอย่างละเอียด
บางทีถึงขั้นจับมือทำเลย
น้อง B เป็นคนเรื่อยๆ เรียนรู้ไว ทำงานตามเวลาออฟฟิศ เนื้อหาตรงตามบรีพ แต่ทำช้า รอจนเกือบจะเดดไลน์ เพิ่งจะส่งให้ตรวจ
ด้วยความที่งานผิดพลาดน้อย ทำให้เราตรวจงานได้ไม่ยุ่งยากมาก แต่บางทีใกล้เดดไลน์ไปหน่อย ทำให้คนตรวจงานอย่างเราล่กๆไปบ้าง
สองคนนี้อายุงานเท่ากัน มาจากมหาลัยเดียวกัน ฐานเงินเดือนแทบจะเท่ากัน เป็น first jobber
นิสัยก็เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดีทั้งคู่
สมมติว่าทุกคนเป็นเราจะประเมินยังไงดี
อยากได้ความเห็นจากหลายๆมุมมอง