กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ได้สังเกตการณ์ดาวเสาร์เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2018 ในขณะนั้นดาวเสาร์อยู่ห่างจากโลกประมาณ 1,400 ล้านกิโลเมตร ภาพที่บันทึกโดยกล้องฮับเบิลเผยให้เห็นวงแหวนอันเป็นเอกลักษณ์ของดาวเสาร์ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่นักดาราศาสตร์ยุคแรกสุดได้สังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์
จากด้านนอกสุดเข้ามา วงแหวนที่สามารถมองเห็นได้คือ วงแหวนเอ (A ring) ที่มีช่องว่างเอ็นเกอ (Encke Gap) ถัดเข้ามาคือ ช่องว่างแคสสินี (Cassini Division) และวงแหวนบี (B ring) ส่วนวงแหวนซี (C ring) มีช่องว่างแมกซ์เวลล์ (Maxwell Gap)
ข้อมูลจากภารกิจแคสสินี (Cassini mission) ชี้ให้เห็นว่าวงแหวนของดาวเสาร์ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 200 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับ #ยุคไดโนเสาร์ หรือ #ยุคจูราสสิก (Jurassic period) การสลายตัวจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ขนาดเล็กดวงหนึ่งของดาวเสาร์ได้ก่อให้เกิดอนุภาคเศษน้ำแข็งจำนวนมหาศาล และการชนกันยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เชื่อได้ว่าการชนกันเหล่านี้ช่วยเติมเต็มวงแหวนอยู่ตลอดเวลา

เครดิต: NASA, ESA, A. Simon (GSFC) and the OPAL Team, and J. DePasquale (STScI)
ดาวเสาร์🪐และวงแหวนในปี2018
จากด้านนอกสุดเข้ามา วงแหวนที่สามารถมองเห็นได้คือ วงแหวนเอ (A ring) ที่มีช่องว่างเอ็นเกอ (Encke Gap) ถัดเข้ามาคือ ช่องว่างแคสสินี (Cassini Division) และวงแหวนบี (B ring) ส่วนวงแหวนซี (C ring) มีช่องว่างแมกซ์เวลล์ (Maxwell Gap)
ข้อมูลจากภารกิจแคสสินี (Cassini mission) ชี้ให้เห็นว่าวงแหวนของดาวเสาร์ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 200 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับ #ยุคไดโนเสาร์ หรือ #ยุคจูราสสิก (Jurassic period) การสลายตัวจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ขนาดเล็กดวงหนึ่งของดาวเสาร์ได้ก่อให้เกิดอนุภาคเศษน้ำแข็งจำนวนมหาศาล และการชนกันยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เชื่อได้ว่าการชนกันเหล่านี้ช่วยเติมเต็มวงแหวนอยู่ตลอดเวลา
เครดิต: NASA, ESA, A. Simon (GSFC) and the OPAL Team, and J. DePasquale (STScI)