หนี้ครัวเรือนไทย: พฤติกรรมผู้บริโภค หรือการตลาดสร้างฝัน? และมุมมอง 'ความมั่งคั่ง' ที่ขาดหายไป
ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 16.42 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 90% ของ GDP ประเทศ ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่าต้นตอของปัญหานี้มาจากอะไรกันแน่? เกิดจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในยุคนี้ที่เปลี่ยนไป หรือเป็นเพราะการตลาดที่กระตุ้นความอยากรวยอยากมั่นคงกันแน่? และที่สำคัญกว่านั้น
เราเข้าใจความมั่งคั่งในมุมมองที่ถูกต้องจริงหรือเปล่า?
พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่: สุรุ่ยสุร่าย หรือ จำเป็น?
ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนในปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก การเข้าถึงสินเชื่อและบัตรเครดิตง่ายขึ้น ประกอบกับค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป หลายคนอาจรู้สึกว่าต้องมีข้าวของเครื่องใช้ที่ทันสมัย มีไลฟ์สไตล์ที่ดูดี เพื่อให้ทันกระแสหรือสร้างตัวตนในโลกโซเชียล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัว
นอกจากนี้ การขาดวินัยทางการเงิน หรือการไม่มี
เงินออมสำรองฉุกเฉิน ที่เพียงพอ ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน เจ็บป่วย หรือรายได้ลดลง ก็ไม่มีเงินสำรองมาพยุงตัวเอง ทำให้ต้องพึ่งพาหนี้สินเพื่อประคองชีวิต ซึ่งเป็นการสร้างภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีก
การตลาดที่ปลุกความอยากรวย: สร้างฝัน หรือ สร้างหนี้?
อีกด้านหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตลาดมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างมาก ในปัจจุบัน เราจะเห็นแคมเปญการตลาดที่เน้นย้ำถึงความสำเร็จ ความมั่นคง การมีไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา และความ "รวย" ผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ รถหรู การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือแม้แต่คอร์สพัฒนาตัวเองเพื่อสู่ความสำเร็จ
การตลาดเหล่านี้อาจสร้างภาพฝันที่สวยงามและกระตุ้นความอยากได้อยากมีในใจผู้บริโภค ทำให้หลายคนรู้สึกว่าการใช้จ่ายเพื่อสิ่งเหล่านี้คือหนทางสู่ความสำเร็จ หรือเป็นเครื่องบ่งชี้สถานะทางสังคม จนอาจตัดสินใจก่อหนี้เพื่อซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็นเกินกำลังของตนเอง ซึ่งสุดท้ายอาจนำไปสู่กับดักหนี้ที่ยากจะหลุดพ้น
มุมมอง 'ความมั่งคั่ง' ที่คลาดเคลื่อน: แท้จริงแล้วคืออะไร?
ประเด็นสำคัญที่มักถูกมองข้ามคือ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ 'ความมั่งคั่ง' หลายคนเข้าใจว่าความมั่งคั่งคือการมีข้าวของแพงๆ มีทรัพย์สินที่จับต้องได้มากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ความมั่งคั่งที่แท้จริงคือ 'อิสรภาพทางการเงิน' หมายถึงการที่เรามีสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ให้เราได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา หรือมีเงินเพียงพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจโดยไม่เป็นภาระหนี้สิน
การโฟกัสไปที่การซื้อหนี้สิน เช่น รถยนต์หรู หรือแบรนด์เนม เพื่อแสดงสถานะทางสังคม อาจทำให้เราดู "รวย" ในสายตาคนอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว กำลังสร้างภาระผูกพันทางการเงินระยะยาว ที่อาจทำให้เราห่างไกลจากความมั่งคั่งที่แท้จริง
หวังว่าจะตื่นจากภวัง และตั้งเป้าลุยกันต่อนะ
หนี้ครัวเรือนไทย: พฤติกรรมผู้บริโภค หรือการตลาดสร้างฝัน? และมุมมอง 'ความมั่งคั่ง' ที่ขาดหายไป
หนี้ครัวเรือนไทย: พฤติกรรมผู้บริโภค หรือการตลาดสร้างฝัน? และมุมมอง 'ความมั่งคั่ง' ที่ขาดหายไป
ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 16.42 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 90% ของ GDP ประเทศ ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่าต้นตอของปัญหานี้มาจากอะไรกันแน่? เกิดจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในยุคนี้ที่เปลี่ยนไป หรือเป็นเพราะการตลาดที่กระตุ้นความอยากรวยอยากมั่นคงกันแน่? และที่สำคัญกว่านั้น เราเข้าใจความมั่งคั่งในมุมมองที่ถูกต้องจริงหรือเปล่า?
พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่: สุรุ่ยสุร่าย หรือ จำเป็น?
ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนในปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก การเข้าถึงสินเชื่อและบัตรเครดิตง่ายขึ้น ประกอบกับค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป หลายคนอาจรู้สึกว่าต้องมีข้าวของเครื่องใช้ที่ทันสมัย มีไลฟ์สไตล์ที่ดูดี เพื่อให้ทันกระแสหรือสร้างตัวตนในโลกโซเชียล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัว
นอกจากนี้ การขาดวินัยทางการเงิน หรือการไม่มี เงินออมสำรองฉุกเฉิน ที่เพียงพอ ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน เจ็บป่วย หรือรายได้ลดลง ก็ไม่มีเงินสำรองมาพยุงตัวเอง ทำให้ต้องพึ่งพาหนี้สินเพื่อประคองชีวิต ซึ่งเป็นการสร้างภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีก
การตลาดที่ปลุกความอยากรวย: สร้างฝัน หรือ สร้างหนี้?
อีกด้านหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตลาดมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างมาก ในปัจจุบัน เราจะเห็นแคมเปญการตลาดที่เน้นย้ำถึงความสำเร็จ ความมั่นคง การมีไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา และความ "รวย" ผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ รถหรู การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือแม้แต่คอร์สพัฒนาตัวเองเพื่อสู่ความสำเร็จ
การตลาดเหล่านี้อาจสร้างภาพฝันที่สวยงามและกระตุ้นความอยากได้อยากมีในใจผู้บริโภค ทำให้หลายคนรู้สึกว่าการใช้จ่ายเพื่อสิ่งเหล่านี้คือหนทางสู่ความสำเร็จ หรือเป็นเครื่องบ่งชี้สถานะทางสังคม จนอาจตัดสินใจก่อหนี้เพื่อซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็นเกินกำลังของตนเอง ซึ่งสุดท้ายอาจนำไปสู่กับดักหนี้ที่ยากจะหลุดพ้น
มุมมอง 'ความมั่งคั่ง' ที่คลาดเคลื่อน: แท้จริงแล้วคืออะไร?
ประเด็นสำคัญที่มักถูกมองข้ามคือ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ 'ความมั่งคั่ง' หลายคนเข้าใจว่าความมั่งคั่งคือการมีข้าวของแพงๆ มีทรัพย์สินที่จับต้องได้มากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความมั่งคั่งที่แท้จริงคือ 'อิสรภาพทางการเงิน' หมายถึงการที่เรามีสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ให้เราได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา หรือมีเงินเพียงพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจโดยไม่เป็นภาระหนี้สิน
การโฟกัสไปที่การซื้อหนี้สิน เช่น รถยนต์หรู หรือแบรนด์เนม เพื่อแสดงสถานะทางสังคม อาจทำให้เราดู "รวย" ในสายตาคนอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว กำลังสร้างภาระผูกพันทางการเงินระยะยาว ที่อาจทำให้เราห่างไกลจากความมั่งคั่งที่แท้จริง
หวังว่าจะตื่นจากภวัง และตั้งเป้าลุยกันต่อนะ