
430

น274

น275
ต่อไป อธิบายลักษณะของ โลภะ26.25
อธิบายชื่อก่อน
ลุพภันติ เตนะ ,
ชื่อว่า โลภะ เพราะว่า เป็นสภาวะที่ชื่อว่าทำให้อยากได้ นา
สัตว์ทั้งหลายย่อมอยากได้ด้วย โลภะ
ถ้าไม่มี โลภะ ความอยากได้ก็จะไม่มี
สัตว์ทั้งหลายย่อมอยากได้ด้วยโลภะนั้น
ฉนั้น โลภะ เป็นสภาวะที่ทำให้สัตว์เกิดความอยากได้
หรือ
สะยัง วา ลุพภะติ ,
ย่อมอยากได้เอง
หรือ
ลุพภะนะมัตตะเมวะ วา ตันติ โลโภ .
หรือเป็น ตรรก ว่าความอยากได้ที่ปราศจากตัวตนบุคคลนั่นแหละ เรียกว่า โลภะ
อันนี้ก็คืออธิบายความหมายในเชิง รูปศัพท์ และก็ วิเคราะห์คำ 27.13 ด้วยนะ
เป็นสภาวะธรรมที่ ทำให้สัตว์อยากได้ คืออยู่เฉยๆมันไม่ได้อยากได้หรอก แต่ว่ามันมีโลภะเกิดขึ้นจึงทำให้สัตว์อยากได้
ถ้าเป็นนักบาลีเขาจะแปลว่า สัตว์ทั้งหลาย ย่อมอยากได้เพราะ โลภะ นั้น
เพราะฉนั้นโลภะนั้นเลยเป็นสภาวะที่ทำให้สัตว์เกิดความอยากได้
คือ ถ้าไม่มี โลภะ มันก็ไม่อยากได้หรอก
โลภะ ก็เลยเป็นสภาวะที่ทำให้เกิดความอยากได้
หรืออยากได้เองเลย
หรือสักว่าเป็นความอยากได้
นะอย่างนี้นะครับ 27.52
ต่อมาลักขะณาทิจะตุกะของโลภะ
โส อารัมมะณะคะหะณะลักขะโณ มักกะฎาเลโป วิยะ ,28.02
โลภะมีลักษณะจับอารมณ์ จับยึด คะหะณะ แปลว่า จับ หรือ ยึด
มีลักษณะจับหรือยึดซึ่งอารมณ์ จับยึดไว้แน่น นะ จับไว้ นะ นอกจากถือสิ่งของ
อุปมาเหมือนอะไร เหมือนกับลิงติดตัง ตังก็คือ ของเหนียวๆที่เขาเอาไว้จับลิง ลิงมันก็โง่มันก็ไปจับ จับมือมันก็ติดตัง ติดของเหนียว ติดกาว บอกว่าเป็นกาวก็ได้ ลิงติดกาว แต่ในนี้หมายถึง กาวในยุคโบราณที่นายพรานเวลาที่เขาจะจับลิงจับสัตว์ เขาเอาไปแปะไว้ที่ต้นไม้ นะ
พวกนี้ก็ใช้ขาไปจับ มันก็ติด อย่างนี้คือ อุปมาของโลภะ
โลภะ28.51
โลภะมีลักษณะจับอารมณ์ในแบบนี้ เหมือนลิงติด จับแบบจับติด นะอย่างนี้ทำนองนี้
ไม่ใช่รู้อารมณ์ธรรมดา แต่ รู้แบบจับติด นา
นี้คือลักษณะของโลภะ
อะภิสังคะระโส ตัตตะกะปาเล ปักขิตตะมังสะเปสิ วิยะ ,
กิจหน้าที่ของโลภะ ก็คือ ทำกิจหน้าที่ ให้ติดอย่างแน่นเลยทีเดียว
อะภิสังคะ แปลว่า ติดอย่างแน่น ติดอย่างยิ่ง ติดอย่างแน่น ติดอย่างเหนียวเลย
อุปมาเหมือนอะไร เหมือนกับชิ้นเนื้อที่คนวางบนกระทะที่ร้อน
ให้นึกถึงกระทะที่ร้อนๆว่าเอาชิ้นเนื้อไปวางมันก็ติดแบบยุ่ยติดไปเลยแบบนี้
เป็นกิจของโลภะ29.47
ก็คือมันจับอารมณ์เป็นลักษณะ แล้วมันก็ติดเหนียวหนืดดึงไม่ออก เหมือนคาอยู่เลย
อุปมาเหมือนอะไร เหมือนกับ ชิ้นเนื้อที่เขาใส่ลงไปที่ติดกระทะร้อนๆ พอดึงขึ้นมาเนื้อก็ยังติดกระทะอยู่ ประมาณนี้นะครับ
นี้เป็นอุปมา
อะปริจจาคะปัจจุปัฎฐาโน เตลัญชะนะราโค วิยะ ,
มีอาการปรากฎก็คือ การไม่ปล่อย ไม่ปล่อยอารมณ์
อะปริจาคะ ปะริจาคะแปลว่าปล่อยวาง สลัดออก อะปะริจาคะ ก็ตรงกันข้าม
มีการไม่ปล่อยก็คือ ยึดถือไว้กอดไว้นั่นเองหละนะ มีการไม่ปล่อยเป็นอาการปรากฎ
เหมือนกับการติดของยาที่เราทาลงไป ทาแบบเราทาน้ำมัน เตละญะ ก็คือ ยาที่เป็นยาประเภทน้ำมัน
เวลาทาลงไปแล้วเนี่ยเอาน้ำล้างมันก็ไม่ออก เพราะมันเป็นยาประเภทน้ำมัน
ท่านไหนที่ทายาประเภทน้ำมันพวกม้อยเจ้อไร้เซ่ออะไรเอยทาเข้าไปในหน้ามันดูดเข้าไปเลยน๊อ มันไม่ออกอย่างนี้เป็นต้น 30.55
เรียกว่า อาการปรากฎของโลภะ
สังโยชะนิเยสุ ธัมเมสุ อัสสาทะทัสสะนะปทัฎฐาโน .
โลภะมีการเห็น อัสสาทะ เห็นว่ามันน่าเพลิดเพลินยินดี ในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์อันเป็นเหตุใกล้ให้เกิด
เห็นว่ามันจะให้ความสุขแก่เราได้
31.18
อัสสาทะ ก็คือ สุขโสมนัสอาศัยสิ่งนั้นเกิดขึ้น เรียกว่า อัสสาทะของสิ่งนั้น
เหตุใกล้ให้เกิดของสิ่งนั้น ของโลภะ ก็คือ มองว่ามันจะให้ความสุขแก่เรา มองว่ามันจะให้ผลประโยชน์แก่เรา
นั่นเองนะ
โลภะก็จะเกิดขึ้น เพราะว่าโลภะหรือตัณหานี้มันติดกับความสุข
เมื่อไปมองวัตถุอะไรที่จะก่อให้เกิดสุขโสมนัสโลภะก็จะเกิดอย่างเนี้ยทำนองนี้นะครับ
นี้คือ ลักขณาทิจตุกะของโลภะ
31.55
อธิบายลักษณะของ โลภะ -- วะจะนะถะ ลักขะณาทิจะตุกะ ของ โลโภ --เจตสิกในอกุศลจิตดวงที่ 1
430
น274
น275
ต่อไป อธิบายลักษณะของ โลภะ26.25
อธิบายชื่อก่อน
ลุพภันติ เตนะ ,
ชื่อว่า โลภะ เพราะว่า เป็นสภาวะที่ชื่อว่าทำให้อยากได้ นา
สัตว์ทั้งหลายย่อมอยากได้ด้วย โลภะ
ถ้าไม่มี โลภะ ความอยากได้ก็จะไม่มี
สัตว์ทั้งหลายย่อมอยากได้ด้วยโลภะนั้น
ฉนั้น โลภะ เป็นสภาวะที่ทำให้สัตว์เกิดความอยากได้
หรือ
สะยัง วา ลุพภะติ ,
ย่อมอยากได้เอง
หรือ
ลุพภะนะมัตตะเมวะ วา ตันติ โลโภ .
หรือเป็น ตรรก ว่าความอยากได้ที่ปราศจากตัวตนบุคคลนั่นแหละ เรียกว่า โลภะ
อันนี้ก็คืออธิบายความหมายในเชิง รูปศัพท์ และก็ วิเคราะห์คำ 27.13 ด้วยนะ
เป็นสภาวะธรรมที่ ทำให้สัตว์อยากได้ คืออยู่เฉยๆมันไม่ได้อยากได้หรอก แต่ว่ามันมีโลภะเกิดขึ้นจึงทำให้สัตว์อยากได้
ถ้าเป็นนักบาลีเขาจะแปลว่า สัตว์ทั้งหลาย ย่อมอยากได้เพราะ โลภะ นั้น
เพราะฉนั้นโลภะนั้นเลยเป็นสภาวะที่ทำให้สัตว์เกิดความอยากได้
คือ ถ้าไม่มี โลภะ มันก็ไม่อยากได้หรอก
โลภะ ก็เลยเป็นสภาวะที่ทำให้เกิดความอยากได้
หรืออยากได้เองเลย
หรือสักว่าเป็นความอยากได้
นะอย่างนี้นะครับ 27.52
ต่อมาลักขะณาทิจะตุกะของโลภะ
โส อารัมมะณะคะหะณะลักขะโณ มักกะฎาเลโป วิยะ ,28.02
โลภะมีลักษณะจับอารมณ์ จับยึด คะหะณะ แปลว่า จับ หรือ ยึด
มีลักษณะจับหรือยึดซึ่งอารมณ์ จับยึดไว้แน่น นะ จับไว้ นะ นอกจากถือสิ่งของ
อุปมาเหมือนอะไร เหมือนกับลิงติดตัง ตังก็คือ ของเหนียวๆที่เขาเอาไว้จับลิง ลิงมันก็โง่มันก็ไปจับ จับมือมันก็ติดตัง ติดของเหนียว ติดกาว บอกว่าเป็นกาวก็ได้ ลิงติดกาว แต่ในนี้หมายถึง กาวในยุคโบราณที่นายพรานเวลาที่เขาจะจับลิงจับสัตว์ เขาเอาไปแปะไว้ที่ต้นไม้ นะ
พวกนี้ก็ใช้ขาไปจับ มันก็ติด อย่างนี้คือ อุปมาของโลภะ
โลภะ28.51
โลภะมีลักษณะจับอารมณ์ในแบบนี้ เหมือนลิงติด จับแบบจับติด นะอย่างนี้ทำนองนี้
ไม่ใช่รู้อารมณ์ธรรมดา แต่ รู้แบบจับติด นา
นี้คือลักษณะของโลภะ
อะภิสังคะระโส ตัตตะกะปาเล ปักขิตตะมังสะเปสิ วิยะ ,
กิจหน้าที่ของโลภะ ก็คือ ทำกิจหน้าที่ ให้ติดอย่างแน่นเลยทีเดียว
อะภิสังคะ แปลว่า ติดอย่างแน่น ติดอย่างยิ่ง ติดอย่างแน่น ติดอย่างเหนียวเลย
อุปมาเหมือนอะไร เหมือนกับชิ้นเนื้อที่คนวางบนกระทะที่ร้อน
ให้นึกถึงกระทะที่ร้อนๆว่าเอาชิ้นเนื้อไปวางมันก็ติดแบบยุ่ยติดไปเลยแบบนี้
เป็นกิจของโลภะ29.47
ก็คือมันจับอารมณ์เป็นลักษณะ แล้วมันก็ติดเหนียวหนืดดึงไม่ออก เหมือนคาอยู่เลย
อุปมาเหมือนอะไร เหมือนกับ ชิ้นเนื้อที่เขาใส่ลงไปที่ติดกระทะร้อนๆ พอดึงขึ้นมาเนื้อก็ยังติดกระทะอยู่ ประมาณนี้นะครับ
นี้เป็นอุปมา
อะปริจจาคะปัจจุปัฎฐาโน เตลัญชะนะราโค วิยะ ,
มีอาการปรากฎก็คือ การไม่ปล่อย ไม่ปล่อยอารมณ์
อะปริจาคะ ปะริจาคะแปลว่าปล่อยวาง สลัดออก อะปะริจาคะ ก็ตรงกันข้าม
มีการไม่ปล่อยก็คือ ยึดถือไว้กอดไว้นั่นเองหละนะ มีการไม่ปล่อยเป็นอาการปรากฎ
เหมือนกับการติดของยาที่เราทาลงไป ทาแบบเราทาน้ำมัน เตละญะ ก็คือ ยาที่เป็นยาประเภทน้ำมัน
เวลาทาลงไปแล้วเนี่ยเอาน้ำล้างมันก็ไม่ออก เพราะมันเป็นยาประเภทน้ำมัน
ท่านไหนที่ทายาประเภทน้ำมันพวกม้อยเจ้อไร้เซ่ออะไรเอยทาเข้าไปในหน้ามันดูดเข้าไปเลยน๊อ มันไม่ออกอย่างนี้เป็นต้น 30.55
เรียกว่า อาการปรากฎของโลภะ
สังโยชะนิเยสุ ธัมเมสุ อัสสาทะทัสสะนะปทัฎฐาโน .
โลภะมีการเห็น อัสสาทะ เห็นว่ามันน่าเพลิดเพลินยินดี ในธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสังโยชน์อันเป็นเหตุใกล้ให้เกิด
เห็นว่ามันจะให้ความสุขแก่เราได้
31.18
อัสสาทะ ก็คือ สุขโสมนัสอาศัยสิ่งนั้นเกิดขึ้น เรียกว่า อัสสาทะของสิ่งนั้น
เหตุใกล้ให้เกิดของสิ่งนั้น ของโลภะ ก็คือ มองว่ามันจะให้ความสุขแก่เรา มองว่ามันจะให้ผลประโยชน์แก่เรา
นั่นเองนะ
โลภะก็จะเกิดขึ้น เพราะว่าโลภะหรือตัณหานี้มันติดกับความสุข
เมื่อไปมองวัตถุอะไรที่จะก่อให้เกิดสุขโสมนัสโลภะก็จะเกิดอย่างเนี้ยทำนองนี้นะครับ
นี้คือ ลักขณาทิจตุกะของโลภะ
31.55