ทนต่อไป กับ เริ่มต้นใหม่ที่อื่น ทางไหนลูกจะเจ็บน้อยกว่ากัน

สวัสดีครับกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมครับ ถ้าหากว่ามีตรงไหนผิดพลาดไปต้องขออภัยด้วยนะครับ ผม พ่อเลี้ยงเดี่ยว อายุ 34 ปี มีลูกสาว 2 คน คนต่ออายุ 5 ขวบคนเล็กอายุ 4 ขวบครับ แยกทางกับภรรยาได้ 2 เดือนกว่าๆ อยู่กินกับภรรยามาได้ทั้งหมด 7 ปีครับ รักกันบ้างทะเลาะกันบ้าง ตามประสาชีวิตคู่ทั่วๆไปครับ แต่ไม่เคยมีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายหรือ การใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นเลย ก่อนหน้านี้แฟนผมเลี้ยงลูกอยู่บ้านครับ จนกระทั่งลูกเข้าโรงเรียน แล้วเมื่อตอนเดือนมกราคมเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา บ้านผมฝากเขาเข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำของอบต. ผมรู้สึกได้ว่าตั้งแต่นั้นมาเขาเริ่มเปลี่ยนแต่ละอย่าง จนกระทั่งมาเมื่อ 2 เดือนก่อน หลังๆมานี้ยอมรับครับว่าต่างคนต่างทำอะไรที่ไม่เข้าตากัน อย่างเช่นผมหาทุกอย่างที่เขาชอบมาให้แต่เขาก็คือไม่สนใจ ไม่คิดจะรับทำเหมือนไร้ค่า บางทีาพูดอะไรนิดนึงแล้วก็ไม่พอใจใส่ ก็จะมีแค่นี้ตลอดครับไม่ได้มีมากกว่านี้เลย ไม่เคยใช้ความรุนแรงเลยสักนิดเดียวครับ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็บอกผมว่าหย่ากันเถอะ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเพราะในวันวันนั้นผมยังอยากที่จะทำอะไรอยากให้เขาอยู่ ผมอยากที่จะทำทุกๆอย่างให้ยังอยากเห็นเขามีความสุข วันวันนั้นผมสับสนมากว่าทำไมเขาถึงพูดประโยคนี้กับผม ผมพยายามขอ โอกาสผมพยายามยื้อทุกอย่างทั้งๆที่ผมไม่รู้ผมผิดอะไรในวันนั้น เขาบอกว่าสำหรับผมไม่มีโอกาสแล้วเขาพอแล้ว คือในวันวันนั้นผมไม่เข้าใจว่าผมทำผิดอะไรไปพอถามเขาก็บอกว่า ที่เขาอยากหย่าเกิดจากการที่สะสมหลายๆอย่างมานาน ผมก็ยังไม่เข้าใจ เขาพูดเหตุผลกับผมว่าต่อไปข้างหน้าเขากลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น เขาไม่อยากที่จะแบบว่าติดปัญหากับผมไปด้วยก็เลยอยากจะแค่หย่ากัน แต่กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมทุกอย่างเหมือนเดิมหมด แค่ว่าหย่ากันจนกระทั่งผมยอมที่จะหย่าให้ จนสุดท้ายวันที่ไปอำเภอ ผมพยายามหาข้ออ้างเหตุผลหลายๆอย่างที่จะไม่ต้องเซ็นยาแต่เขาก็พูดอย่างเดียวว่าถ้าผมไม่อยากเขาจะฟ้องหย่าและผมจะไม่เหลืออะไรเลย จนกระทั่งสุดท้ายผมก็พูดกับเขาว่าถ้าหากว่าจะให้เซ็นหย่าต้องยกสิทธิ์ของลูกทั้งหมดให้ผมคนเดียว ที่ผมพูดอย่างนี้ไปคือผมไม่อยากจะหย่า แต่ที่น่าตกใจก็คือว่าเขาตอบว่าได้ ก่อนที่ผมจะพูดหมดประโยคซะอีก ผมได้แบบอึ้งไปเลยครับ สุดท้ายก็เลยยอมเซ็นหย่าให้เขาไป หลังจากที่กลับมาจากอำเภอ แต่ละอย่างที่เขาเคยพูดมาว่ากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันไม่ใช่เลยเขากลับทำตัวออกห่าง เขากลับให้เหตุผลว่าเขาทำอะไรก็ได้เขาก็หย่าแล้ว หลายๆอย่างมันไม่ใช่ที่เขาเคยคุยกับผมไว้ เขาเริ่มที่จะไม่สนใจอะไรเลยสักอย่างหนึ่งในบ้านแม้กระทั่งลูก เมื่อตอนวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นวันหนึ่ง ลูกสาวคนเล็กของผมหงายท้องหัวกระแทกพื้น แล้วมีอาการคือเหมือนกับเดินไม่ตรงเดินสายอ้วกตลอดเวลากินอะไรไม่ได้ ผมก็ปรึกษาคุณหมอที่ผมรู้จักเขาบอกว่าให้ระวังเรื่องอาการทางสมองกลัวจะแบบว่า มีผลกระทบเรื่องสมอง พอวันรุ่งขึ้นแฟนผมเขา ต้องไปเตรียมงานรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ที่วัดเพราะเป็นงานของอบต. ลูกจ้างและพนักงานต้องไปช่วยกันเตรียม วันวันนั้นเขาบอกว่า 5 โมงกลับแต่ก็ยังไม่เห็นมา ตอนนั้นลูกสาวของเล่นของผมเขามีอาการคือเดินไม่ตรงก้าวขาไม่กี่ก้าวขาก็เหมือนไม่มีแรงจนต้องลงไปนอนดูดนิ้วกับพื้น ผมเห็นท่าทางไม่ค่อยดีผมก็เลยกังวลใจ ก็เลยคิดว่าจะไปรับแฟนผมที่ทำงานที่วัดซึ่งห่างจากบ้านผมไม่ไกล ให้มาช่วยดูลูกแล้วผมจะพาลูกคนเล็กไปหาหมอ พอไปถึงสิ่งที่ผมเห็นคือว่าเขาอยู่บนหลังกระบะที่วนเล่นน้ำมาทั้งอำเภอแล้ว 1 รอบ ตัวเปียกชุ่มไปทั้งตัว หัวเราะรื่นเริงมีความสุข ผมไปตรงนั้นพูดกับเขาว่าลูกไม่สบายทำไมถึงทำแบบนี้ แล้วผมก็ออกมาทันที แล้วผมก็มาพาลูกคนเล็กผมไปหาหมอ เหตุการณ์นี้เขาหาว่าผมไม่ให้เกียรติ พูดอย่างนี้กับเขาต่อหน้าคนอื่นได้ยังไง แล้วเขาไม่คิดบ้างว่าคนเป็นพ่อห่วงลูกมากแค่ไหนและสิ่งที่เขาทำคืออะไรเขาไม่เคยคิด หลังจากนั้นได้ไม่นานครับ ไม่เกิน 7 วัน เขาให้ญาติเขามารับออกไปจากบ้านผม ผมก็คิดในใจว่าทำไมต้องมากันขนาดนี้เพราะไม่เคยขังไม่เคยอะไรออกไปดีๆก็ได้ไม่ว่าเลย แล้วเขาก็ออกใช้ชีวิตของเขาข้างนอกคนเดียว แต่สิ่งที่มันรู้สึกแย่จริงๆก็คือหลังจากตรงนี้ต่างหากครับ ผมคิดว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะผมทำตัวไม่ดีหรืออาจจะเกิดจากการที่เขาเก็บสะสมมานานแบบที่เขาว่ามา เขาออกจากบ้านผมได้ประมาณ 2 เดือนครับ เชื่อไหมครับสิ่งที่ผมน่าตกใจที่สุดอย่างหนึ่งก็คืออะไร คนที่เป็นแม่ ผมเชื่อได้ว่าต้องห่วงลูก แต่ละระยะเวลาที่เขาออกไปเขาไม่เคยที่จะโทรมาถามสักครั้งเลยว่าลูกทำอะไร กินข้าวหรือยังเป็นยังไงบ้างอะไรบ้างไม่เคยแสดงความห่วงใยลูกเลย มีบางครั้งที่กลางคืนลูกไม่สบายโทรไปหาไม่เคยติดไม่เคยรับ ป้าผมโทรไปบอกให้มาดูอาการของลูกหน่อย เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเช้าค่อยมาทั้งๆที่ตอนนั้นลูกอาการหนักอยู่ บ้านผมกับห้องที่เขาไปพักอยู่ห่างกันประมาณไม่เกิน 100 เมตรครับ อยู่ใกล้ๆเลย แต่เขาไม่คิดที่จะมา ช่วงแรกๆที่หายไป ลูกผมแย่ครับเพราะเขาก็อยู่กับแม่ตลอดเวลา ผมก็พยายามปลอบใจถ้าเขาแข็งแรงหายดี ก็พร้อมที่จะอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องรอหาแม่ มาวันนึงเขากลับมาครับ มาทำให้ลูกสับสน ผมก็ได้แต่คอยปลอบว่าแม่ไปทำงานหาตังค์ซื้อขนมซื้อนมให้ลูกไง ลูกตอบว่าไม่เอาขนมไม่เอานมแต่เอาแม่ ผมบอกให้เขารู้แต่เขาก็ยังไม่คิดจะฟัง จนกระทั่งมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาครับ มันมีหลายๆอย่างจะทำให้ผมรู้สึกคาใจ ผมไม่เข้าใจว่าทั้งหมดนี้มันคืออะไรกันแน่ เขามาบอกเลิกผมในวันที่ผมรักเขายังจะทำเพื่อเขาอยู่ เขามาบอกกับผมว่าอยากออกไปอยู่ข้างนอกในวันที เขามีลูกสาว 2 คน แล้วตั้งแต่เขาออกไปแสดงความห่วงใยลูกก็ไม่เคยมีอะไรก็ไม่เคยให้ ผมสับสนมากครับ จนกระทั่งผมตามสืบข้อมูลจนกระทั่งได้รับรู้ว่า ที่เขาแยกออกไปอยู่ข้างนอกเพราะว่าเขา ไม่รู้สึกกับผมแล้วเขาไม่อยากจะทนอยู่กับผมแล้วแต่เขาไปรู้สึกดีกับคนใหม่ ที่อยู่ระแวกบ้านผม ผู้ชายคนนึ้ทำงานอยู่ใน อบต.เดียวกัน ผมงงและสับสนไปหมดคือตรงที่ว่าอะไรกัน แล้วลูกล่ะ แล้วต่อไปยังไงต่อ คือจะใช้ชีวิตอย่างนี้จริงๆหรอ ผมได้บอกเขานะครับว่าถ้าวันนี้เขาไม่มีลูกเขาจะทำอะไรแล้วแต่เขาเลยจะไม่ยุ่ง แต่ในเมื่อเขามีลูกแล้วทำไมถึงไม่มีความรับผิดชอบจิตสำนึกความเป็นแม่ไม่มีเลยใช่ไหม ห่วงลูกบ้างหรือเปล่าคิดถึงลูกบ้างไหม ผมก็พยายามที่จะปลอบลูกทุกวันว่าอย่าคิดมากลูกอะไรนะลูก เพื่อให้ลูกลืมเพื่อให้ลูกไม่ต้องคอยคิดถึงเพื่อที่จะได้มีแรงในการเรียนรู้หลายๆ อย่างที่โรงเรียน แต่เขาก็จะวนไปวนมาไม่มาที่บ้านบ้างก็ไปหาที่โรงเรียนบ้างทำให้ลูกคิดถึงอยู่ดีๆแล้วสุดท้ายลูกผมคือเรียนไม่รู้เรื่องตอนนี้ พัฒนาการของลูกผมเริ่มที่จะช้าแล้วก็ด้อยถอยลง เขาไม่เคยคิดจะสนใจลูกเลยครับลูกไม่สบายไม่เคยมาลูกคิดถึงไม่เคยมาหา เขาเอาแต่พูดว่าถ้าแม่คิดถึงเมื่อไหร่เดี๋ยวจะมาหานะลูกแต่เวลาที่ลูกคิดถึงเขาไม่เคยโผล่หน้ามาเลย เดือนที่ผ่านมาวันหยุดยาวเยอะครับถ้าเป็นลูกจ้างของอบต.ก็จะมีวันหยุดเท่ากับข้าราชการทั่วไป มี วันหยุดยาว 2 ครั้ง ครับ ครั้งละ 4 วัน เชื่อไหมครับเขาไม่เคยให้ลูกเลยสักวันหนึ่ง เขาไม่ค่อยเข้ามาหาลูกเลย 1 เดือนที่ผ่านมาเขาเข้ามาหาลูกทั้งหมด 3 ครั้งครั้งละ 10 นาทีได้แล้วเขาก็รีบออกไป คงเป็นเพราะว่ากลัวคนใหม่ของเขาจะรับไม่ได้มั้งครับ แต่จริงๆแล้วคนใหม่ของเขาก็ควรที่จะคิดได้ ควรมีจิตสำนึกตรงที่ผมกับเขามีลูกกัน แล้วทำไมถึงยังมาเอาเป็นเมีย แล้วทั้งๆที่รู้จักกันดีกับบ้านผมด้วยซ้ำ แฟนผมเขาอ้างเสมอครับว่าเขาไม่ได้ทำผิดกับผมเพราะเขาหย่ากันก่อน แต่ถ้าไม่คุยกันก่อนผมว่ามันคงจะไม่ได้คบกันไวขนาดนั ผมไม่ได้มองว่าเขาทำผิดหรือทำถูกเพราะเรื่องของผมกับเขามันจบแล้วครับ ผมพูดในฐานะคนเป็นพ่อ ผมมองว่าจิตสำนึกความเป็นแม่ของเขาไม่เหลือเลยหรือไง เขาถึงทำกับลูกได้ขนาดนี้ เขาไม่สนใจลูกผมเลยบอกเขาว่า ถ้าจะไปก็ไปพ้นอย่าวนมาทำร้ายลูกซ้ำๆ อย่ามาเจอลูกอีก เขาเอาแต่ว่าผมไม่ยอมให้ลูกไปอยู่กับเขาเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอะไรก็ตามเขาจะไม่สนใจเขาจะไม่ใยดี เขาจะไม่ยุ่งอะไรสักอย่าง อยากเลี้ยงก็เลี้ยงไปเขาพูดแค่นี้ครับ สำหรับผมผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจนะครับ ไม่ใช่สำหรับผมนะ แต่สำหรับลูกผม ผมคิดว่าผมอยู่ต่อไปไม่ไหวจริงๆ ยิ่งลูกผมโตขึ้นมา และถ้าเกิดว่าบังเอิญเจอแม่ ลูกถามแม่จะไปไหนแล้วแม่เขาจะตอบว่ายังไง ทำไมไม่เข้าบ้านแม่จะพูดยังไงต่อ จะทำอะไรควรที่จะไปไกลๆ ทำไมทำอะไรไม่เคยคิด ช่วยไปทำไกลๆหน่อยจะไม่ว่า บ้านผมกับบ้านผัวใหม่เขารู้จักกันดีด้วยซ้ำ ทำอะไร ไม่แคร์ลูกเลย แล้วเขาก็เอาแต่อ้างกับทุกคนว่าผมบ้านผมใจร้าย ไม่ยอมให้เขาเจอลูก ผมไม่ใช่ว่าไม่ให้เจอแต่เจอแล้วลูกผมสับสนร้องหาแม่ ต้องปลอบกี่วัน เขาไม่เคยมาสนใจ มาให้ลูกเจอลูกก็คิดถึงอยากอยู่ด้วยแต่เขาไม่เคยคิด บางครั้งลูกร้องไห้ไม่ยอมหยุดผมโทรไปหาจะให้คุยกับลูก ลูกจะได้เลิกร้อง บางครั้งจะบอกให้เขามาหาลูกหน่อยคุยกับลูกหน่อย เขาบอกกับผมมาแค่ว่า เป็นพ่อ เรื่องแค่นี้จัดการไม่ได้หรือไง แล้วเขาก็จะหายไปไม่มาสนใจอีก ผมควรทำยังไงดี  ผมรักลูกผมผมไม่ได้คิดว่าเขาจะทำร้ายลูกได้ขนาดนี้ วันนี้ผมไม่ขอให้เขากลับมา ทุกอย่างมันจบแล้วครับ ผมแค่ไม่อยากเห็นลูกถูกทำร้าย พอผมจะย้ายไปอยู่ที่อื่นเขาก็จะหาผมใจร้ายพาลูกหนีไปทั้งๆที่ เขาไม่เคยคิดจะสนใจลูกเลยผมอยากจะปกป้องลูกของผม แต่ถ้าเกิดผมทนอยู่ต่อไปจะยังไงต่อ ในเมื่อสิ่งที่เขาทำมันไม่ไว้หน้าบ้านผมไม่ไว้หน้าลูกเลย เขาไม่แคร์ในสิ่งที่ตัวเองทำบ้างเลย เขาควรละอายกับสิ่งที่เขาทำกับลูกผมบ้าง ทุกวันนี้มันเหมือนกับว่าเขาลืมด้วยซ้ำว่าเขามีลูก  ลูกสาวคนโตของผมตื่นนอนแล้วมานั่งรอแม่มาหา ตั้งแต่ตอนเช้าวันนั้นเป็นวันพืชมงคล ลูกผมนั่งยันเย็นโดยที่ไม่กินอะไรเลยนั่งรอแต่แม่รอกินพร้อมแม่ ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง เอาแต่ร้องไห้หาแม่ ลูกสาวคนโตของผมรักแม่เขามากครับ แต่สุดท้ายแม่เขาไม่มา พิมพ์ LINE ไปบอกเปิดอ่านแต่ก็ไม่ตอบกลับ โทรไปตัดสายทิ้งจนกระทั่งบล็อกเบอร์ แล้วก็หายไปเลย ผมพยายามที่จะปลอบลูกพยายามที่จะทำให้ลูกรู้สึกดีขึ้นลูกจะตั้งใจเรียน จนกระทั่งเขาเริ่มที่ดีขึ้นได้ประมาณ 7 วันเขากลับมาอีกแล้วครับเอาขนมมาให้ 1 ถุงแล้วก็ไป ลูกผมก็หวั่นไหวเหมือนเดิมแล้วเขาก็ไปเหมือนเดิมอีก เป็นอย่างนี้ซ้ำๆตลอดครับ ผมจะต้องทำยังไงต่อกัน  ที่ผมออกมาพูดตรงนี้ ผมขอพูดในฐานะพ่อคนนึงที่รัก​และเป็นห่วงลูกมาก ไม่อยากที่จะให้ใครมาทำร้ายลูก แบบนี้ผมควรจะให้เขาได้เจอกับลูกอีกมั้ยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่