ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วงการสุกี้-ชาบูสะเทือนแรง เมื่อ MK ประกาศเปิดตัวโปรโมชั่น บุฟเฟ่ต์ 299 บาท ท้าชนกับเจ้าตลาดบุฟเฟ่ต์ราคาประหยัดอย่าง สุกี้ตี๋น้อย ที่ก็ตอบโต้กลับทันควันด้วยโปร บุฟเฟ่ต์ 199 บาท ในช่วงวันธรรมดา
หลายคนมองว่านี่คือ "สงครามราคา" ครั้งใหญ่ของวงการสุกี้
แต่ในมุมของเรา ขอบอกตรงๆ ว่า MK เดินเกมพลาดมหันต์
MK สร้างแบรนด์มานานในฐานะร้านสุกี้ที่เน้นคุณภาพ วัตถุดิบสะอาด บริการดี และเหมาะกับครอบครัว เมื่อจู่ๆ หันมาเล่นตลาดบุฟเฟ่ต์ราคาประหยัด เท่ากับทิ้งภาพลักษณ์เดิม และดิ่งลงสนามที่ตัวเองไม่ถนัด
MK ไม่เคยเชี่ยวชาญด้านระบบรองรับคนเยอะ แบบบุฟเฟ่ต์ระดับ 199 บาท
พนักงานไม่พอ
วัตถุดิบไม่ทัน
ลูกค้ารอนาน
รีวิวติดลบกระจาย
ผลลัพธ์คือ เสียความเชื่อมั่นทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มใหม่ที่ไม่ประทับใจ
ในขณะที่ตี๋น้อย แค่ยืนเฉยๆ ก็ชนะ
ตี๋น้อยเล่นในสนามนี้มานาน
เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า บุฟเฟ่ต์ราคาดี เน้นไว เมนูเยอะ ไม่ต้องหรู
พอ MK ลดราคา ตี๋น้อยก็แค่ขยับลงนิดเดียว แล้วให้บริการตามปกติ
ลูกค้ารู้ว่าควรคาดหวังอะไร และตี๋น้อยก็จัดให้ได้จริง
MK ไม่ได้ใจลูกค้าใหม่ แต่เสียลูกค้าเก่า
นี่คือจุดอันตราย — MK กลายเป็นแบรนด์ที่อยู่ “กึ่งกลาง” ระหว่างพรีเมียมกับประหยัด
ลูกค้าเก่า: รู้สึกว่า MK ไม่เหมือนเดิม
ลูกค้าใหม่: รู้สึกว่าไม่คุ้มเลย ไปตี๋น้อยดีกว่า
📌 สรุปจากมุมมองส่วนตัว
> MK ควรชูจุดแข็งเดิมให้ชัด ไม่ใช่ลดราคาเพื่อแข่งกับแบรนด์ที่เกิดมาเพื่อสิ่งนั้น
การกระโดดเข้าสงครามราคาโดยไม่มีความพร้อมด้านระบบบริการ คือการเดินหมากผิด และตอนนี้ดูเหมือน ผลลัพธ์เริ่มชัดขึ้นทุกวัน
ถ้า MK ยังดันโปรนี้ต่อถึงสิ้นเดือน โดยไม่แก้เกมหรือปรับคุณภาพให้ทัดเทียมคู่แข่งที่ทำบุฟเฟ่ต์เป็นกิจวัตรทุกวัน ก็อาจไม่รอดในใจลูกค้าได้เลย
นี่เป็นเพียวความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น เพราะผมเองก็กิน MK มาตั้งแต่จำความได้ แล้วยังคงกินอยู่ แต่เริ่มจะเป็นห่วงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..
💬 ใครเคยลองโปรของ MK หรือสุกี้ตี๋น้อยในรอบนี้บ้าง? มาแชร์ประสบการณ์กันหน่อยว่าเจออะไรบ้าง
รออ่านทุกความเห็นครับ
วิเคราะห์ศึกสุกี้ "MK vs ตี๋น้อย" : ใครเดินเกมผิด? ใครเข้าใจตลาดมากกว่า?
หลายคนมองว่านี่คือ "สงครามราคา" ครั้งใหญ่ของวงการสุกี้
แต่ในมุมของเรา ขอบอกตรงๆ ว่า MK เดินเกมพลาดมหันต์
MK สร้างแบรนด์มานานในฐานะร้านสุกี้ที่เน้นคุณภาพ วัตถุดิบสะอาด บริการดี และเหมาะกับครอบครัว เมื่อจู่ๆ หันมาเล่นตลาดบุฟเฟ่ต์ราคาประหยัด เท่ากับทิ้งภาพลักษณ์เดิม และดิ่งลงสนามที่ตัวเองไม่ถนัด
MK ไม่เคยเชี่ยวชาญด้านระบบรองรับคนเยอะ แบบบุฟเฟ่ต์ระดับ 199 บาท
พนักงานไม่พอ
วัตถุดิบไม่ทัน
ลูกค้ารอนาน
รีวิวติดลบกระจาย
ผลลัพธ์คือ เสียความเชื่อมั่นทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มใหม่ที่ไม่ประทับใจ
ในขณะที่ตี๋น้อย แค่ยืนเฉยๆ ก็ชนะ
ตี๋น้อยเล่นในสนามนี้มานาน
เข้าใจพฤติกรรมลูกค้า บุฟเฟ่ต์ราคาดี เน้นไว เมนูเยอะ ไม่ต้องหรู
พอ MK ลดราคา ตี๋น้อยก็แค่ขยับลงนิดเดียว แล้วให้บริการตามปกติ
ลูกค้ารู้ว่าควรคาดหวังอะไร และตี๋น้อยก็จัดให้ได้จริง
MK ไม่ได้ใจลูกค้าใหม่ แต่เสียลูกค้าเก่า
นี่คือจุดอันตราย — MK กลายเป็นแบรนด์ที่อยู่ “กึ่งกลาง” ระหว่างพรีเมียมกับประหยัด
ลูกค้าเก่า: รู้สึกว่า MK ไม่เหมือนเดิม
ลูกค้าใหม่: รู้สึกว่าไม่คุ้มเลย ไปตี๋น้อยดีกว่า
📌 สรุปจากมุมมองส่วนตัว
> MK ควรชูจุดแข็งเดิมให้ชัด ไม่ใช่ลดราคาเพื่อแข่งกับแบรนด์ที่เกิดมาเพื่อสิ่งนั้น
การกระโดดเข้าสงครามราคาโดยไม่มีความพร้อมด้านระบบบริการ คือการเดินหมากผิด และตอนนี้ดูเหมือน ผลลัพธ์เริ่มชัดขึ้นทุกวัน
ถ้า MK ยังดันโปรนี้ต่อถึงสิ้นเดือน โดยไม่แก้เกมหรือปรับคุณภาพให้ทัดเทียมคู่แข่งที่ทำบุฟเฟ่ต์เป็นกิจวัตรทุกวัน ก็อาจไม่รอดในใจลูกค้าได้เลย
นี่เป็นเพียวความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น เพราะผมเองก็กิน MK มาตั้งแต่จำความได้ แล้วยังคงกินอยู่ แต่เริ่มจะเป็นห่วงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..
💬 ใครเคยลองโปรของ MK หรือสุกี้ตี๋น้อยในรอบนี้บ้าง? มาแชร์ประสบการณ์กันหน่อยว่าเจออะไรบ้าง
รออ่านทุกความเห็นครับ