JJNY : ปัตตานีพบระเบิด ตั้งเวลาบึ้มเมื่อคืน│ปชน.ยื่นสอบภาษี“ทวีวัฒน์”│สทนช.ถกเข้มรับมือฝนกลับมาตกเพิ่ม│ญี่ปุ่นโวยจีน

ระทึกต่อ! ปัตตานีพบระเบิดอีก 1 หนัก 20 กก. ตั้งเวลาบึ้มเมื่อคืน หลังปิดเมืองเก็บกู้
https://www.matichon.co.th/region/news_5221441
.
.
ระทึกต่อเนื่อง! ปัตตานีปิดเมืองกู้ระเบิด พบระเบิดเพิ่มอีก 1 กลางเมืองปัตตานี หนัก 20 กก. ตั้งเวลาระเบิดเมื่อคืน แต่เคราะห์ดีระเบิดไม่ทำงาน
จากกรณีคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง 2 ลูก โดยลูกแรกวางในถังขยะ หน้าห้างทองอินเตอรเนชั่นแนล บริเวณตลาดโต้รุ่ง จ.ปัตตานี และลูกที่ 2 วางในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรมสันติสุข หลังตลาดโต้รุ่ง จ.ปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่จุดแรก พบมีรถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย 2 คัน เหตุเกิดเมื่อคืน วันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น
.
ล่าสุดเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 9 มิถุนายน เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุและพบระเบิดเพิ่มอีก 1 จุด รวมทั้งหมดเป็น 3 จุดในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี
.
โดยเจ้าหน้าที่พบระเบิดแสวงเครื่องอีก 1 ลูก ถูกซุกซ่อนไว้บริเวณสามแยกสันติสุข ด้านหน้าร้าน แว่นตาไลลา Optic ติดกับโต๊ะในซุ้มขายน้ำอยู่ที่ ถนนมะกรูด เขตเทศบาลเมืองเช่นกัน โดยจนท.พบ วัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตั้งเวลา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอย่างระมัดระวัง โดยต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ชั่วโมง ในการเก็บกู้ไว้ เริ่มตั้งแต่เวลา 08.20-09.40 น.โดยช่วงแรกใช้หุ่นยนต์ EOD บังคับรีโมตคอนโทรลเข้าทำการตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจะเข้าปลดชนวน พบว่าเป็น ระเบิดแบบตั้งเวลา น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม โดยตั้งเวลาระเบิดไว้ราว 20.00 น.แต่ไม่ระเบิด เป็นระเบิดผสมดินระเบิดหวังทำลาย บรรจุในกล่องเหล็ก
.
ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่ง เข้าตรวจเหตุระเบิดเมื่อคืนบริเวณตลาดโต้รุ่ง ถนนพิพิธ ต.อาเนาะรู ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเก็บหลักฐาน โดยจุดแรกอยู่ในถังขยะใกล้ ป้ายชุมชนโต้รุ่ง หน้าห้างทองอินเตอร์เนชั่นแนล แรงระเบิดรุนแรงจนถังขยะพลาสติกแตกละเอียด รถจักรยานยนต์ 2 คันได้รับความเสียหาย และ สะเก็ดระเบิดทะลุตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นพื้นที่ทั้ง 3 จุด พร้อมกระชับมาตรการรักษาความปลอดภัยในเขตเมืองเต็มที่ คาดว่าคนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่องในพื้นที่
.
หน่วยข่าวความมั่นคงยังยืนยันว่า การก่อเหตุครั้งนี้มีความเกี่ยวโยงกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมที่เคยแจ้งเตือนมาก่อนหน้านี้ และยังคงเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
.
ด้าน เจ้าของร้านแว่นตาไลลาออฟติก จุดที่พบระเบิดเมื่อเช้านี้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เช้านี้เวลา 05.00 น. นาย อ. ขี่รถจยย.มาส่งภรรยาเพื่อเปิดร้านตามปกติ จากนั้นเจ้าตัวก็ขี่รถกลับไป แต่ไม่ถึงชั่วโมง ภรรยาก็โทรกลับมาบอกว่า เห็นถุงกระดาษวางไว้ใต้โต๊ะซุ้มขายน้ำหน้าร้าน ดูแปลกๆ มาก เหมือนมีของหนักๆ อยู่ข้างใน เหมือนระเบิด ได้ยินแล้ว นายอ. จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที พร้อมบอกให้ภรรยาทิ้งร้านแล้วกลับบ้านทันที
.
ผมรีบสั่งเมียกลับบ้านเลยครับ ไม่ต้องเปิดร้านแล้ว ตอนนั้นใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกลัวระเบิดจะทำงาน จากนั้นแจ้งเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นหน่วยเก็บกู้ระเบิดเข้าพื้นที่ทันที ตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดตั้งเวลาจริง น้ำหนักกว่า 20 กิโลกรัม ตั้งเวลาไว้ 19.50 น. ซึ่งตรงกับช่วงเวลาระเบิดสองลูกเมื่อคืนที่ผ่านมาอย่างพอดิบพอดี คือถ้าผมนอนที่ร้านเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา หรือถ้าภรรยาเปิดร้านช้ากว่านี้อีกนิด อาจจะไม่รอดก็ได้” นายอ. กล่าว
.
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า การวางระเบิดครั้งนี้เป็นความพยายามก่อเหตุซ้ำซ้อนในพื้นที่เขตเมือง โดยเน้น “แหล่งชุมชน” และ “เวลาคนพลุกพล่าน” เป็นเป้าหมาย ขณะนี้พื้นที่บริเวณสามแยกสันติสุข ถนนมะกรูด และตลาดโต้รุ่ง ถ.พิพิธ ถูกปิดล้อมเพื่อความปลอดภัย พร้อมเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อล่าตัวกลุ่มมือบึ้มกลุ่มนี้อย่างเร่งด่วน
.

.
สส.พรรคประชาชน บุกสรรพากรยื่นสอบภาษี “ทวีวัฒน์” โยงเงิน 12 ล้าน
.
ลิซ่า ภคมน ควง ไอซ์ รักชนก และ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน บุกกรมสรรพากร ยื่นตรวจสอบภาษี “ทวีวัฒน์” หลังอ้างเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านบาท
.
วันนี้(9 มิ.ย. 68) น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน พร้อมด้วย น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อกรมสรรพากรให้พิจารณาตรวจสอบที่มาของรายได้และเส้นทางการเงินจำนวน 12 ล้านบาท ของ นายทวีวัฒน์ หลังอ้างตัวเป็นเจ้าของเงินสด 12 ล้านบาท ที่ถูกพบทิ้งบริเวณถังขยะของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านเมืองทองธานี
.
โดย “ไอซ์ รักชนก” เปิดเผยว่า วันนี้พวกตนมายื่นหนังสือให้กับกรมสรรพากรตรวจสอบภาษีของนายทวีวัฒน์ ที่ปรึกษา กสทช. และนั่งอยู่ในอนุกรรมการ โดยยื่นรายได้ให้กรมสรรพากรปีละ 1 ล้านบาท แต่มีการกล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้าน ตามที่ปรากฎในข่าว ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้ชี้ชัดว่าเงินเป็นของใคร จึงเกิดความสงสัยว่าเงิน 12 ล้าน มีการแสดงรายได้ให้กับกรมสรรพากรหรือไม่ จึงอยากให้ทางกรมสรรพากรเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากมีอำนาจและหน้าที่ในการตรวจสอบประชาชนเกี่ยวกับเรื่องภาษีรายได้ ส่วนจะขาดอายุความหรือไม่ ตรงนี้จะต้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ตอบ
.
ด้าน “ลิซ่า ภคมน” ระบุว่า ตนเองได้ตั้งข้อสงสัยถึงเงิน 12 ล้านบาท ว่ามีความสัมพันธ์กับกรณีที่นายทวีวัฒน์ นั่งเป็นที่ปรึกษาและมีรายได้ถึงขนาดนี้แต่กลับไม่ชี้แจงในเรื่องของภาษี ซึ่งอาจจะเป็นจุดเล็กๆที่ทำให้เกิดการคอรัปชั่นภายใน กสทช. หรือไม่ ส่วนกรณีที่ภรรยาของนายทวีวัฒน์ดำรงตำแหน่งเป็น ผอ. ใน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากการตรวจสอบพบว่าตำแหน่งดังกล่าวจะต้องมีการชี้แจงแสดงทรัพย์สินอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ตนเองจะไปยื่น ป.ป.ช. ด้วยเช่นกัน เนื่องจากสามีภรรยาสถานะต้องเป็นคนเดียวกันในการแสดงทรัพย์สิน
.
ในส่วนที่มองว่ากรมสรรพากรอาจไม่มีอำนาจเนื่องจากหลักฐานยังไม่ชัดเจน ทำให้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงมองว่าหลักฐานขนาดนี้เพียงพอที่จะร่วมกับหน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบได้แล้ว หากยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ก็เกรงว่าจะทำให้คนที่กระทำความผิดโดยไม่เสียภาษีได้รับผลประโยชน์โดยไม่ต้องถูกลงโทษ ทั้งนี้อยากให้ทางธนาคารที่นายทวีวัฒน์ไปเบิกเงินเข้ามาร่วมตรวจสอบ เนื่องจากมีตัวเลขบนธนบัตรเรียงกัน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าเงินออกมาล็อตไหน
.
อย่างไรก็ตามการตั้งข้อสังเกตนี้ถึงความไม่โปร่งใส กรณีเรื่องเงิน 12 ล้านบาท เนื่องจากใกล้ช่วงเวลากทสช. ประมูลคลื่นความถี่ ที่นายทวีวัฒน์เป็นข้าราชการรับเงินเดือนประจำ และมีสิทธิพิเศษทุกอย่างโดยใช้ภาษีประชาชน เบื้องต้น นางลัดดา เอกอัจฉริยา นักวิชาการสรรพากรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนเลขานุการกรมสรรพากร เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว และจะนำไปตรวจสอบและคาดว่าจะทราบรายละเอียดภายใน 60 วัน
.

.
สทนช.ถกเข้มรับมือฝนกลับมาตกเพิ่ม ย้ำทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมพื้นที่เสี่ยง
.
กรุงเทพฯ 9 มิ.ย. – สทนช. ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รับมือฝนตกเพิ่ม พร้อมเฝ้าระวังพายุที่อาจก่อตัวบริเวณทะเลจีนใต้ ย้ำทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมพื้นที่เสี่ยง บูรณาการข้อมูลและเครื่องมือรับมือสถานการณ์อุทกภัยช่วงฤดูฝน
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการฯ โดยมีการประเมินสถานการณ์น้ำและแผนรองรับฝนที่กำลังจะเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของร่องมรสุมที่เริ่มพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน

จากการติดตามของกรมอุตุนิยมวิทยา วันนี้ (9 มิ.ย.) ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก อาจเกิดฝนตกหนักมากในบางพื้นที่
.
จากนั้น ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (10 มิ.ย. 68) ถึงวันที่ 12 มิ.ย. ร่องมรสุมกำลังปานกลางจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ ภาคตะวันออก และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
.
กรมอุตุนิยมวิทยายังรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลาเดียวกัน อาจมีการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ซึ่งมีแนวโน้มทวีกำลังเป็นพายุหมุนเขตร้อนและเคลื่อนตัวไปทางประเทศจีนตอนใต้ แม้ยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยในระยะนี้ แต่จำเป็นต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเสริมให้มรสุมที่พัดปกคลุมไทยมีกำลังแรงขึ้น และส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่
.
ที่ประชุมยังติดตามความคืบหน้าแผนระบายน้ำจากเขื่อนใหญ่ การจัดทำบัญชีพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยรายจังหวัด และการวางแผนบูรณาการรับมือทั้งระบบ โดยเน้นให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบความพร้อมของสถานีโทรมาตร เครื่องจักร บุคลากร และระบบสื่อสาร หากพบชำรุดให้เร่งซ่อมแซมทันที
.
ก่อนหน้านี้ สทนช. ได้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) แล้วใน 2 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ภาคเหนือที่ จ.เชียงราย ครอบคลุม จ.เชียงราย เชียงใหม่ และพะเยา และพื้นที่ภาคตะวันออกที่ จ.ระยอง เพื่อเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูฝน และสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานระดับพื้นที่อย่างมีเอกภาพ. 512 – สำนักข่าวไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่