เปิดนาที เขมรประสานไทย ขอหารือคลี่คลายข้อพิพาทช่องบก แจงใช้กลไก RBC หารือยั่งยืน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5220959
.
.
ทหารเขมร ประสานทหารไทย หารือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก บรรลุข้อตกลง ถอยไปยังจุดที่เคยใช้เป็นแนววางกำลัง พร้อมกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม
.
เมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 8 มิถุนายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.
วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.
สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.
สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก
.
จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชาได้ยินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพระยาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต
.
นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ
.
ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้ กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (RBC) เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม และยั่งยืนต่อไป
.
.
นักวิชาการ ระบุปัญหาไทย-กัมพูชา ยืดเยื้อ ชี้มีเตรียมการมาก่อน
.
นักวิชาการระบุ ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา น่าจะยืดเยื้อและมีการเตรียมการมาก่อน เพราะทุกอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะกับการเสนอเรื่องขึ้นศาลโลก และการปิดด่านก็กระทำการเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
.
รศ.ดร.สุกัญญา เอมอิ่มธรรม ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่จ.ขอนแก่น ว่า เหตุพิพาทที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา และขณะนี้มีการปิดด่านชายแดนบางจุดส่งผลกระทบให้กับ ผู้ประกอบการรายย่อยทั้งไทยและกัมพูชา รวมทั้งแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทยแบบไปเช้าเย็นกลับ เพราะไม่มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์เชื่อว่าหากมีการปิดด่านชายแดน จะเป็นการปิดในเชิงสัญลักษณ์ การปิดถาวรคาดว่าไม่เกิดขึ้น เพราะนอกจากแรงงานกัมพูชาจะเข้ามาทำงานในประเทศไทยแล้ว ทางฝั่งกัมพูชาก็มีนักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีทั้งกาสิโนด้วย โรงแรม บริษัท ห้างร้าน ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนไทย หากมีการปิดด่านจะทำให้กัมพูชาสูญเสียรายได้มหาศาล
.
“ชาวกัมพูชาเป็นคนฉลาดในการวางนโยบาย ที่ผ่านมาเขารับการช่วยเหลือจากทุกประเทศ ในขณะที่คนไทยมองว่าเขาด้อยกว่า มีชาวกัมพูชาเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในไทย เขาสามารถฟัง พูด อ่าน และเขียนได้ ในขณะที่คนไทยรู้ภาษากัมพูชาน้อย สถานการณ์ในครั้งนี้คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะฮุนเซน ที่ต้องการทำให้ประชาชนเห็นบทบาทในการเป็นผู้นำประเทศของรัฐบาลมากขึ้น”
.
รศ.ดร. สุกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่เคยทำงานช่วยเหลือชาวกัมพูชาเมื่อประมาณปี 2523-2524 ในฐานะเจ้าหน้าที่ของ UNHCR หรือสำนักงานใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หลังจากที่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองของเขมร ทำให้ชาวเขมรนับแสนคนอุ้มลูกจูงหลานหนีตายเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร โดยในช่วงนั้นประเทศไทยได้เปิดพื้นที่ให้ UNHCR เข้ามาตั้งศูนย์ช่วยเหลือ เหตุการณ์ในขณะนั้นทั้ง 2 ประเทศไม่มีการทะเลาะขัดแย้งกันเป็นการเปิดรับให้การช่วยเหลือชาวกัมพูชาที่อพยพเข้ามายังไทย ซึ่งต่างจากบรรยากาศขณะนี้และจากการติดตามข้อทูล ทราบว่า ผู้นำรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ได้โทรศัพท์พูดคุยกัน คาดว่าสถานการณ์ไม่ถึงการปะทะรุนแรง
.
แต่การปิดด่านสำคัญมีความเป็นไปได้ แต่ปิดได้ไม่นาน เป็นการปิดเชิงสัญลักษณ์ เพราะการปิดด่านชาวกัมพูชาจะได้รับผลกระทบมากกว่า แต่หากปิดด่านและเรียกแรงงานกัมพูชากลับภูมิลำเนา ไทยจะได้รับผลกระทบด้านแรงงานที่เข้ามาทำงานรับจ้างในไทย เช่น ร้านอาหาร ประมง ปั๊มน้ำมัน แต่คาดว่าจะไม่มีการปะทะรุนแรง และไม่ส่งแรงงานกลับประเทศ คิดว่ารัฐบาลทั้งสองประเทศมีการพูดคุยกันแล้ว
.
“สถานการณ์ความขัดแย้งในครั้งนี้มีการวางแผนมาก่อน อยู่ดีๆมีการพูดถึงแนวชายแดน ปราสาทตาเหมือนธม เหมือนเป็นการยั่วยุกัน สุดท้ายอยู่ดีๆก็กระโดดไปพูดถึงศาลโลก ซึ่งถือว่าเร็วมาก จนคนไทยตามไม่ทัน ปัญหาที่มากกว่าการมีสงครามคือ ปัญหาความยืดเยื้อ ซึ่งต้องยอมรับว่าสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มีการเตรียมการมาแล้ว เพราะคราวนี้กัมพูชาพูดถึงการขึ้นศาลโลกเร็วมาก เชื่อว่าเหตุการณ์ยังคงยืดเยื้อไปอีกนาน”
.
.
กัมพูชา สู้มือ! ตอบโต้มาตรการปิดด่าน อนุญาตให้คนไทยเข้าประเทศได้แค่ 7 วัน.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9794958
.
กัมพูชา สู้มือ! ตอบโต้มาตรการปิดด่าน อนุญาตให้คนไทยเข้าประเทศได้แค่ 7 วัน หากพ้นกำหนดเวลา พลเมืองไทยต้องออกจากประเทศ ประทับตราหนังสือเดินทางใหม่
.
8 มิ.ย. 68 – ขแมร์ ไทม์ส
(Khmer Times) สื่อกัมพูชา รายงานว่า กัมพูชาเอาคืนประเทศไทย จากการประกาศปิดจุดผ่านแดนในหลายพื้นที่
กัมพูชา โต้ตอบต่อการดำเนินการของไทย ด้วยการจำกัดระยะเวลาการเข้าประเทศกัมพูชาของพลเมืองไทย ให้เหลือเพียง 7 วัน จากปกติ 60 วัน จากการเปิดเผยของ พลโท สก เวสนะ อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมือง
.
พลโท สก เปิดเผยว่า ทางการกัมพูชาได้ดำเนินการตอบโต้อย่างหนักแน่น และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำกัมพูชา โดยให้ชาวไทยทุกคนที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่กัมพูชาอยู่ได้เพียง 7 วัน หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว พลเมืองไทยจะต้องออกจากประเทศ และประทับตราหนังสือเดินทางใหม่
.
ทั้งนี้ เรื่องเปลี่ยนเวลาเปิด-ปิดจุดข้ามแดน เป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวของประเทศไทย
.
https://www.khmertimeskh.com/501696759/in-response-to-thai-ruling-cambodia-limits-thai-nationals-to-7-days-of-entry-into-cambodia/
.
.
แฉ อีลอน มัสก์ เดือด! คุยไม่ลงตัว กระแทกชายโครงรัฐมนตรีคลัง กลางทำเนียบขาว
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9795006
.
เดอะวอชิงตันโพสต์ รายงานว่า อีลอน มัสก์ ได้ปะทะอย่างรุนแรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนท์ ในทำเนียบขาว หลังถูกเรียกว่าเป็น “คนหลอกลวง” จนนำไปสู่ความบาดหมางกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
ในรายงาน ตามคำบอกเล่าของอดีตเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
สตีฟ แบนนอน ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นกลางเดือน เม.ย. เมื่อทั้ง
มัสก์และ
เบสเซนท์ต่างเสนอแผนปฏิรูปกรมสรรพากรสหรัฐฯ แข่งกันต่อหน้าประธานาธิบดี
ทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ โดยในที่สุด
ทรัมป์เลือกสนับสนุนแผนของ
เบสเซนท์
หลังประชุมจบ ทั้งคู่ยังคงโต้เถียงกันเสียงดังจนได้ยินถึงห้องของประธานาธิบดี โดย
เบสเซนท์กล่าวว่า “
คุณมันหลอกลวง เป็นพวกหลอกลวงสิ้นดี” โดยอ้างถึงแผนของ
มัสก์ที่เคยเสนอให้ตัดงบประมาณรัฐบาลกลางลงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ (32.7 ล้านล้านบาท)
ข้อมูลจากอดีตเจ้าหน้าที่บอกว่า การโต้เถียงบานปลายเป็นการปะทะทางร่างกาย เมื่อมัสก์พุ่งไหล่กระแทกเข้าที่ชายโครงของ
เบสเซนท์ เหมือนนักรักบี้ ซึ่งทำให้
เบสเซนท์ตอบโต้กลับทันที แบนนอนระบุว่าต้องใช้หลายคนเข้ามาห้ามจึงยุติเหตุชุลมุนนี้ และ
มัสก์ก็ถูกเชิญออกจากปีกตะวันตกของทำเนียบขาวทันที
“
ประธานาธิบดีทรัมป์รู้เรื่องนี้แล้วพูดว่ามันเกินไปแล้ว”
แบนนอนกล่าว พร้อมเสริมว่าเขาวิพากษ์วิจารณ์
มัสก์มานานแล้วเกี่ยวกับบทบาทในแคมเปญและการบริหารของ
ทรัมป์
เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยไม่กี่วันหลัง
มัสก์โจมตี
ทรัมป์อย่างรุนแรงบนโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับกฎหมายใหม่ที่กำลังเข้าสภาคองเกรส ซึ่ง
ทรัมป์ให้การสนับสนุน ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเขารู้สึกผิดหวัง กับ
มัสก์ โดยบอกว่า “
ผมช่วยเขาไว้เยอะมาก” ซึ่ง
มัสก์ก็ไม่ยอมอยู่เฉย ตอบโต้ด้วยการกล่าวหาว่ารัฐบาล
ทรัมป์ปกปิดเอกสารเกี่ยวกับ
เจฟฟรีย์ เอปสไตน์ นักธุรกิจการเงินผู้อื้อฉาว เพราะอาจมีชื่อ
ทรัมป์เกี่ยวข้อง
.
ทรัมป์โต้กลับว่า “
มัสก์เสียสติไปแล้ว” พร้อมขู่จะยกเลิกสัญญาและเงินสนับสนุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่
มัสก์ได้รับจากรัฐบาลกลาง
.
นอกจากนี้
แบนนอนยังเรียกร้องให้สอบสวนสถานะการเข้าเมืองของมัสก์ และเสนอให้เนรเทศเขาทันที แม้มีกระแสข่าวว่า
มัสก์ถือสัญชาติสหรัฐฯ แล้วในปัจจุบัน ทั้งนี้ ทำเนียบขาว กระทรวงการคลัง และทีมงานของมัสก์ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้.
JJNY : 5in1 เปิดนาทีเขมรประสานไทย│ไทย-กัมพูชายืดเยื้อ│กัมพูชาสู้มือ! โต้ปิดด่าน│แฉมัสก์ เดือด!│'ยูเครน' เอาคืน 'รัสเซีย'
https://www.matichon.co.th/politics/news_5220959
.
ทหารเขมร ประสานทหารไทย หารือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก บรรลุข้อตกลง ถอยไปยังจุดที่เคยใช้เป็นแนววางกำลัง พร้อมกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม
.
เมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 8 มิถุนายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก
.
จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชาได้ยินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพระยาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต
.
นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ
.
ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้ กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (RBC) เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสม และยั่งยืนต่อไป
.
.
.
กัมพูชา สู้มือ! ตอบโต้มาตรการปิดด่าน อนุญาตให้คนไทยเข้าประเทศได้แค่ 7 วัน.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9794958
.
https://www.khmertimeskh.com/501696759/in-response-to-thai-ruling-cambodia-limits-thai-nationals-to-7-days-of-entry-into-cambodia/
.
.
แฉ อีลอน มัสก์ เดือด! คุยไม่ลงตัว กระแทกชายโครงรัฐมนตรีคลัง กลางทำเนียบขาว
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_9795006
.
เดอะวอชิงตันโพสต์ รายงานว่า อีลอน มัสก์ ได้ปะทะอย่างรุนแรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนท์ ในทำเนียบขาว หลังถูกเรียกว่าเป็น “คนหลอกลวง” จนนำไปสู่ความบาดหมางกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
ในรายงาน ตามคำบอกเล่าของอดีตเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สตีฟ แบนนอน ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นกลางเดือน เม.ย. เมื่อทั้งมัสก์และเบสเซนท์ต่างเสนอแผนปฏิรูปกรมสรรพากรสหรัฐฯ แข่งกันต่อหน้าประธานาธิบดีทรัมป์ในห้องทำงานรูปไข่ โดยในที่สุด ทรัมป์เลือกสนับสนุนแผนของเบสเซนท์
หลังประชุมจบ ทั้งคู่ยังคงโต้เถียงกันเสียงดังจนได้ยินถึงห้องของประธานาธิบดี โดยเบสเซนท์กล่าวว่า “คุณมันหลอกลวง เป็นพวกหลอกลวงสิ้นดี” โดยอ้างถึงแผนของมัสก์ที่เคยเสนอให้ตัดงบประมาณรัฐบาลกลางลงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ (32.7 ล้านล้านบาท)
ข้อมูลจากอดีตเจ้าหน้าที่บอกว่า การโต้เถียงบานปลายเป็นการปะทะทางร่างกาย เมื่อมัสก์พุ่งไหล่กระแทกเข้าที่ชายโครงของเบสเซนท์ เหมือนนักรักบี้ ซึ่งทำให้เบสเซนท์ตอบโต้กลับทันที แบนนอนระบุว่าต้องใช้หลายคนเข้ามาห้ามจึงยุติเหตุชุลมุนนี้ และมัสก์ก็ถูกเชิญออกจากปีกตะวันตกของทำเนียบขาวทันที
“ประธานาธิบดีทรัมป์รู้เรื่องนี้แล้วพูดว่ามันเกินไปแล้ว” แบนนอนกล่าว พร้อมเสริมว่าเขาวิพากษ์วิจารณ์มัสก์มานานแล้วเกี่ยวกับบทบาทในแคมเปญและการบริหารของทรัมป์
เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยไม่กี่วันหลังมัสก์โจมตีทรัมป์อย่างรุนแรงบนโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับกฎหมายใหม่ที่กำลังเข้าสภาคองเกรส ซึ่งทรัมป์ให้การสนับสนุน ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเขารู้สึกผิดหวัง กับมัสก์ โดยบอกว่า “ผมช่วยเขาไว้เยอะมาก” ซึ่งมัสก์ก็ไม่ยอมอยู่เฉย ตอบโต้ด้วยการกล่าวหาว่ารัฐบาลทรัมป์ปกปิดเอกสารเกี่ยวกับเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ นักธุรกิจการเงินผู้อื้อฉาว เพราะอาจมีชื่อทรัมป์เกี่ยวข้อง
.
ทรัมป์โต้กลับว่า “มัสก์เสียสติไปแล้ว” พร้อมขู่จะยกเลิกสัญญาและเงินสนับสนุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มัสก์ได้รับจากรัฐบาลกลาง
.
นอกจากนี้ แบนนอนยังเรียกร้องให้สอบสวนสถานะการเข้าเมืองของมัสก์ และเสนอให้เนรเทศเขาทันที แม้มีกระแสข่าวว่า มัสก์ถือสัญชาติสหรัฐฯ แล้วในปัจจุบัน ทั้งนี้ ทำเนียบขาว กระทรวงการคลัง และทีมงานของมัสก์ ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้.