Sukavichinomics: นวัตกรรมด้านธรณีเทคนิคและรากฐานของระบบรถไฟฟ้า MRT ใต้ดินในกรุงเทพมหานคร
บทคัดย่อ
บทความนี้กล่าวถึงบทบาทสำคัญของ คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ในการริเริ่มโครงการระบบขนส่งมวลชนใต้ดินของกรุงเทพฯ ในปี 2537 โดยในเวลานั้น ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่าดินของกรุงเทพฯ ซึ่งอ่อนและเสี่ยงต่อน้ำท่วม ไม่เหมาะแก่การก่อสร้างใต้ดิน อย่างไรก็ตาม คุณพ่อสุขวิชได้ใช้แนวทางตามหลักวิทยาศาสตร์ซึ่งบทความนี้ขนานนามว่า “สุขวิชิโนมิกส์” โดยระบุชั้นดินเหนียวแข็งที่มีความมั่นคง อยู่ลึกลงไปประมาณ 20–30 เมตรใต้ผิวดิน อ้างอิงจากลักษณะธรณีของไทเปที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งมีระบบรถไฟใต้ดินที่ประสบความสำเร็จ
ท่านได้นำเทคโนโลยีการขุดเจาะสมัยใหม่มาใช้ รวมถึงการขุดอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา และออกแบบทางขึ้นสถานีให้ยกสูง เพื่อป้องกันน้ำท่วม ความพยายามเหล่านี้นำไปสู่ มติคณะรัฐมนตรี 2 ฉบับในปี พ.ศ. 2537 (1994) ที่อนุมัติแผนแม่บทระบบรถไฟฟ้า MRT อย่างเป็นทางการ กรณีศึกษานี้สะท้อนถึงการบูรณาการระหว่างความรู้ทางธรณีวิทยา นโยบายสาธารณะ และการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพ
1. บทนำ
ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 กรุงเทพฯ ประสบปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษเพิ่มขึ้น ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเชื่อว่าดินอ่อนของกรุงเทพฯ ไม่เหมาะสำหรับการก่อสร้างรถไฟใต้ดิน คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและประธานการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กลับเห็นต่าง พร้อมผลักดันให้เกิดระบบ MRT ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญด้านการเดินทางในเมืองหลวงของไทย
2. การสำรวจทางธรณีวิทยา
พื้นที่ใต้ผิวดินของกรุงเทพฯ มีชั้นดินเหนียวอ่อนลึกประมาณ 20–30 เมตร ด้านล่างเป็นชั้นดินเหนียวแข็งที่มีความมั่นคงเพียงพอสำหรับการก่อสร้างใต้ดิน ท่านได้ศึกษาเปรียบเทียบกับไทเป ซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน และสามารถนำเทคนิควิศวกรรมที่พิสูจน์แล้วมาใช้กับกรุงเทพฯ ได้อย่างปลอดภัย
3. การปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
โดยร่วมมือกับวิศวกรจากไต้หวัน เจ้าหน้าที่ รฟม. ได้เรียนรู้การขุดอุโมงค์ลอดแม่น้ำ ซึ่งเป็นเทคนิคที่นำมาใช้ในการขุดลอดแม่น้ำเจ้าพระยาในภายหลัง นอกจากนี้ คุณพ่อสุขวิช ยังคิดค้นการออกแบบสถานีที่มีทางเข้าแบบยกระดับ เพื่อป้องกันน้ำท่วมจากภาคสนามจริงและการทดลองส่วนตัว เพื่อให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ มติ 17 พฤษภาคม 2537
4. การดำเนินนโยบาย
แนวทางที่ใช้หลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมใหม่ๆ ของ คุณพ่อสุขวิช ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม และ 27 กันยายน พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนแม่บท MRT อย่างเป็นทางการ ถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ระบบขนส่งของกรุงเทพฯ
5. สรุป
ภาวะผู้นำของ คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล แสดงให้เห็นถึงการผสานระหว่างองค์ความรู้ด้านธรณีเทคนิคและนโยบายที่มีวิสัยทัศน์ ท่านได้ท้าทายสมมติฐานเดิมๆ และดึงดูดองค์ความรู้จากต่างประเทศ เพื่อวางรากฐานระบบ MRT ที่เปลี่ยนโฉมหน้าการเดินทางในกรุงเทพฯ บทเรียนจากกรณีนี้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของแนวทางที่ใช้ข้อมูลและนวัตกรรม ในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและสิ่งแวดล้อมของเมืองใหญ่
ภาคผนวก: มติคณะรัฐมนตรีและบทบาทของ คุณ
พ่อสุขวิช รังสิตพล
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้มีมติครั้งสำคัญโดยมี ฯพณฯ สุขวิช เป็นผู้นำ เสนอให้มีระบบขนส่งใต้ดินเพื่อแก้ปัญหามลพิษ ความแออัด และอุบัติเหตุจราจรในกรุงเทพฯ
โดยได้กำหนดพื้นที่ขนาด 25 ตารางกิโลเมตรในเขตใจกลางกรุงเทพฯ ให้เป็นพื้นที่บังคับสร้างระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และ อีก 87 ตารางกิโลเมตร สำหรับการพัฒนาในอนาคต แนวทางนี้ตั้งอยู่บนฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และความหนาแน่นของความต้องการในการเดินทาง
ต่อมาในวันที่ 27 กันยายน 2537 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ แผนแม่บทระบบรถไฟฟ้า MRT กรุงเทพฯ และปริมณฑล (MTMP) รวมระยะทาง 341 กิโลเมตร แบ่งเป็น 135 กิโลเมตรสำหรับสายหลัก MRT และ 206 กิโลเมตรสำหรับสายรอง เพื่อเชื่อมต่อระบบทั้งหมด โดยเน้นความยั่งยืน การเชื่อมโยงหลายรูปแบบ และการขยายตัวในระยะยาว
ความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นผลจากวิสัยทัศน์และการนำของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ รฟม. คนที่ 3 ซึ่งวางรากฐานทางสถาบันและเทคนิคให้แก่ระบบ MRT ของกรุงเทพฯ ที่มีบทบาทสำคัญในปัจจุบันในการลดมลพิษ บรรเทาการจราจร และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมือง
อ้างอิง
เป้าหมายระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร MRT ทั้งระบบ ปี 2543
มติคณะรัฐมนตรี 17 พฤษภาคม 2537 พื้นที่ชั้นใน 25 ตารางกิโลเมตรต้องอยู่ใต้ดิน
ประธานองค์การ MRT
แผนแม่บทระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล ของ MRT คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ 27 กันยายน 2537
นวัตกรรมด้านธรณีเทคนิคและรากฐานของระบบรถไฟฟ้า MRT ใต้ดินในกรุงเทพมหานคร
บทคัดย่อ
บทความนี้กล่าวถึงบทบาทสำคัญของ คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ในการริเริ่มโครงการระบบขนส่งมวลชนใต้ดินของกรุงเทพฯ ในปี 2537 โดยในเวลานั้น ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่าดินของกรุงเทพฯ ซึ่งอ่อนและเสี่ยงต่อน้ำท่วม ไม่เหมาะแก่การก่อสร้างใต้ดิน อย่างไรก็ตาม คุณพ่อสุขวิชได้ใช้แนวทางตามหลักวิทยาศาสตร์ซึ่งบทความนี้ขนานนามว่า “สุขวิชิโนมิกส์” โดยระบุชั้นดินเหนียวแข็งที่มีความมั่นคง อยู่ลึกลงไปประมาณ 20–30 เมตรใต้ผิวดิน อ้างอิงจากลักษณะธรณีของไทเปที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งมีระบบรถไฟใต้ดินที่ประสบความสำเร็จ
ท่านได้นำเทคโนโลยีการขุดเจาะสมัยใหม่มาใช้ รวมถึงการขุดอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา และออกแบบทางขึ้นสถานีให้ยกสูง เพื่อป้องกันน้ำท่วม ความพยายามเหล่านี้นำไปสู่ มติคณะรัฐมนตรี 2 ฉบับในปี พ.ศ. 2537 (1994) ที่อนุมัติแผนแม่บทระบบรถไฟฟ้า MRT อย่างเป็นทางการ กรณีศึกษานี้สะท้อนถึงการบูรณาการระหว่างความรู้ทางธรณีวิทยา นโยบายสาธารณะ และการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพ
1. บทนำ
ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 กรุงเทพฯ ประสบปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษเพิ่มขึ้น ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเชื่อว่าดินอ่อนของกรุงเทพฯ ไม่เหมาะสำหรับการก่อสร้างรถไฟใต้ดิน คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและประธานการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กลับเห็นต่าง พร้อมผลักดันให้เกิดระบบ MRT ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญด้านการเดินทางในเมืองหลวงของไทย
2. การสำรวจทางธรณีวิทยา
พื้นที่ใต้ผิวดินของกรุงเทพฯ มีชั้นดินเหนียวอ่อนลึกประมาณ 20–30 เมตร ด้านล่างเป็นชั้นดินเหนียวแข็งที่มีความมั่นคงเพียงพอสำหรับการก่อสร้างใต้ดิน ท่านได้ศึกษาเปรียบเทียบกับไทเป ซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน และสามารถนำเทคนิควิศวกรรมที่พิสูจน์แล้วมาใช้กับกรุงเทพฯ ได้อย่างปลอดภัย
3. การปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
โดยร่วมมือกับวิศวกรจากไต้หวัน เจ้าหน้าที่ รฟม. ได้เรียนรู้การขุดอุโมงค์ลอดแม่น้ำ ซึ่งเป็นเทคนิคที่นำมาใช้ในการขุดลอดแม่น้ำเจ้าพระยาในภายหลัง นอกจากนี้ คุณพ่อสุขวิช ยังคิดค้นการออกแบบสถานีที่มีทางเข้าแบบยกระดับ เพื่อป้องกันน้ำท่วมจากภาคสนามจริงและการทดลองส่วนตัว เพื่อให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ มติ 17 พฤษภาคม 2537
4. การดำเนินนโยบาย
แนวทางที่ใช้หลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมใหม่ๆ ของ คุณพ่อสุขวิช ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม และ 27 กันยายน พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนแม่บท MRT อย่างเป็นทางการ ถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ระบบขนส่งของกรุงเทพฯ
5. สรุป
ภาวะผู้นำของ คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล แสดงให้เห็นถึงการผสานระหว่างองค์ความรู้ด้านธรณีเทคนิคและนโยบายที่มีวิสัยทัศน์ ท่านได้ท้าทายสมมติฐานเดิมๆ และดึงดูดองค์ความรู้จากต่างประเทศ เพื่อวางรากฐานระบบ MRT ที่เปลี่ยนโฉมหน้าการเดินทางในกรุงเทพฯ บทเรียนจากกรณีนี้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของแนวทางที่ใช้ข้อมูลและนวัตกรรม ในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและสิ่งแวดล้อมของเมืองใหญ่
ภาคผนวก: มติคณะรัฐมนตรีและบทบาทของ คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้มีมติครั้งสำคัญโดยมี ฯพณฯ สุขวิช เป็นผู้นำ เสนอให้มีระบบขนส่งใต้ดินเพื่อแก้ปัญหามลพิษ ความแออัด และอุบัติเหตุจราจรในกรุงเทพฯ
โดยได้กำหนดพื้นที่ขนาด 25 ตารางกิโลเมตรในเขตใจกลางกรุงเทพฯ ให้เป็นพื้นที่บังคับสร้างระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และ อีก 87 ตารางกิโลเมตร สำหรับการพัฒนาในอนาคต แนวทางนี้ตั้งอยู่บนฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และความหนาแน่นของความต้องการในการเดินทาง
ต่อมาในวันที่ 27 กันยายน 2537 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ แผนแม่บทระบบรถไฟฟ้า MRT กรุงเทพฯ และปริมณฑล (MTMP) รวมระยะทาง 341 กิโลเมตร แบ่งเป็น 135 กิโลเมตรสำหรับสายหลัก MRT และ 206 กิโลเมตรสำหรับสายรอง เพื่อเชื่อมต่อระบบทั้งหมด โดยเน้นความยั่งยืน การเชื่อมโยงหลายรูปแบบ และการขยายตัวในระยะยาว
ความสำเร็จทั้งหมดนี้เป็นผลจากวิสัยทัศน์และการนำของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ รฟม. คนที่ 3 ซึ่งวางรากฐานทางสถาบันและเทคนิคให้แก่ระบบ MRT ของกรุงเทพฯ ที่มีบทบาทสำคัญในปัจจุบันในการลดมลพิษ บรรเทาการจราจร และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมือง
อ้างอิง
เป้าหมายระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร MRT ทั้งระบบ ปี 2543
มติคณะรัฐมนตรี 17 พฤษภาคม 2537 พื้นที่ชั้นใน 25 ตารางกิโลเมตรต้องอยู่ใต้ดิน
ประธานองค์การ MRT
แผนแม่บทระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล ของ MRT คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ 27 กันยายน 2537