เรื่องย่อ
"El Camino: A Breaking Bad Movie" เป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่ออกฉายในปี 2019 ทาง Netflix เป็นผลงานการเขียนบทและกำกับโดย Vince Gilligan ผู้สร้างซีรีส์ "Breaking Bad" อันโด่งดัง ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำหน้าที่เป็นภาคต่อและบทสรุปของเรื่องราวที่ค้างคาสำหรับตัวละคร Jesse Pinkman (Aaron Paul) หลังจากเหตุการณ์ในซีรีส์ "Breaking Bad" จบลง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นทันทีหลังจากฉากสุดท้ายของซีรีส์ "Breaking Bad" ซึ่ง Jesse Pinkman ขับรถ Chevrolet El Camino หลบหนีออกจากแหล่งกักขังของพวกนีโอนาซี หลังจากที่เขาถูกทรมานและบังคับให้ผลิตยาเสพติดมานานหลายเดือน Jesse กำลังหนีจากการตามล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ล่าอย่างไม่ลดละ และพยายามดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากชีวิตอาชญากรรมที่เขาถูกพัวพันมาตลอด
ภาพยนตร์พาผู้ชมติดตามการเดินทางอันสิ้นหวังของ Jesse เพื่อค้นหาอิสรภาพ เขาต้องเผชิญหน้ากับบาดแผลทางกายและจิตใจจากอดีตที่ผ่านมา พยายามรวบรวมเงินและความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าที่เหลืออยู่ และหลบหนีจากการถูกจับกุม เพื่อให้ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเขาอีกต่อไป ตลอดการเดินทางของ Jesse เขาต้องพบเจอกับอุปสรรคที่ไม่คาดฝัน การเผชิญหน้ากับบุคคลในอดีตที่นำมาซึ่งความทรงจำทั้งดีและร้าย และการตัดสินใจที่ยากลำบาก ซึ่งล้วนเป็นบททดสอบสุดท้ายก่อนที่เขาจะได้รับอิสรภาพที่ปรารถนา
ความรู้สึกหลังรับชม
"El Camino" เป็นภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่เป็นบทส่งท้ายที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรื่องราวของ Jesse Pinkman และตอบคำถามที่แฟนๆ "Breaking Bad" เฝ้ารอคอยมานาน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ
การแสดงของ Aaron Paul ที่ยังคงสวมบทบาท Jesse ได้อย่างยอดเยี่ยมและลึกซึ้ง เขาถ่ายทอดความเจ็บปวด บาดแผลทางจิตใจ ความสิ้นหวัง และความมุ่งมั่นของ Jesse ได้อย่างสมจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเห็นอกเห็นใจและเอาใจช่วยเขาไปตลอดทั้งเรื่อง
ภาพยนตร์ยังคงรักษาสไตล์และโทนของ "Breaking Bad" ได้อย่างเหนียวแน่น ทั้งงานภาพที่สวยงาม การเล่าเรื่องที่กระชับและไม่เร่งรีบมากเกินไป แต่ก็เต็มไปด้วยความตึงเครียดและชวนลุ้นระทึก ฉากแอ็คชั่นและการเผชิญหน้าต่างๆ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างชาญฉลาดและมีเหตุผล สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจคือการที่มันไม่ได้พยายามที่จะยิ่งใหญ่หรือซับซ้อนเท่าซีรีส์หลัก แต่กลับมุ่งเน้นไปที่การให้ "บทสรุป" ที่ชัดเจนและน่าพอใจสำหรับ Jesse
การปรากฏตัวของตัวละครคุ้นเคยจาก "Breaking Bad" ในรูปแบบของฉากย้อนอดีตหรือ cameo ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้แฟนๆ รู้สึกอบอุ่นและคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นจดหมายรักถึงแฟนๆ "Breaking Bad" และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถของ Vince Gilligan ในการสร้างสรรค์เรื่องราวที่สมบูรณ์และน่าจดจำ
คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 7.3/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 92% , คะแนนจากผู้ชม 76%
สรุป
"El Camino: A Breaking Bad Movie" คือภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่เป็นบทสรุปของเรื่องราว Jesse Pinkman ได้อย่างสมบูรณ์แบบและน่าพอใจ ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมของ
Aaron Paul ที่พาผู้ชมดำดิ่งสู่การเดินทางเพื่ออิสรภาพของตัวละคร ภาพยนตร์ยังคงรักษาคุณภาพและเอกลักษณ์ของซีรีส์ "Breaking Bad" ได้อย่างครบถ้วน ทั้งความตึงเครียด บทบาทที่เฉียบคม และงานภาพที่สวยงาม ด้วยคะแนนวิจารณ์ที่สูงมากและคะแนนจากผู้ชมที่อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม "El Camino" เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับแฟนๆ "Breaking Bad" และผู้ที่ต้องการชมบทสรุปที่ลงตัวของหนึ่งในตัวละครที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ซีรีส์.
El Camino: A Breaking Bad Movie - เส้นทางสู่เสรีภาพของเจสซี พิงค์แมน บทสรุปแห่งการไถ่บาป
เรื่องย่อ
"El Camino: A Breaking Bad Movie" เป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่ออกฉายในปี 2019 ทาง Netflix เป็นผลงานการเขียนบทและกำกับโดย Vince Gilligan ผู้สร้างซีรีส์ "Breaking Bad" อันโด่งดัง ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำหน้าที่เป็นภาคต่อและบทสรุปของเรื่องราวที่ค้างคาสำหรับตัวละคร Jesse Pinkman (Aaron Paul) หลังจากเหตุการณ์ในซีรีส์ "Breaking Bad" จบลง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นทันทีหลังจากฉากสุดท้ายของซีรีส์ "Breaking Bad" ซึ่ง Jesse Pinkman ขับรถ Chevrolet El Camino หลบหนีออกจากแหล่งกักขังของพวกนีโอนาซี หลังจากที่เขาถูกทรมานและบังคับให้ผลิตยาเสพติดมานานหลายเดือน Jesse กำลังหนีจากการตามล่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ล่าอย่างไม่ลดละ และพยายามดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากชีวิตอาชญากรรมที่เขาถูกพัวพันมาตลอด
ภาพยนตร์พาผู้ชมติดตามการเดินทางอันสิ้นหวังของ Jesse เพื่อค้นหาอิสรภาพ เขาต้องเผชิญหน้ากับบาดแผลทางกายและจิตใจจากอดีตที่ผ่านมา พยายามรวบรวมเงินและความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าที่เหลืออยู่ และหลบหนีจากการถูกจับกุม เพื่อให้ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเขาอีกต่อไป ตลอดการเดินทางของ Jesse เขาต้องพบเจอกับอุปสรรคที่ไม่คาดฝัน การเผชิญหน้ากับบุคคลในอดีตที่นำมาซึ่งความทรงจำทั้งดีและร้าย และการตัดสินใจที่ยากลำบาก ซึ่งล้วนเป็นบททดสอบสุดท้ายก่อนที่เขาจะได้รับอิสรภาพที่ปรารถนา
ความรู้สึกหลังรับชม
"El Camino" เป็นภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่เป็นบทส่งท้ายที่สมบูรณ์แบบสำหรับเรื่องราวของ Jesse Pinkman และตอบคำถามที่แฟนๆ "Breaking Bad" เฝ้ารอคอยมานาน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ การแสดงของ Aaron Paul ที่ยังคงสวมบทบาท Jesse ได้อย่างยอดเยี่ยมและลึกซึ้ง เขาถ่ายทอดความเจ็บปวด บาดแผลทางจิตใจ ความสิ้นหวัง และความมุ่งมั่นของ Jesse ได้อย่างสมจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเห็นอกเห็นใจและเอาใจช่วยเขาไปตลอดทั้งเรื่อง
ภาพยนตร์ยังคงรักษาสไตล์และโทนของ "Breaking Bad" ได้อย่างเหนียวแน่น ทั้งงานภาพที่สวยงาม การเล่าเรื่องที่กระชับและไม่เร่งรีบมากเกินไป แต่ก็เต็มไปด้วยความตึงเครียดและชวนลุ้นระทึก ฉากแอ็คชั่นและการเผชิญหน้าต่างๆ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างชาญฉลาดและมีเหตุผล สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจคือการที่มันไม่ได้พยายามที่จะยิ่งใหญ่หรือซับซ้อนเท่าซีรีส์หลัก แต่กลับมุ่งเน้นไปที่การให้ "บทสรุป" ที่ชัดเจนและน่าพอใจสำหรับ Jesse
การปรากฏตัวของตัวละครคุ้นเคยจาก "Breaking Bad" ในรูปแบบของฉากย้อนอดีตหรือ cameo ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้แฟนๆ รู้สึกอบอุ่นและคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นจดหมายรักถึงแฟนๆ "Breaking Bad" และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถของ Vince Gilligan ในการสร้างสรรค์เรื่องราวที่สมบูรณ์และน่าจดจำ
คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 7.3/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 92% , คะแนนจากผู้ชม 76%
สรุป
"El Camino: A Breaking Bad Movie" คือภาพยนตร์ที่ทำหน้าที่เป็นบทสรุปของเรื่องราว Jesse Pinkman ได้อย่างสมบูรณ์แบบและน่าพอใจ ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Aaron Paul ที่พาผู้ชมดำดิ่งสู่การเดินทางเพื่ออิสรภาพของตัวละคร ภาพยนตร์ยังคงรักษาคุณภาพและเอกลักษณ์ของซีรีส์ "Breaking Bad" ได้อย่างครบถ้วน ทั้งความตึงเครียด บทบาทที่เฉียบคม และงานภาพที่สวยงาม ด้วยคะแนนวิจารณ์ที่สูงมากและคะแนนจากผู้ชมที่อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม "El Camino" เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับแฟนๆ "Breaking Bad" และผู้ที่ต้องการชมบทสรุปที่ลงตัวของหนึ่งในตัวละครที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ซีรีส์.