ผมเคยไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรเลยในชีวิต

เรื่องราวของผมที่อึดอัดและเจ็บปวด

สวัสดีครับทุกคน ผมอยากจะมาแชร์เรื่องราวของตัวเองที่มันหนักหน่วงและเจ็บปวดในชีวิต หวังว่าการแชร์ครั้งนี้จะช่วยให้ผมได้ระบายความรู้สึกที่อึดอัดที่เก็บไว้ในใจมานาน

ผมเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็ก พ่อแม่ต่างก็ไปมีครอบครัวใหม่ แม่มีแฟนใหม่ที่เป็นพ่อเลี้ยง ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกว่าเขาเป็นพ่อของผมเลยจริง ๆ

พ่อเลี้ยงของผมมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและคดีเผารถจนต้องติดคุก แต่หลังจากพ่อเลี้ยงออกจากคุกได้ไม่นาน พ่อเลี้ยงของผมก็ไปมีใหม่ทันที ทิ้งลูกแท้ ๆ ของตัวเอง

และนั่นเป็นจุดที่แม่ผมเริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

แม่หันไปเสพยาเพราะความเครียด บางช่วงเหมือนสติหลุดไปแล้วจริง ๆ เคยคิดว่าผมเล่นของใส่เธอ เคยจะใช้มีดทำร้ายผมเพราะอาการหลอน ผมจำภาพนั้นได้ดีมาก และมันฝังอยู่ในใจไม่เคยลืม

ช่วงนั้นผมกับน้องสาวจึงตัดสินใจหนีออกมาอยู่กับย่าที่สุพรรณบุรี ตอนนั้นผมยังเด็กมาก ต้องออกจากโรงเรียนไปทำงานปั๊มน้ำมัน เพื่อมีรายได้เลี้ยงตัวเองและช่วยครอบครัว ย่าก็ไม่สบาย ผมต้องดูแลทั้งงานบ้านและงานนอกบ้าน

พ่อแท้ ๆ ของผมเพิ่งเริ่มต้นชีวิตใหม่กับอาชีพรับเหมา ยังไม่ได้รวยอะไรมาก มีรถแค่คันเดียวที่ซื้อไว้ใช้ทำงาน ตอนนั้นพ่อเริ่มมีกินมีใช้ แต่ความสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน

ไม่นานหลังจากนั้น พ่อกับย่าก็ล้มป่วยพร้อมกัน

พ่อผมเป็นวัณโรค ส่วนย่าก็เป็นโรคปอด ผมต้องเห็นทั้งสองคนทรมาน ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ผมเองก็เครียดจนเกือบไม่ไหว แอบร้องไห้หลายครั้ง ทำไมชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้ โลกมันใจร้ายกับผมไปหรือเปล่า

ค่ารักษาพยาบาลทำให้เงินที่พ่อเก็บไว้ค่อย ๆ หมดลง ผมเห็นพ่อพยายามเข้มแข็ง แต่รู้ว่าเขาก็เหนื่อยเหมือนกัน ช่วงนั้นผมก็แทบบ้าเหมือนกัน เพราะไม่รู้จะพึ่งใคร ไม่รู้จะเริ่มยังไง

ผมเสียใจที่สุดอย่างหนึ่งคือ ผมช่วยแม่ไม่ทัน

ตอนนั้นผมยังเป็นแค่เด็กปั๊ม มีรายได้แค่พอเลี้ยงตัวเอง ต้องผ่อนรถมอไซค์ และไม่มีทางเลือกมากนัก ผมต้องเลือกระหว่างช่วยแม่ที่กำลังถลำลึกลงในยา หรือรักษามอไซค์ไว้เพื่อให้ยังมีงาน มีรายได้ ถ้าผมเลือกแม่ ผมต้องทิ้งรถ แล้วจะไม่มีเงินกินข้าว น้องสาวผมที่เพิ่งย้ายมาเรียนต่อที่สุพรรณก็คงต้องลำบากไปด้วย

และอย่าลืมว่าตอนนั้นเป็นช่วงโควิด พ่อผมก็ตกงานอีก คนในบ้านทุกคนเจอวิกฤตพร้อมกัน ผมไม่รู้จะช่วยใครก่อน เครียดมากจนพูดไม่ออกจริง ๆ ทุกอย่างมันพังไปหมด แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ยอมแพ้

ผมก็ยังพยายามโอนเงินให้แม่ แม้มันจะน้อย แต่สุดท้ายแม่ก็เอาไปใช้กับยาอีก ผมรู้ว่าแม่เครียด แต่ผมก็เสียใจที่ไม่สามารถฉุดแม่ขึ้นมาทันได้

ลูกของแม่กับพ่อเลี้ยงอีก 3 คน ซึ่งผมรักเหมือนลูก ถูกส่งไปอยู่ในปอเนาะ และผมติดต่อไม่ได้เลย เหมือนชีวิตค่อย ๆ สูญเสียทุกอย่างไปทีละนิด​  ที่ผมติดต่อไม่ได้เพราะ​ ตายายฝั่งเเม่ใจร้ายเอาหลานตัวเองไปปอเนาะเเต่ปอเนาะส่งต่อไปปอเนาะอื่นเรื่อยไม่รู้ที่ไหนงงมั้ยครับผมก็งงไม่ใส่ใจเพียงเพราะไม่ชอบพ่อเลี้ยงผมก็เลยเกรียดลูกพ่อเลี้ยงด้วย​ เลยไม่ติดตามว่าเด็กกสามคนนี่ไปปอเนาะไหนบ้างไม่รู้​ เพราะปอเนาะส่งต่อไปเรื่อยๆ

เสริมอีกนิดตายายฝั่งเเม่ใจร้ายกับผมเเละน้องสาวมากครับขนาดกินข้าวยังห่วงข้าวเหมือนเกรียดผมกับน้องมากผมก็ไม่รู้ไปทำอะไรให้ถึงเกรียดผมขนาดนี้​ ชอบข่มด้วยครับ​ มีเเต่ย่าฝั่งพ่อที่ใจดีกับผม​ บางครั้งก็ทำร้ายร่างกายผมเพียงเพราะไม่ชอบเเม่ที่มีพ่อเลี้ยงก็คือตายายบอกให้เลิกเเต่เเม่ไม่เลิกก็เลยเกรียดเเม่รวมถึงผมกับน้องๆ​ บางทีก็เอาผมไปทิ้ง​เพียงเพราะประชดเเม่ เพราะเเม่ไปเที่ยว​ หลายเรื่องมากเหนื่อยกับชีวิต​ผมอยากจะรู้ผมไปเกี่ยวอะไรทำไมถึงใจร้ายกับผม🙁เเละน้องๆ


แม่เองก็ยิ่งหลุดไปไกล เดินเหมือนคนบ้าตามถนน ไม่มีจุดหมาย ไม่มีใครดูแล ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ผมเห็นแล้วปวดใจจริง ๆ

ช่วงนั้นผมรู้สึกว่าโลกมันโหดเกินไปสำหรับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่แค่พยายามจะ “อยู่รอด”

ตอนนี้พ่อผมเริ่มดีขึ้นแล้วครับ ย่าก็ยังพอไหว และผมยังคงมีเป้าหมายในใจคือ จะตามหาน้อง ๆ ให้เจอในปีหน้า และหวังว่าสักวันหนึ่งแม่จะกลับมาได้ แม้ความหวังจะเลือนราง แต่มันยังมีอยู่น้องผมคือตัวเเทนเเม่​ น้องรอพี่ก่อนนะหนูคงเหงาน่าดู​ พี่คนนี้จะตามหาหนูพี่รักพวกหนูๆนะ​ ถ้าพี่เจอหนูพี่จะไม่ปล่อยมือหนูไว้เเล้ว​นะ​  ไอตัวเล็กทั้ง3ของพี่​  รักนะที่สุด

#จากเด็กอายุ19ที่ต้องโตเร็วเพราะเจอโลกที่โหดร้าย

ขอบคุณ​ที่อ่านครับอึดอัดใจมากนานวันนี้ได้ปล่อยเเล้วครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่