ปีเกิด-ตาย ของสุนทรภู่

ปีเกิด-ตาย ของสุนทรภู่
เราเชื่อ "ประวัติสุนทรภู่" ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มาตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๖๕
โดยไม่เคยตรวจสอบ

ปีเกิด ๒๓๒๙
ทรงอ้างดวงชาตาชิ้นหนึ่ง ระบุว่า "เกิดในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ ณ วันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้นค่ำ ๑ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาเช้า ๒ โมง (ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙)"
และเน้นว่า "แต่จดคำอธิบายแถมไว้ข้างใต้ดวงชาตาว่า สุนทรภู่อาลักษณ์ขี้เมา ดังนี้ด้วย"
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/2/25/ประวัติสุนทรภู่_-_ดำรงราชานุภาพ_-_๒๔๗๐.djvu/page12-1024px-ประวัติสุนทรภู่_-_ดำรงราชานุภาพ_-_๒๔๗๐.djvu.jpg

พระอธิบายนี้ ไม่มีข่อมูลบ่งชี้ชัดเจน
เป็นสมุดของใคร เก็บที่ใหน แหล่งที่มา ฯลฯ ล้วนว่างเปล่า กลับไปเล่าเรื่องดวงชาตาเสียยืดยาว
ในทางสอบสวนก็ต้องบอกว่า เพราะกลัวคนไม่เชื่อ เพราะมันไม่น่าเชื่อนั่นเอง ลองอ่านดู
https://vajirayana.org/พระอภัยมณี/ประวัติสุนทรภู่/๑-ตอนก่อนรับราชการ
"จะต้องอธิบายความนอกเรื่องประวัติ เผื่อผู้ที่ยังไม่รู้เรื่องดวงชาตาแทรกลงตรงนี้ก่อน อันการทำดวงชาตานั้น คือจัดจำจักรราศีที่สถิตของดวงอาทิตย์ และดาวพระเคราะห์ ต่าง ๆ ในขณะเวลาเกิดเป็นวิธีมีมาเก่าแก่แต่ดึกดำบรรพ์ ดวงชาตามีที่ใช้ในกิจการหลายอย่าง คือ อย่างหนึ่ง ถ้าจะกำหนดเวลาฤกษ์ยามทำการให้เป็นสิริมงคลแก่ผู้ใด โหรย่อมเอาดวงชาตาของผู้นั้นมาสอบสวนเลือกเวลาอันพระเคราะห์โคจรสู่จักรราศี ซึ่งต้องตำราว่าเป็นสิริมงคลแก่ชาตาของผู้นั้น กำหนดเป็นเวลามงคลฤกษ์ เป็นต้นว่าฤกษ์ยกกองทัพก็ต้องหาเวลาที่เป็นสิริแก่แม่ทัพ ฤกษ์ปลูกเรือนก็ต้องหาเวลาที่เป็นสิริแก่เจ้าของเรือน ฤกษ์โกนจุกก็ต้องหาเวลาให้เป็นสิริแก่เด็กที่จะโกนจุก ฉะนี้เป็นตัวอย่าง อีกอย่างหนึ่งดวงชาตามีที่ใช้ในการพยากรณ์ดีร้ายอันจะพึงมีแก่ตัวบุคคล เพราะเชื่อถือกันมาว่า เมื่อพระเคราะห์โคจรเข้าสู่จักรราศีเช่นนั้น ๆ มักเกิดความดีหรือความชั่วแก่ผู้มีชาตาเช่นนั้นๆ เป็นต้นว่า พระเคราะห์ราหูเข้าสู่ราศีอันเป็นลัคนาของผู้ใด ว่าผู้นั้นมักจะไม่มีความสุขจนกว่าพระเคราะห์ราหูจะพ้นจักรราศีนั้นไป ดังนี้เป็นตัวอย่าง อาศัยความเชื่อในข้อนี้ จึงมีวิธีขับสอบดวงชาตาหาความรู้ว่าเคราะห์ดีและเคราะห์ร้ายประการใด ยังมีความเชื่อถือกันมาแต่ก่อนอีกอย่างหนึ่งว่า ดวงชาตาของผู้ใดอาจจะส่อให้รู้ได้ว่า บุคคลผู้นั้นจะดีหรือชั่ว และที่สุดจะมีอายุยืนหรืออายุสั้น ความเชื่ออย่างที่ว่านี้เกิดแต่เอาดวงชาตาของผู้ที่มีเรื่องประวัติอันปรากฏว่าเป็นคนดีหรือคนชั่วในอดีตกาล มาเป็นหลักสำหรับเทียบเคียง กับดวงชาตาที่จะพยากรณ์ ถ้าเห็นคล้ายคลึงกับดวงชาตาตัวอย่างข้างฝ่ายคนดี ก็พยากรณ์ว่าจะดี ถ้าไปคล้ายคลึงกับดวงชาตาของข้างฝ่ายพวกชั่ว ก็พยากรณ์ว่าจะชั่วเป็นเค้าความ ผู้ที่นิยมพยากรณ์อย่างว่านี้ เมื่อเห็นใครเป็นคนทรงคุณหรือให้โทษอย่างวิสามัญ มักสืบวันและเวลาเกิดของผู้นั้น ผูกดวงชาตาลงตำราไว้เป็นตัวอย่าง ลำหรับใช้เปรียบเทียบในการพยากรณ์ ดวงชาตาของบุคคลต่าง ๆ ทั้งข้างดี และข้างชั่วจึงมีอยู่ในตำราเป็นอันมาก และมักมีคำจดบอกไว้ว่า เป็นผู้มีคุณหรือมีโทษอย่างนั้น ๆ ด้วย"

นายธนิต อยู่โพธิ์คงกลัวคนไม่เชื่อ จึงอธิบายเสริมอีกพะเรอเกวียนว่า
"ที่ดวงชาตาของสุนทรภู่มีอยู่ในตำราดวงชาตานั้น คงเป็นเพราะผู้พยากรณ์แต่ก่อนเห็นว่า สุนทรภู่ทรงคุณสมบัติในกระบวนแต่งกลอนเป็นอย่างวิเศษ นับว่าเป็นวิสามัญบุรุษผู้หนึ่ง แต่จดจำคำอธิบายแถมไว้ข้างใต้ดวงชาตาว่า “สุนทรภู่อาลักษณ์ขี้เมา” ดังนี้ด้วย หมายความว่า เป็นผู้ทรงทั้งความดีและความชั่วระคนปนกัน. อันเป็นความจริงตามเรื่องประวัติของสุนทรภู่
พวกโหรในกรมโหรหลวงแต่โบราณกาลมา ย่อมมีหน้าที่สำคัญเป็นงานประจำปีอยู่อย่างหนึ่งคือ ต้องทำปฏิทินเรียกว่าปฏิทินโหร โหรต้องทำกันหลายคน แล้วเอามารวมกัน เมื่อถูกต้องตรงกันก็แล้วทุกคน จึงจะจดลงเป็นปฏิทินสำหรับใช้ในปีนั้นต่อไป ส่วนสำคัญของปฏิทินโหร ก็คือบอกว่า ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ แลดาวพระเคราะห์อื่น ๆ ได้โคจรหรือสถิตอยู่ในจักรราศีไหน ณ วันใด เดือนใดบ้าง เช่น ณ เวลาแห่งสุนทรภู่เกิดนั้น พระพฤหัสบดี (๕) อยู่ราศีเมษ อาทิตย์ (๑) จันทร์ (๒) พุธ (๔) ทั้ง ๓ พระเคราะห์นี้รวมอยู่ในราศีเมถุน อังคาร (๓) แลศุกร์ (๖) ต่างอยู่ในราศีกรกฎ ทั้ง ๒ พระเคราะห์ เสาร์ (๗) และราหู (๘) อยู่ในราศีมังกรด้วยกัน และจักรราศีนอกจากนี้ที่ว่างๆ อยู่นั้นไม่มีพระเคราะห์อะไรสถิตอยู่เลย ตัวอักษรที่คล้ายตัว ส ซึ่งอยู่ในจักรราศีอันเดียวกันกับอังคารและศุกร์นั้นเป็นหน้าที่ของโหรผู้ผูกดวงชาตาสุนทรภู่จะต้องคำนวณเอาจากเวลาเกิดเป็นเกณฑ์ เรียกว่า ลัคนา เป็นสิ่งสำคัญในการทำนายทายทักมาก ถ้าไม่รู้เวลาเกิด ก็คำนวณลัคนาไม่ได้และเป็นเหตุให้ทายอะไรไม่ได้ด้วย ในดวงสุนทรภู่นี้เรียกว่า “ลัคนาอยู่ในราศีกรกฎ ในสมัยสุนทรภู่เกิดนั้น ในปฏิทินโหรไม่ปรากฏพระเกตุ (๙) และมฤตยู (๐) ทั้งนี้เพราะพระเคราะห์ทั้งสองนี้เพิ่งจะมานิยมกันในเมื่อราวรัชกาลที่ ๔"

ที่น่าสนใจคือความเห็นของนายเทพ สุนทรศารทูล ระบุว่านำมาจากสมุดจดดวงของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
เรื่องนี้ เพียงแต่ไปค้นที่วัดบวรฯ หรือที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เท่านั้น ปัญหาก็คลี่คลาย
คืออาจไม่พบ หรือทรงจดผิด ล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น

ปีตาย ๒๓๙๘
ทรงระบุลอยๆ ปราศจากหลักฐานรับรองว่า
"ตั้งแต่สุนทรภู่ได้เป็นที่พระสุนทรโวหาร รับราชการอยู่ ๕ ปี ถึงแก่กรรมในรัชกาลที่ ๔ เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ มีอายุได้ ๗๐ ปี"

ปีเกิด-ตาย ของสุนทรภู่ ตามการตีความใหม่
สุนทรภู่บวชเมื่ออายุเท่าไร ความเชื่อเดิมคือ บวชเมื่อแก่อายุถึง ๓๘ แล้ว

เมื่อต้นรัชกาลที่สี่ พ.ศ. ๒๔๙๕ มี “ประกาศเรื่องเถรจั่นแทงผู้มีชื่อแล้วหนีไป และห้ามไม่ให้บวชกุลบุตรอายุพ้น ๒๔ ถึง ๗๐ เป็นเถรเป็นเณร”
https://vajirayana.org/ประชุมประกาศรัชกาลที่-๔-ภาคปกิรณกะ-ส่วนที่-๑/๒๘๘-ประกาศเรื่องเถรจั่นแทงผู้มีชื่อแล้วหนีไป-และห้ามไม่ให้บวชกุลบุตรอายุพ้น-๒๔-ถึง-๗๐-เป็นเถรเป็นเณร
ทรงอ้างประเพณีโบราณว่า ชายไทยบวชได้ตั้งแต่เกิดจนถึง ๒๑ อนุโลมให้ล่าช้าไปได้ถึงอายุ ๒๓ นี่เป็นทั้งเงื่อนไขและเป็นทั้งพระราชนิยม

การที่สุนทรภู่สึกแล้วยังเข้ารับราชการได้อีก ทั้งยังได้ถวายงานไกล้ชิต แสดงว่าไม่ได้ละเมิดประกาศฉบับนี้
เรื่องบวชเมื่อแก่จึงเป็นอันตกไป

แล้วบวชเมื่อไร ตอบว่า ตามพระราชนิยมแล้ว ต้องอายุไม่เกิน ๒๓
โชคดีที่เราทราบอายุของพัด บุตรชาย เพราะกศร.กุหลาบ เคยให้การไว้ว่า
"บุตรคนใหญ่ชื่อนายพัดๆ ยังอยู่ทุกวันนี้มีอายุศม์ 86 ปี ยังมีกําลัง แขงแรงพอจะไปไหนไปได้ สติก็ยังดี ปกติอยู่มาก พอถามได้ใจความตามที่ลงมานี้บ้าง"
สยามประเภท สุนทโรวาทพิเศษ ออกวันแรม 15 ค่ำ เดือน 8 เล่มที่ 5 ตอนที่ 14 วันที่ 12 กรกฎาคม ร.ศ. 123
https://www.silpa-mag.com/history/article_87693

สรุปว่าพัดเกิด ๒๓๖๒ เมื่อพ่อบวชอายุเพียง ๕ ขวบ ถ้าพ่อบวชเมื่ออายุ ๒๐ ก็จะมีลูกตั้งแต่ ๑๕ ขวบ แต่ถ้าบวช ๒๓ ก็จะมีลูกเมื่ออายุ ๑๘
จึงเชื่อว่าสุนทรภู่เกิด พ.ศ. ๒๓๔๔

ปีตาย
สมเด็จฯ ทรงนิพนธ์ไว้อย่างเลื่อนลอยว่า
"ตั้งแต่สุนทรภู่ได้เป็นที่พระสุนทรโวหาร รับราชการอยู่ ๕ ปี ถึงแก่กรรมในรัชกาลที่ ๔ เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ มีอายุได้ ๗๐ ปี["

หลักฐานจากหลายแหล่ง ช่วยหาข้อยุติในเรื่องนี้
๑ นิราศภูเขาทอง
ยืนยันว่าแต่งเมื่อพระจอมเกล้าสวรรคตไปแล้ว ดังนั้นสุนทรภู่จึงอยู่มาถึงปีแรกๆ ของรัชกาลที่ห้า

๒ การพิมพ์พระอภัยมณีเป็นที่ระลึกในงานพระเมรุพระจอมเกล้า ในพ.ศ. ๒๔๑๒
หนังสือชุดนี้ มี ๒๐ เล่ม จำนวนหน้ารวมกัน มากกว่า ๑๒๐๐ หน้า
ผู้แต่งเท่านั้นที่จะรับรองเนื้อหาตีพิมพ์มากมายเช่นนี้ ให้ทันงานพระเมรุในเวลาเพียง ๑๕ เดือน
(สวรรคตเดือน ๑๑ งานพระเมรุ เดือน ๔)

สุนทรภู่จึงยังมีชีวิตอยู่ใน พ.ศ. ๒๔๑๒

๓ ครูสมิทตามหาทายาท
หลังงานพระเมรุ ครูสมิทจัดเล่มหนังสือเสียใหม่เป็น ๑ เล่มสมุดไทยต่อ ๑ เล่มสมุดพิมพ์ จำหน่ายเล่มละสลึง
เมื่อราคาย่อมเยาว์จึงขายดีมาก แต่ที่แท้ทำเงินมหาศาล
ถ้าเรื่องตามหาทายาทสุนทรภู่มารับเงินค่าลิขสิทธิ์เป็นเรื่องจริง สุนทรภู่ก็อยู่ไม่ทันดูความสำเร็จของพระอภัยมณี

เป็นไปได้ว่าท่านมีชีวิตไม่เกิน พ.ศ. ๒๔๑๔
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่